เรื่องราวก็จะต่อจากวันแรก ดูได้ที่ https://www.www.jgbthai.com/lost-in-nagasaki-day/
เช้าวันใหม่ของอีกวันที่นางาซากิ เป็นวันสุดท้ายที่จะเที่ยวในเมืองนี้ก็เลยจะไปทางรถรางอีกสายนึงที่เมื่อวานเราไม่ได้ไป มีที่ไหนที่เราไปได้ก็จะไป
ที่ๆแรกที่เราไปเลยคือ Nagasaki Peace park ลงที่สถานี Matsuyamamachi มีป้ายบอกทางที่มุมถนนอยู่ให้เราข้ามถนนไป จะเห็นขั้นบันไดสูงและบันไดเลื่อนสูงๆ
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1945 เวลา 11.02 นาฬิกา คือ เวลาที่ระเบิดปรมาณู Fatman ของสหรัฐฯ ได้ถูกโยนทิ้งลงในนางาซากิ ซึ่งทำให้หลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาที เมืองนางาซากิก็กลายเป็นเมืองที่พังย่อยยับ ผู้คนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากและเป็นโศกนาฏกรรมที่คนญี่ปุ่นจดจำไปตลอดกาล
นั่งเพลินๆดูวิวไปเรื่อยๆ เก็บบรรยากาศ ที่นี่ปิด4ทุ่มเราก็กลับ 4 ทุ่ม อยู่จนเค้าไล่5555
จบแล้วกับการเดินหลงในนางาซากิ 2 วันกับอีก 1 คืน จริงๆมันก็มีที่อื่นอีกหลายที่แหละแต่เราดันใช้เวลาส่วนใหญ่กับการเดินมั่วๆหลงๆไร้จุดหมายมากกว่า ได้ไปเท่านี้ก็ถือว่าเยอะสำหรับเราแล้ว สำหรับใครมานางาซากิแล้วแต่ยังไม่ได้แพลนอะไรก็ดูทริปไฟไหม้ไร้แผนของเราเป็นแนวทางได้เลยหรือจะก๊อปไปเลยก็ยินดีครับผม
เช้าวันใหม่ของอีกวันที่นางาซากิ เป็นวันสุดท้ายที่จะเที่ยวในเมืองนี้ก็เลยจะไปทางรถรางอีกสายนึงที่เมื่อวานเราไม่ได้ไป มีที่ไหนที่เราไปได้ก็จะไป
ที่ๆแรกที่เราไปเลยคือ Nagasaki Peace park ลงที่สถานี Matsuyamamachi มีป้ายบอกทางที่มุมถนนอยู่ให้เราข้ามถนนไป จะเห็นขั้นบันไดสูงและบันไดเลื่อนสูงๆ
▼ ลานน้ำพุ Fountain of Peace
ระหว่างเดินออกจาก Nagasaki peace park ไป Nagasaki Atomic Bomb Museum ก็จะเจอลานโล่งกว้าง เงียบสงบ มีแท่งดำๆคล้ายอนุสาวรีย์และซากโบสถ์อยู่ใกล้ๆกัน
▼ จุดศูนย์กลางที่ระเบิดปรมาณูตก (Hypocenter of The Atomic Bomb)
▼ ซากของโบสถ์ Urakami Cathedral หลังจากโดนระเบิด
Nagasaki Atomic Bomb Museum จะเป็นมิวเซียมที่รวมเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เมืองโดนระเบิดปรมาณูในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ละห้องจัดแสดงก็จะแยกเป็น เหตุการณ์ตอนระเบิด สิ่งของที่หลงเหลือจากเหตุการณ์นั้น รวมถึงผลกระทบของระเบิดที่คร่าชีวิตผู้คนในนางาซากิไปไม่น้อย
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1945 เวลา 11.02 นาฬิกา คือ เวลาที่ระเบิดปรมาณู Fatman ของสหรัฐฯ ได้ถูกโยนทิ้งลงในนางาซากิ ซึ่งทำให้หลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาที เมืองนางาซากิก็กลายเป็นเมืองที่พังย่อยยับ ผู้คนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากและเป็นโศกนาฏกรรมที่คนญี่ปุ่นจดจำไปตลอดกาล
You are only given One life, So cherish this moment Cherish this day, Be kind to others, Be kind to yourself
-Yasujiro Tanaka
เมื่อเราหิวอีกรอบ ก็คงต้องหาอะไรกินแถวมิวเซียมก่อนไปที่อื่นต่อ
หลังกินเสร็จ เดินต่อไปไม่ไกลก็จะเจอโบสถ์สีอิฐส้มๆสะดุดตา ก็คือโบสถ์ Urakami เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ซากที่เห็นจากจุดที่ระเบิดปรมาณูลงก็คือ ซากของโบสถ์นี้แหละ ก่อนที่เค้าจะสร้างโบสถ์ใหม่ ข้างๆตัวโบสถ์ก็จะเห็นรูปซากรูปปั้นเมื่อตอนหลังระเบิดละยังหลงเหลืออยู่ไม่ว่าจะเป็นรูปปั้นพระแม่มารี พระเยซู
ปิดท้ายก่อนหมดไปอีก 1 วัน เราเลยว่าจะไปหาที่นั่งดูวิวอีกซักที่ก่อนกลับโรงแรม ก็เลยนั่งรถรางไปสถานี no.25 Takaramachi แล้วเดินต่อไปตามป้ายบอกทางว่าไปเขาอินาสะ (Inasayama) ซึ่งใช้เวลาในการเดินแอบนานหน่อยๆแล้วต่อด้วย ropeway ขึ้นไปที่จุดชมวิว ไปถึงตอนนั้นก็มืดพอดีเลยเห็นวิวตอนอยู่ในกระเช้าไม่ค่อยชัด ค่าขึ้น ropeway ไปบนเขาจะอยู่ที่ราคาประมาณ 1,230 เยน
นั่งเพลินๆดูวิวไปเรื่อยๆ เก็บบรรยากาศ ที่นี่ปิด4ทุ่มเราก็กลับ 4 ทุ่ม อยู่จนเค้าไล่5555
จบแล้วกับการเดินหลงในนางาซากิ 2 วันกับอีก 1 คืน จริงๆมันก็มีที่อื่นอีกหลายที่แหละแต่เราดันใช้เวลาส่วนใหญ่กับการเดินมั่วๆหลงๆไร้จุดหมายมากกว่า ได้ไปเท่านี้ก็ถือว่าเยอะสำหรับเราแล้ว สำหรับใครมานางาซากิแล้วแต่ยังไม่ได้แพลนอะไรก็ดูทริปไฟไหม้ไร้แผนของเราเป็นแนวทางได้เลยหรือจะก๊อปไปเลยก็ยินดีครับผม
ปล.ใครอยากดูภาพกับเนื้อหาเต็มๆ สามารถมาดูได้ที่เพจ walk and walk ได้เหมือนเดิมนะครับ