5 วัฒนธรรมคันไซ ที่ทำให้ชาวต่างชาติถึงกับต้องตะลึง!



ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไม่ว่าจะเป็นชาวเอเชีย ยุโรป อเมริกา หรือแม้กระทั้งชาวแอฟฟริกา นิยมเข้ามาท่องเที่ยวในเขตคันไซของญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากคันไซเป็นสถานที่ที่ทุกคนจะได้เพลิดเพลินไปกับร้านอาหารราคาถูกแสนอร่อย ศาลเจ้าและวัดต่างๆที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่มีความเป็นมายาวนาน และยังสามารถออกไปดื่มด่ำกับธรรมชาติที่แสนสวยงามและบรรยากาศในชนบทที่แสนสดชื่น

แม้ว่าคันไซจะเป็นสถานที่ที่น่าดึงดูดใจมากแค่ไหน แต่ถ้าหากได้ลองอาศัยอยู่ในคันไซจริงๆจะทราบถึงสิ่งที่แปลกประหลาดในหลายๆเรื่อง โดยทางผู้สัมภาษณ์ได้ทำการสอบถามจากชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเขตคันไซของญี่ปุ่น ได้แก่ ชาวไทย อินเดีย และอินโดนีเซีย เกี่ยวกับวัฒนธรรมของคันไซที่น่าตกใจ คำตอบที่ได้มีดังต่อไปนี้

 

น้ำเสียงของคนคันไซที่ชาวต่างชาติได้ยินแล้วรู้สึกเหมือนว่าโกรธอยู่




ประเทศญี่ปุ่นมีลักษณะเด่นของสำเนียงท้องถิ่นที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละพื้นที่ หนึ่งในสำเนียงท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เป็นอย่างมากนั้นก็คือ สำเนียงคันไซ ที่จะใช้อยู่ในเขตคันไซ 

ภาษากลางที่ใช้สื่อสารในโตเกียวมีต้นกำเนิดที่เขตคันโต จะไม่มีเสียงสูงต่ำในการพูด น้ำเสียงสูงต่ำท้ายประโยคก็จะไหลลื่นไปตามธรรมชาติ ส่วนภาษาหรือสำเนียงของคันไซจะมีลักษณะเด่นของการพูด ที่น้ำเสียงเวลาพูดจะค่อนข้างหนักแน่นและเป็นจังหวะ

“แต่ด้วยเนื่องจากการเรียนที่โรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นที่ผมเรียน จะสอนเป็นภาษากลางพื้นฐานทั่วไปของญี่ปุ่น” ชายชาวอินโดนีเซียที่เข้ามาอาศัยอยู่ที่คันไซได้เล่าว่า “ตกใจที่ได้ยินสำเนียงคันไซครั้งแรก นึกว่าคนพูดกำลังโกรธ” ( ฮ่าๆ) 

ตอนนี้ได้มีโอกาศได้คุยกับคุณป้าที่พูดด้วยสำเนียงและภาษาคันไซ คุณป้าถามว่า เธอสามารถทำสิ่งนี้ได้ไหม ด้วยคำว่า ทำนี่เป็นป่ะ!! หรือ เอ็งทำนี่ได้ป่ะ!! ทำให้ผมรู้สึกกลัว แต่ผมก็หายกลัว รู้สึกโล่งใจเมื่อผมได้ทราบว่านี่เป็นวัฒนธรรมการพูดของคนคันไซ

แม้ว่าสำเนียงการพูดจะฟังแล้วดูเหมือนกำลังโกรธ แต่ว่าในความเป็นจริงแล้วนั้นกลับตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง ชาวคันไซน่ารักมาก เข้ากับผู้คนได้ง่าย พูดคุยสนุกและเป็นกันเอง

 

