![](wp-content/uploads/2019/11/tokyo-3day-2night.jpg)
เมืองโตเกียวสำหรับคนไทยคงเป็นเมืองแรกๆที่เราคิดจะมาท่องเที่ยวกันใช่มั้ยล่ะคะ ไม่ว่าจะกับเพื่อน ครอบครัว หรือแม้แต่มาคนเดียว แต่สำหรับใครที่บังเอิญมีธุระงานต้องมาติดต่อที่นี่คงจะกังวลนิดหน่อยใช่มั้ยล่ะคะ ว่ามันจะเป็นยังไงขอบอกเลยว่าถ้าเราไม่ได้ไปแหล่งท่องเที่ยวล่ะก็ โตเกียวอาจเป็นเมืองที่คุณไม่เคยรู้จักเลยก็ได้นะคะ
เอาล่ะ...พูดถึงเรื่องการเตรียมตัวก่อน ครั้งนี้เรามาโตเกียวทั้งหมด 3 วัน 2 คืน เรามาถึงตอนเย็นของวันศุกร์แล้วก็กลับเที่ยงวันอาทิตย์ เอาเงินไปทั้งหมด 30,000 เยน จ้า
![](https://www.www.jgbthai.com/wp-content/uploads/2019/11/B96E3DC5-BD1E-4D07-B850-96A6EF333FD9.jpeg)
สำหรับการเดินทางมาเรานั่งเครื่องบินมาลงที่ สนามบินนาริตะ แล้วนั่งรถไฟ skyliner Ueno มาลงที่สถานี Keisei Ueno ราคาประมาณ 2,300 เยน ใช้เวลาประมาณ 40 นาที รถไฟเป็นแบบจองที่นั่งทั้งหมดเพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าคนจะอัดกันจนไม่ได้ขึ้นแน่นอน
![](https://www.www.jgbthai.com/wp-content/uploads/2019/11/45CE5AF6-5114-4E86-AF0E-1264644C169C.jpeg)
พอมาถึงก็ได้เวลาอาหารเย็นกันแล้ว มาถึง Ueno ทั้งทีก็คงไม่พลาดร้านซูชิหน้าล้นอ่ะนะ เพราะเดินข้ามถนนจากสถานีแล้วก็เดินต่อไม่ถึง 5 นาทีก็เจอร้านแล้ว แต่รอคิวอีกกี่นาทีนี่ไม่แน่ใจนะคะ อาจจะ 20 นาทีก็ได้
![](https://www.www.jgbthai.com/wp-content/uploads/2019/11/406A3491-C440-474F-B00F-03BCA032DA9C.jpeg)
อยากจะขอโทษทุกคนจริงๆที่ซูชิหน้า chu toro หน้าล้นที่เราเคยเห็นกันไม่ใช่แนวที่เราชอบกินเลยอ่า เพราะฉะนั้นทุกคนเลยจะเห็นแค่ salmon, unagi แบบธรรมดาๆ อ่ะนะ แต่เรื่องรสชาตินี่ขอบอกเลยว่าอร่อยมาก เรากินไป 4 จาน ราคาประมาณ 1,500 เยน น่าจะแพงคุณปลาไหลนี่แหละ
![](https://www.www.jgbthai.com/wp-content/uploads/2019/11/D6F95288-110B-4666-BEFC-2649BF74E9F9.jpeg)
มาถึงที่พัก เรานอนที่ Centurion Ladies Hostel Ueno เราเลือกแบบถูกที่สุดเลยจ้า สองคืน 9,000 เยน คือ นอนสไตล์แบบแคปซูล และมีล็อกเกอร์ให้เก็บกระเป๋าแยก เอาจริงๆเราประทับใจที่นี่มากเลยนะ ที่พักสะอาด ห้องน้ำใช้รวมกันแต่มีห้องอาบน้ำแยกเป็นห้องๆ และที่สำคัญคือทุกคนอยู่กันแบบเงียบมาก แทบไม่มีใครส่งเสียงรบกวนใครเลย รักษามารยาทกันดีสุดๆ
ในเรื่องของการเดินทางเราใช้บัตร IC Card หรือบัตรเดิมเงินที่สามารถใช้ได้กับทุกที่ ไม่ว่าจะเป็น JR, subway, bus หรือจ่ายค่าอาหารในบางร้านก็ได้นะ แต่อันนี้เราเติมเงินไว้ 1,000¥ เพื่อการเดินทางอย่างเดียว สะดวกมากๆเลยเพราะเวลาเราขึ้นรถไฟ เราจะเสียเวลาให้กับการกดตั๋วให้ถูกและเข้าสถานีให้ถูกใช้มั้ยล่ะ ถ้าเราใช้บัตรนี้ก็แตะได้เหมือนคนญี่ปุ่นที่นู่นเลย
