ก่อนหน้านี้แอดมินได้เขียนบทความเกี่ยวกับการหางานของนักศึกษาจบใหม่ไว้ให้อ่านกัน “การหางานของเด็กจบใหม่ในญี่ปุ่น สนามเพื่อการเติบโตและเรียนรู้” ใครที่ยังไม่ได้อ่านตามไปอ่านกันได้เลยครับ ในวันนี้แอดมินขอมาเล่าประสบการณ์ที่ได้ไปสัมผัสมาในการหางานของเด็กจบใหม่ในต่างจังหวัดกันดูบ้างนะครับ ต้องขอบอกก่อนว่าแอดมินไปในฐานะบริษัทที่รับสมัครพนักงานนะครับ
ในครั้งนี้ที่แอดมินได้เข้าร่วมเป็นการหางานที่จัดขึ้นที่จังหวัดชิซึโอกะ ผู้จัดงานจะมีตารางกำหนดสำหรับการพูดคุยระหว่างบริษัทกับผู้ที่สนใจเข้ารับฟังแบ่งเป็นรอบๆ อย่างคราวนี้ได้แบ่งเป็นทั้งหมด 8 รอบด้วยกัน โดยในแต่ละรอบใช้เวลาประมาณ 35 นาทีด้วยกัน ในทางปฏิบัติจริง ทางผู้ที่มารับสมัครงานมักจะพูดคุยประมาณ 30 นาที และที่เหลืออีก 5 นาที ไว้สำหรับให้ผู้ที่สนใจในบริษัททำการสอบถาม
ในงานนี้มีบริษัทที่เข้าร่วมกว่า 300 บริษัท ทางผู้จัดงานก็จะจัดเตรียมในส่วนของ โต๊ะ เก้าอี้ ฉากหลังให้เรียบร้อยเป็นอย่างดี โดยเก้าอี้นั้น จากในรูปทางผู้จัดจะให้เก้าอี้ 6 ตัวต่อบูธเพื่อให้ผู้ที่สนใจเข้าฟังการบรรยายของบริษัทมานั่งฟังได้
ก่อนจะเริ่มงานรอบแรกหรือหลังจบแต่ละรอบแล้วเมื่อ ก็จะมีผู้ที่สนใจจะเข้าฟังสำหรับรอบถัดไปมานั่งรอเพื่อที่จะรับฟังการบรรยายของบริษัท เมื่อเข้ามาที่บูธแล้วทางนักศึกษาจบใหม่จะยื่นเอกสารที่มีข้อมูลส่วนตัวในเบื้องต้นให้กับเจ้าหน้าที่แต่ละบูธ (ไม่ใช่ Resume นะครับ ข้อมูลในนี้อาจจะมีแค่ ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ รวมไปถึงมหาวิทยาลัยที่จบมาแค่นั้นเอง) ซึ่งทางบริษัทเองก็จะแจกเป็นเอกสารข้อมูลให้กับทางผู้มาเข้าฟังทุกคน ในช่วงระหว่างรอนี้ผู้สมัครส่วนมากก็จะเปิดดูข้อมูลคร่าวๆ รวมไปถึงการผู้บรรยายเองก็อาจจะมีการพูดคุยกับผู้เข้าฟังกันเล็กน้อยพอเป็นพิธี
และก็มาถึงเวลาเริ่มบรรยาย ในบรรยากาศที่เห็นสำหรับบริษัทใหญ่ๆ ที่เป็นสนใจของนักศึกษาจำนวนมากเก้าอี้ที่เตรียมไว้ให้อาจจะไม่พอ ผู้ที่มาทีหลังก็จะยื่นต่อข้างหลังเพื่อรับฟังแทน ซึ่งในวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นแล้วนิยมที่จะเข้าทำงานกับบริษัทใหญ่ๆ มากกว่า เพราะถือว่ามั่นคงในหน้าที่ การงาน และรายได้ อย่างที่บอกก่อนหน้านี้ว่างานนี้จัดที่ต่างจังหวัด ดังนั้นก็ย่อมมีบริษัทเล็กๆ บริษัทในท้องถิ่นมาเปิดรับสมัครด้วย ซึ่งก็จะได้รับความสนใจน้อย หรืออาจจะไม่มีเลย อย่างเช่นบูธที่มาเปิดข้างๆ กับแอดมินนี้ ต้องบอกว่าทุกรอบว่างเปล่า ไม่มีเด็กคนไหนที่จะสนใจเข้ารับฟังเลยแม้แต่คนเดียว