คนและสัตว์สลับตำแหน่งกัน




สวนลิงอาราชิยามะอิวาตะยามะ ที่ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีชื่อเสียงตั้งอยู่ในภูเขาอาราชิ เมืองเกียวโต หากเดินไปตามเส้นทางในการเดินป่าประมาน 20 นาที จะพบกับที่พักของบรรดาลิงญี่ปุ่นที่มาอาศัยอยู่รวมๆกันราว 120 ตัว และจะได้เพลิดเพลินไปกับวิวธรรมชาติในฤดูกาลนั้นๆและบรรดาลิงน้อยใหญ่เข้ามาคลุกคลีกับผู้คนได้อย่างใกล้ชิด

ชายชาวอินเดียที่ได้ไปเที่ยวที่สวนลิงอาราชิยามะอิวาตะยามะ บอกว่ารู้สึกตกใจกับภาพที่เห็นในขณะนั้นเป็นอย่างมาก ที่ผู้คนเข้าไปเล่น ไปให้อาหารกับลิงภายในกรง

ซึ่งจริงๆแล้วการที่สวนลิงอะราชิยามะอิวะตะยะมะให้ผู้คนที่ต้องการให้อาหารลิง ต้องเข้าไปให้อาหารบรรดาลิงทั้งหลายในกรง เนื่องจากว่าเพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัยของทั้งคนและลิงนั้นเอง

“ ที่อินเดียถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากถ้าเจอเหตุการณ์ที่คนเข้าไปอยู่ในกรงของลิงป่า เนื่องจากที่อินเดียมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่จำนวนมาก และผู้คนก็รักสัตว์มาก จึงกังวลถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น

ถึงแม้ว่าการกระทำเช่นนี้จะเป็นการป้องกันอันตรายระหว่างคนกับลิง แต่สำหรับชาวต่างชาติอย่างผมแล้ว ก็ยังรู้สึกว่าอันตรายอยู่ดีละนะ ”

 

แค่ออกมาเดินเล่นกับลูกสองคน




หญิงสาวชาวไทยที่แต่งงานกับชายชาวญี่ปุ่นบอกว่า ตอนที่เธอมีลูก เธอมักจะพาลูกออกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะกันสองคน และด้วยตอนนั้นเธอจะไว้ผมสั้น หน้าก็แทบจะไม่ได้แต่ง และด้วยที่เธอเป็นผู้หญิงร่างเล็ก 

ดังนั้นเมื่อไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะกับลูก ก็จะมีคุณป้าที่เป็นคนโอซาก้าเข้ามาแตะที่ไหล่เธอแล้วตะโกนว่า “ นี่แก!! ลักพาตัวเด็กหรอ ”

กลับกลายเป็นว่าหญิงไทยถูกมองว่าเป็นชายหนุ่ม และยังถูกมองว่ากำลังลักพาตัวเด็กอีกด้วย

 เธอจึงตอบคุณป้าคนนั้นไปว่า “ ไม่ใช่นะคะ ฉันเป็นผู้หญิง และนี่คือลูกของฉันค่ะ ” (ฮ่าๆ) และนี่คือนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์ของคนคันไซ ที่ใส่ใจคนรอบข้างเสมอ “ อย่างตอนที่อยู่ที่โตเกียวฉันไม่เคยโดนทักแบบนี้แม้แต่ครั้งเดียว” (ฮ่าๆ)

หลังจากนั้น เธอได้บอกว่าเธอเข้าใจว่าคุณป้าคงรู้สึกเป็นห่วงเรื่องของความปลอดภัย จึงเดินออกมาด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้ติดใจโกรธอะไร ซึ่งความสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าถือเป็นสิ่งที่ยุ่งยากสำหรับคนทั่วไป แต่ชาวคันไซเป็นคนที่ให้ความสนใจกับสิ่งต่างๆรอบตัว คอยสอดส่องดูแลความปลอดภัยของผู้คนภายในเมือง คันไซจึงเป็นเมืองที่ปลอดภัยและเต็มไปด้วยความเอาใจใส่ของผู้คน

 

บ้านเมืองที่ตั้งเรียงรายในโอซาก้า




มีคนเคยบอกว่าที่ญี่ปุ่นไม่มีขยะตามข้างถนนเลย ชาวต่างชาติที่มาเยือนญี่ปุ่นบอกว่ารู้สึกประทับใจในความสะอาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเมืองของโตเกียวที่เป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่น จะพบกับบรรยากาศของบ้านเมืองที่เรียงรายกันอย่างสวยสดงดงาม