ภารกิจของเราวันนี้ อยู่ที่มหาวิทยาลัย waseda วิทยาเขต waseda เราเลยไปศาลเจ้าใกล้ๆมหาวิทยาลัยซักหน่อย บอกเลยว่าเมื่อมาถึงย่านนี้แล้วขอให้ลืมความเป็นโตเกียวเมืองใหญ่ไปเลยนะ เพราะมันคือย่านมหาวิทยาลัยที่เงียบสงบร่มรื่นมากๆ ไร้ซึ่งความวุ่นวายของโตเกียวที่เราเคยเห็น ถือเป็นอีกมุมของโตเกียวที่เราไม่ค่อยคุ้นนัก
![](https://www.www.jgbthai.com/wp-content/uploads/2019/11/B123C4E6-A643-4745-A7FF-6BC744201E64.jpeg)
อันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยวาเซดะนี้เลยนะ บรรยากาศในมหาวิทยาลัยร่มรื่นมาก มีทั้งความคลาสสิคของตึกเรียนและร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่
![](https://www.www.jgbthai.com/wp-content/uploads/2019/11/23415D3D-EDB3-4B0E-968E-1CFB761BBE6D.jpeg)
เราเสร็จธุระประมาณบ่ายสองโมง เลยตัดสินใจนั่งรถไฟไป Harajuku ต่อ คนเยอะมากในระดับที่แทบจะไหลไปกับฝูงชน นอกจากร้านขายเสื้อผ้าของใช้น่ารักๆแล้ว สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างนึงคือ แฟชั่นการแต่งตัวของคนที่นั่น ไม่เฉพาะคนญี่ปุ่นนะ มันเหมือนเป็นที่ๆคนต่างชาติที่ชื่นชอบในแฟชั่นแบบนี้ได้แสดงออกมาด้วย แต่หากใครไม่ได้ชื่นชอบสไตล์นี้อาจใช้เวลาอยู่ที่นั่นไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ได้ค่ะ
![](https://www.www.jgbthai.com/wp-content/uploads/2019/11/27251A06-0285-4311-85CA-FF2B87BF705E.jpeg)
การมาโตเกียวครั้งนี้ของเราไม่ได้ทีเป้าหมายจะซื้อของหรือช้อปปิ้งอะไรเลย แต่ละที่คือไปเดินเล่น เอาบรรยากาศ หาอะไรทาน อาจจะฟังดูแปลกๆแต่มันก็ชิลไปอีกแบบนะ ฟังแล้วอาจจะตกใจ แต่หลังจากนั้นเราไป Shinjuku, Ikebukuro และ Shibuya ต่อด้วย
![](https://www.www.jgbthai.com/wp-content/uploads/2019/11/7AAEB7D9-62CD-4BB1-9C8D-CCD7AE25CC93.jpeg)
![](https://www.www.jgbthai.com/wp-content/uploads/2019/11/8A5D4E36-D020-451C-B333-E17E9AFDC474.jpeg)
![](https://www.www.jgbthai.com/wp-content/uploads/2019/11/B44ACEEF-7D90-4E4D-A4EB-1262FCFCE1BC.jpeg)
อันนี้เช้าวันกลับจ้า ระหว่างรอขึ้นรถไฟเราไปเดินเล่นที่ Ueno รอ ด้วยความที่ไม่อยากไปไกลจากสถานีมากเลยไปแค่ศาลเจ้ากับวัด
แถมนิดนึง ขนมเค้กชื่อดังในนาม Tokyo banana ออกขนมรุ่น limited fall and winter ชื่อ Mont blanc cake from Ginza ข้างในเป็นคัสตาร์ตรสคาราเมลกับเกาลัดแยกกันเป็นชั้น กลิ่นหอมใช้ได้เลย ใครเป็นสาวกขนมยี่ห้อนี้ หรือชื่นชอบเกาลัดกับคาราเมลอย่างเราล่ะก็ ห้ามพลาดเลยจ้า
สรุปทริปนี้ จริงๆถ้าไม่ซื้อขนมตอนจบคือเราใช้เงินไปประมาณ 22,000 เยน ไปเที่ยวแบบไม่ช้อบปิ้งมันก็สนุกไปอีกแบบนะเงินไม่เสียแต่ได้ประสบการณ์กับบรรยากาศเต็มเปี่ยมเลย