ในรูปแบบการบรรยายนี้ค่อนข้างจะแตกต่างจาก Job Fair ในไทยพอสมควร เพราะในที่นี่เค้าจะบรรยายกันค่อนข้างจริงจัง จะพูดถึงกิจการบริษัท ทั้งในภาพรวม และเชิงลึก ถึงแม้กระทั่งบางบริษัทจะหยิบสถิติ เป็นกราฟ ต่างๆมาบรรยายให้ผู้รับฟังได้รับรู้กับทีเดียว ในตลอดการบรรยาย 30 นาทีนี้จะไม่เปิดโอกาสให้ผู้เข้ารับฟังสอบถามใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าสงสัยจะเก็บไว้ถามตอนท้ายเท่านั้น และทุกคนที่เข้าฟังบรรยายก็จะตั้งใจฟัง รวมไปถึงจดข้อมูลต่างๆ ไว้ในสมุดโน๊ตของตัวเองเพื่อไว้พิจารณากันทุกคนเลยก็ว่าได้ถึงแม้ว่าเมื่อรับฟังไปแล้วบริษัทอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้ ก็ไม่มีเข้าที่จะลุกหรือเดินออกไประหว่างมีการบรรยายอีกด้วย ค่อนข้างรักษามารยาทมากๆ เลย
หลังจากจบการฟังบรรยายและซักถามแล้ว ต่างคนต่างก็แยกยายไปตามบูธอื่นๆ ต่อไป ถึงแม้ว่างานนี้จะเรียกว่า Job Fair ก็ตามแต่ไม่มีการสมัครจริงๆเกิดขึ้น หลังจบงานถ้าผู้สมัครสนใจบริษัทไหนจริงๆ แล้วล่ะก็ เขาจะเข้าไปในเว็บไซต์ที่ทางผู้จัดงานได้ทำขึ้นไว้ให้เพื่อ กรอกข้อมูลและส่ง Resume ไปยังบริษัทที่สนใจจะขอเข้ารับสัมภาษณ์จริงอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเอกสารที่บริษัทได้แจกให้ผู้เข้าฟังบรรยายจะมีข้อมูลสำหรับติดต่อไว้ให้ แต่ก็จะไม่มีการส่ง Resume ไปให้ทางบริษัทโดยตรง แต่จะทำผ่านฟอร์มที่ได้จัดไว้ให้เท่านั้น (อันนี้แอดมินเห็นแล้วยังต้องชื่นชมจริงๆ ว่าเค้าเคร่งครัดเรื่องกฏระเบียบกันมาก)
มาถึงตรงนี้แล้วเป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับรูปแบบการหางานของเด็กจบใหม่ที่ญี่ปุ่น แอดมินรู้สึกได้ถึงความเป็นระเบียบ (มากๆ) ของที่นี่ ซึ่งถ้าถามแอดมินเองก็คงต้องตอบว่าแตกต่างจากที่จัดขึ้นที่ไทยเป็นอย่างมาก จากการที่ได้เป็นผู้รับสมัครพนักงานตามงานต่างๆในไทยมาหลายๆที่
By : raimai
ในครั้งนี้ที่แอดมินได้เข้าร่วมเป็นการหางานที่จัดขึ้นที่จังหวัดชิซึโอกะ ผู้จัดงานจะมีตารางกำหนดสำหรับการพูดคุยระหว่างบริษัทกับผู้ที่สนใจเข้ารับฟังแบ่งเป็นรอบๆ อย่างคราวนี้ได้แบ่งเป็นทั้งหมด 8 รอบด้วยกัน โดยในแต่ละรอบใช้เวลาประมาณ 35 นาทีด้วยกัน ในทางปฏิบัติจริง ทางผู้ที่มารับสมัครงานมักจะพูดคุยประมาณ 30 นาที และที่เหลืออีก 5 นาที ไว้สำหรับให้ผู้ที่สนใจในบริษัททำการสอบถาม
ในงานนี้มีบริษัทที่เข้าร่วมกว่า 300 บริษัท ทางผู้จัดงานก็จะจัดเตรียมในส่วนของ โต๊ะ เก้าอี้ ฉากหลังให้เรียบร้อยเป็นอย่างดี โดยเก้าอี้นั้น จากในรูปทางผู้จัดจะให้เก้าอี้ 6 ตัวต่อบูธเพื่อให้ผู้ที่สนใจเข้าฟังการบรรยายของบริษัทมานั่งฟังได้
ก่อนจะเริ่มงานรอบแรกหรือหลังจบแต่ละรอบแล้วเมื่อ ก็จะมีผู้ที่สนใจจะเข้าฟังสำหรับรอบถัดไปมานั่งรอเพื่อที่จะรับฟังการบรรยายของบริษัท เมื่อเข้ามาที่บูธแล้วทางนักศึกษาจบใหม่จะยื่นเอกสารที่มีข้อมูลส่วนตัวในเบื้องต้นให้กับเจ้าหน้าที่แต่ละบูธ (ไม่ใช่ Resume นะครับ ข้อมูลในนี้อาจจะมีแค่ ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ รวมไปถึงมหาวิทยาลัยที่จบมาแค่นั้นเอง) ซึ่งทางบริษัทเองก็จะแจกเป็นเอกสารข้อมูลให้กับทางผู้มาเข้าฟังทุกคน ในช่วงระหว่างรอนี้ผู้สมัครส่วนมากก็จะเปิดดูข้อมูลคร่าวๆ รวมไปถึงการผู้บรรยายเองก็อาจจะมีการพูดคุยกับผู้เข้าฟังกันเล็กน้อยพอเป็นพิธี