แต่จากการที่ได้สัมภาษณ์ชายชาวอินโดนีเซีย เล่าว่าตกใจมากที่พบถังขยะวางอยู่หลายๆใบในเมืองโอซาก้า โดยเฉพาะในย่าน ShinsegaeและDotonbori ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คาดว่าจะมีการทิ้งขยะของนักท่องเที่ยว

นอกจากนี้หมู่บ้าน Shinsaibashi หรือหมู่บ้านของชาวอเมริกา ยังเป็นสถานที่ยอดนิยมของวัยรุ่นหนุ่มสาวที่มักจะนัดพบรวมตัวกัน ตามร้านค้าที่เรียงรายกันตามตรอกซอกซอยอย่างครึกครื้น บางจุก็จะมีภาพวาดสีผนัง ถึงแม้อาจจะดูแปลกตาไปสักหน่อย แต่ก็เป็นประเทศที่สวยงามมาก

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศที่ครึกครื้นเหล่านี้ก็เป็นเหมือนเอกลักษณ์ของโอซาก้า ที่ทำให้เราได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศที่วุ่นวาย แต่ก็เป็นความรู้สึกที่ดีที่จะได้มาเยือนโอซาก้าในบรรยากาศเช่นนี้ 

 

รสชาติอาหารในโอซาก้า


ถ้าพูดถึงอาหารในโอซาก้าที่ชาวต่างชาติให้ความนิยมคงจะเป็น Okonomiyaki และTakoyaki และแน่นอนว่าชาวต่างชาติที่มาเยือนโอซาก้าจะได้เห็นวิธีการทานอาหารของคนโอซาก้าที่จะยัด Okonomiyaki และTakoyaki เข้าไปในปากอย่างเต็มปากเต็มคำจนแก้มตุ่ย แต่ชายหนุ่มชาวอิโดนีเซียกลับได้แสดงความคิดเห็นว่า “ คงจะอร่อยถ้าเผ็ดกว่านี้สักหน่อย ”

เนื่องจากในประเทศแทบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในอาหารหลายๆอย่างจะมีพริกเป็นส่วนผสม แต่ใน Okonomiyaki และTakoyaki กลับไม่มีส่วนผสมที่ทำให้เผ็ดเลย สิ่งที่เผ็ดที่สุดก็คงจะเป็นขิงดอง

“ ดังนั้นเวลาที่ผมไปทานอาหารผมมักจะนำพริกติดตัวไปด้วยเสมอ ไม่ใช่แค่ร้านอาหารในโอซาก้า แต่ทุกร้านอาหารในญี่ปุ่น แม้กระทั้งร้านอาหารอินโดนีเซียในญี่ปุ่นก็เช่นกัน และเมื่อครอบครัวผมมาเที่ยวที่ญี่ปุ่น ผมก็จะบอกเสมอว่าให้นำพริกมาด้วย ถ้าคุณเป็นชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เหมือนผมคุณจะเข้าใจสิ่งที่ผมบอกเป็นอย่างดี ”

หากคุณอาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่นเป็นเวลานาน คุณจะหลงลืมรสชาติของอาหารบ้านเกิดคุณ อาจจะกลายเป็นชื่นชอบรสชาติของอาหารญี่ปุ่นก็เป็นได้

ในแต่ละพื้นที่ของญี่ปุ่นจะมีความแตกต่างกันออกไป คันไซก็เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะที่โดดเด่น เป็นสถานที่ที่ครึกครื้น ผู้คนน่ารักและเป็นมิตร ดังนั้นอย่าพลาดที่จะมาท่องเที่ยวเยือมชมและสัมผัสวัฒนะธรรมที่เป็นเอกลักษณ์คันไซ

Text by : บริษัท เวสท์แพลน จำกัด

 

ขอบคุณบทความจาก : www.livejapan.com