Zoo at the Museum (Maruyama Zoo: พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต)

ส่วนตัวผมไม่ค่อยแน่ใจว่าจะมีใครเป็นและรู้สึกเหมือนกับผมไหม ในการท่องเที่ยวแต่ละครั้ง การเดินทางไปยังแต่ละเมือง ผมมักจะหาโอกาสไปเที่ยวชมแหล่งเรียนรู้ต่างๆตามเมืองนั้นๆให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งเรียนรู้ตามธรรมชาติ พิพิธภัณฑ์ รวมไปถึงสวนสัตว์ก็เป็นหนึ่งในนั้น

สวนสัตว์มารุยามา (Maruyama Zoo) เป็นสวนสัตว์ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในตัวเมืองซัปโปโร ตามข้อมูลในหนังสือ จุดเด่นของสวนสัตว์แห่งนี้คือการสร้างสภาพแวดล้อมให้คล้ายคลึงกับธรรมชาติที่สัตว์เหล่านั้นอาศัยอยู่ รวมไปถึงจัดแสดงสัตว์ที่จะสามารถพบเจอได้เพียงแค่ในญี่ปุ่นเท่านั้น

ค่าเข้าชม : 600 เยน *ถ้าเด็กเข้าฟรี

เปิดทุกวัน เวลา : 9:30AM–4:30PM

พิกัด : https://goo.gl/maps/vXCPEEmSbf1fKWCU8



พอได้รู้อย่างนั้น GPS ในโทรศัพท์ของผมก็ถูกปักหมุด ขอแวะหยุดมองดูสักครู่ การได้ยืนมองดูแหล่งความรู้เดินเพ่นพ่านไปมา ปีนขึ้นปีนลง ดำผุดดำว่าย ดูจะเป็นกิจกรรมที่เพลินตาเพลินใจมากสำหรับผม

สวนสัตว์ในความรู้สึกของผมเปรียบเสมือนการเดินเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ มันทำให้ผมนึกถึงภาพยนต์เรื่อง Night at the museum ที่ในตอนกลางวันแหล่งความรู้ที่ถูกจัดแสดงเหล่านั้นจะหยุดนิ่ง ไม่ขยับเขยื่อน หากแต่พอตกกลางคืนเมื่อไหร่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์แห่งนั้นกลับมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ลองมาคิดๆดูอีกที สวนสัตว์ก็เป็นเช่นนั้น หากแต่ไม่ว่าจะมืดหรือสว่างก็จะมีการขยับเขยื่อนตลอดเวลา โชว์ความน่ารักอวดโฉมกับนักท่องเที่ยวจนอดไม่ได้ที่จะล้วงมือไปหยิบสมาร์โฟนมาบันทึกภาพเก็บไว้สักหน่อย แต่ของอย่างนี้มันต้องมากับดวงล้วนๆ ในบางจังหวะอย่าว่าแต่จะหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายเลย บางตัวมองตามแทบไม่ทัน

ในสวนสัตว์แห่งนี้เราจะได้เห็นสัตว์น้อยใหญ่มากมายหลากหลายสายพันธุ์ กวาดกลิ้งสายตามองดูแทบไม่หวาดไม่ไหว คิดในใจเล่นๆว่าถ้าคนเราสามารถกวัดแกว่งสายตาแบบกิ้งกาคาเมเลี่ยนได้ก็คงจะดีไม่น้อย แต่ในความเป็นจริงผมคงทำอย่างนั้นไม่ได้ บวกกับเวลาที่มีอยู่อย่างน้อยนิด เลยตัดสินใจกัดฟันขอไปชมไฮไลท์ของที่นี่ก่อน

สัตว์ชนิดแรกที่เตะตาต้องใจ ชวนให้เดินเข้าไปดูใกล้ๆคงหนีไม่พ้นเสือดาวหิมะ เสือใหญ่ดูท่าทางใจดีนอนรอตอนรับนักสำรวจที่เดินเข้ามาเยี่ยม หากแต่น่าเสียดาย ตามข้อมูลบนโลกออนไลน์ เสือชนิดนี้กำลังตกตกอยู่ในอันตราย และมีความเสี่ยงสูงที่ใกล้จะสูญพันธุ์





สัตว์ชนิดต่อมาถูกเรียกว่าแพนด้า แต่กลับไม่ได้มีอะไรเหมือนแพนด้าที่เราคุ้นชินเลยแม้แต่น้อย เจ้าแพนด้าแดงตัวน้อยมีความสามารถด้านการปีนป่ายที่ไม่น้อยตามขนาดตัว  ลองคิดสนุกๆหากมีการแข่งโอลิมปิกของสัตว์ สำหรับโอลิมปิกที่โตเกียว เจ้าตัวนี้น่าจะเป็นนักยิมนาสติกได้ไม่ยาก อาจมีเหรียญทองติดไม้ติดมือมาให้ประเทศบ้านเกิดได้ภาคภูมิใจ



หมีกริซลี่ เดินทางไกลข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากทวีปอเมริกาเหนือ ยักษ์ใหญ่สีน้ำตาลที่ได้ชื่อว่าเป็นหมีที่ใหญ่ที่สุดชนิดหนึ่งในโลก อันที่จริงดูเผินๆแล้วมนุษย์กับหมีไม่น่าจะมีอะไรเหมือนกันเลยสักนิด แต่สำหรับผม สิ่งที่น่าจะทำให้ผมกับเจ้าหมีกริซลี่เหมือนกันคงจะมีแค่เหตุผลเดียวเท่านั้น ใช่ครับ ปลาแซลม่อน!



สัตว์ชนิดถัดมามองไกลๆเหมือนเรือดำน้ำขนาดย่อมๆ เจ้าแมวน้ำตัวป้อมๆเหล่านี้ดึงดูดความสนใจผมได้ไม่น้อย หลังจากการเจอกันระหว่างผมกับแมวน้ำเหล่านี้  ทำให้ผมเข้าใจได้เลยว่าการโบกมือทักทายมันคือภาษาสากลอย่างแท้จริง





และสุดท้าย สัตว์ที่หาดูไม่ได้ง่ายๆเลย (ถ้าไม่นับตามสารคดี) คงหนีไม่พ้นหมีขาว เจ้าหมีขาวตุ้ยนุ้ยนี้ถูกใส่ชื่อเข้าไปในมุขที่คนไทยเราเคยเล่นกันขำๆว่า “รู้ไหม เหตุใดโลกถึงร้อน?” และแน่นอน คำตอบที่เราคุ้นเคยก็คือ “เพราะหมีขั้วโลกยังไงล่ะ” ลองมองย้อนกลับไปก็อดหัวเราะไม่ได้ หากแต่ในโลกความเป็นจริงนั้น  “รู้ไหม เหตุใดสิ่งมีชีวิตที่น่ารักเหล่านี้กำลังจะจากเราไป?” และแน่นอน คำตอบที่เรากำลังจะคุ้นเคยก็คือ “เพราะโลกร้อนยังไงล่ะ”



สำหรับวันนี้ผมก็พาทัวร์ไฮไลท์ตัวเอกเด่นๆของสวนสัตว์มารุยามา กันแล้ว หวังว่าเพื่อนๆจะแวะกันไปตามรีวิวนี้ เพื่อเยี่ยมเยือนเด็กเหมือนผมนะครับ แล้วครั้งหน้ามาติดตามกันนะคะ ว่าจะพาไปทัวร์ที่ไหนกันต่อ ขอบคุณที่ติดตามครับ