และก็มาถึงเวลาเริ่มบรรยาย ในบรรยากาศที่เห็นสำหรับบริษัทใหญ่ๆ ที่เป็นสนใจของนักศึกษาจำนวนมากเก้าอี้ที่เตรียมไว้ให้อาจจะไม่พอ ผู้ที่มาทีหลังก็จะยื่นต่อข้างหลังเพื่อรับฟังแทน ซึ่งในวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นแล้วนิยมที่จะเข้าทำงานกับบริษัทใหญ่ๆ มากกว่า เพราะถือว่ามั่นคงในหน้าที่ การงาน และรายได้ อย่างที่บอกก่อนหน้านี้ว่างานนี้จัดที่ต่างจังหวัด ดังนั้นก็ย่อมมีบริษัทเล็กๆ บริษัทในท้องถิ่นมาเปิดรับสมัครด้วย ซึ่งก็จะได้รับความสนใจน้อย หรืออาจจะไม่มีเลย อย่างเช่นบูธที่มาเปิดข้างๆ กับแอดมินนี้ ต้องบอกว่าทุกรอบว่างเปล่า ไม่มีเด็กคนไหนที่จะสนใจเข้ารับฟังเลยแม้แต่คนเดียว
ในรูปแบบการบรรยายนี้ค่อนข้างจะแตกต่างจาก Job Fair ในไทยพอสมควร เพราะในที่นี่เค้าจะบรรยายกันค่อนข้างจริงจัง จะพูดถึงกิจการบริษัท ทั้งในภาพรวม และเชิงลึก ถึงแม้กระทั่งบางบริษัทจะหยิบสถิติ เป็นกราฟ ต่างๆมาบรรยายให้ผู้รับฟังได้รับรู้กับทีเดียว ในตลอดการบรรยาย 30 นาทีนี้จะไม่เปิดโอกาสให้ผู้เข้ารับฟังสอบถามใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าสงสัยจะเก็บไว้ถามตอนท้ายเท่านั้น และทุกคนที่เข้าฟังบรรยายก็จะตั้งใจฟัง รวมไปถึงจดข้อมูลต่างๆ ไว้ในสมุดโน๊ตของตัวเองเพื่อไว้พิจารณากันทุกคนเลยก็ว่าได้ถึงแม้ว่าเมื่อรับฟังไปแล้วบริษัทอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้ ก็ไม่มีเข้าที่จะลุกหรือเดินออกไประหว่างมีการบรรยายอีกด้วย ค่อนข้างรักษามารยาทมากๆ เลย
หลังจากจบการฟังบรรยายและซักถามแล้ว ต่างคนต่างก็แยกยายไปตามบูธอื่นๆ ต่อไป ถึงแม้ว่างานนี้จะเรียกว่า Job Fair ก็ตามแต่ไม่มีการสมัครจริงๆเกิดขึ้น หลังจบงานถ้าผู้สมัครสนใจบริษัทไหนจริงๆ แล้วล่ะก็ เขาจะเข้าไปในเว็บไซต์ที่ทางผู้จัดงานได้ทำขึ้นไว้ให้เพื่อ กรอกข้อมูลและส่ง Resume ไปยังบริษัทที่สนใจจะขอเข้ารับสัมภาษณ์จริงอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเอกสารที่บริษัทได้แจกให้ผู้เข้าฟังบรรยายจะมีข้อมูลสำหรับติดต่อไว้ให้ แต่ก็จะไม่มีการส่ง Resume ไปให้ทางบริษัทโดยตรง แต่จะทำผ่านฟอร์มที่ได้จัดไว้ให้เท่านั้น (อันนี้แอดมินเห็นแล้วยังต้องชื่นชมจริงๆ ว่าเค้าเคร่งครัดเรื่องกฏระเบียบกันมาก)
มาถึงตรงนี้แล้วเป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับรูปแบบการหางานของเด็กจบใหม่ที่ญี่ปุ่น แอดมินรู้สึกได้ถึงความเป็นระเบียบ (มากๆ) ของที่นี่ ซึ่งถ้าถามแอดมินเองก็คงต้องตอบว่าแตกต่างจากที่จัดขึ้นที่ไทยเป็นอย่างมาก จากการที่ได้เป็นผู้รับสมัครพนักงานตามงานต่างๆในไทยมาหลายๆที่
By : raimai