ถ้ามีโอกาสไปจังหวัดฮิโรชิมา ถ้าชอบธรรมชาติ ชอบต้นไม้ ลำธาร เราแนะนำว่า Sandankyo เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่ไม่ควรพลาดเลยค่ะ
ไปค่ะ!! เอาเท้าไปจุ่มน้ำให้หายเครียด สูดอากาศดีๆเข้าปอดกันกันเถอะ
การเดินทาง
การเดินทาง สามารถเดินทางด้วยรถบัส สาย “Sandankyo” ตอนที่เราไปใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆค่ะ ซึ่งรถบัสที่วิ่งไป Sandankyo นี่เค้ามี 2 แบบ คือ แบบปกติกับแบบที่วิ่งบนทางด่วน แบบที่วิ่งบนทางด่วนจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆเท่านั้นนะคะ ต้องเช็คเวลากันดีๆ เพราะตอนแรกเราก็ตั้งใจจะไปขึ้นรถรอบ 9.30 น. ที่เป็นแบบ express แต่ตื่นสายเลยพลาดเลย
กิจกรรม
นั่งจากรถบัสถึงที่หมายแล้ว เราก็จะเจอป้ายใหญ่ๆเขียนว่า Sandankyo
กิจกรรมของที่นี่คือการไฮกิ้ง เดินชมบรรยากาศต้นไม้สีเขียวๆ และลำธารในหุบเขา บอกเลยว่ามีวิวสวยๆให้ดูเพียบ เริ่มตั้งแต่ทางเข้าที่มีสะพานสีแดงข้ามไปยังหุบเขา มองลงไปด้านล่างจะเห็นหลายๆครอบครัวพาลูกๆมานั่งเล่นน้ำกับเพียบเลย เดินไปเรื่อยๆจะเดินน้ำตก ชื่นตาชื่นใจมากๆเลยค่ะ เราชอบตรงที่การเดินก็ไม่ได้ลำบากมาก เราใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมงก็ถึงสุดทางแล้ว มีทางลาด ทางชันบ้าง แต่ไม่ได้โหดถึงขนาดนั้นค่ะ แค่ระวังลื่นนิดหน่อยก้โอเคแล้ว
พอถึงสุดทาง แนะนำให้นั่งเรือไปทานอาหารอร่อยๆกันนะคะ
โซบะที่นี่แปลกดี เราพึ่งเคยเห็นเค้าเอาเส้นโซบะใส่ลงในอ่างน้ำวน เวลาทานก็ต้องใช้ตะเกียบคีบขึ้นมาทาน ปลาก็อร่อยไม่แพ้กันค่ะ แอบคิดอยู่เหมือนกันว่าเค้าจับขึ้นมาจากแม่น้ำเมื่อกี้ให้ทานรึเปล่าน้า ? 555 หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว เดินเลยร้านไปหน่อยจะเจอสะพานค่ะ แวะมาถ่ายรูปตรงนี้ได้ วิวสวยเลยแหละ
เสร็จแล้วก็นั่งเรือวนกลับไปที่เดิมได้เลย พอลงเรือแล้ว ก็ได้เวลาเดินกลับแล้วค่ะ ทางกลับเป็นทางเดิมนะคะ เดินกลับไปยังทางเข้าที่เข้ามาตอนแรกได้เลย เสร็จแล้วเราก็ไปเอากระเป๋าเดินทางที่ฝากไว้ เดินลากกระเป๋าไปรอรถบัส แล้วก็กลับค่ะ
ระยะเวลาที่ใช้ในการเที่ยว
โดยส่วนตัวเราใช้เวลา 1 วันเต็มๆพอดีเลยค่ะ จริงๆแล้ว การเที่ยวที่นี่ เราว่าใช้เวลาแค่ครึ่งวันก็เก็บครบแล้วค่ะ แต่เนื่องจากระยะทางที่ไกลกว่าจะเดินทางไปถึง เมื่อรวมเวลาในการเดินทางไปกลับ และเวลาเที่ยวแล้วก็หมดวันพอดี 555+
ข้อควรระวัง
1. จากตัวเมืองนั่งรถบัสออกไปไกล ใช้เวลานานนิดนึงถ้าไปไม่ทันรถบัส Express
2. อย่าลืมใส่รองเท้าผ้าใบ จะได้เดินสะดวกๆ
3. อย่าหอบกระเป๋าเดินทางล้อลากไปน้า ไม่มีล็อกเกอร์เก็บของเลย (ตรงนี้เราแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดย ขอฝากไว้ที่ร้านขายของหน้าทางเข้า และจ่ายเงินให้เจ้าของร้านเป็นค่าฝากกระเป๋า)
----------------------------------------------------------------------------------------------
จบทริปนี้แล้ว ใครชอบอะไรเขียวๆธรรมชาติ ลองเก็บที่นี่ไว้เป็นอีก 1 ตัวเลือกนะคะ :)
ไปค่ะ!! เอาเท้าไปจุ่มน้ำให้หายเครียด สูดอากาศดีๆเข้าปอดกันกันเถอะ
การเดินทาง
การเดินทาง สามารถเดินทางด้วยรถบัส สาย “Sandankyo” ตอนที่เราไปใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆค่ะ ซึ่งรถบัสที่วิ่งไป Sandankyo นี่เค้ามี 2 แบบ คือ แบบปกติกับแบบที่วิ่งบนทางด่วน แบบที่วิ่งบนทางด่วนจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆเท่านั้นนะคะ ต้องเช็คเวลากันดีๆ เพราะตอนแรกเราก็ตั้งใจจะไปขึ้นรถรอบ 9.30 น. ที่เป็นแบบ express แต่ตื่นสายเลยพลาดเลย
กิจกรรม
นั่งจากรถบัสถึงที่หมายแล้ว เราก็จะเจอป้ายใหญ่ๆเขียนว่า Sandankyo
กิจกรรมของที่นี่คือการไฮกิ้ง เดินชมบรรยากาศต้นไม้สีเขียวๆ และลำธารในหุบเขา บอกเลยว่ามีวิวสวยๆให้ดูเพียบ เริ่มตั้งแต่ทางเข้าที่มีสะพานสีแดงข้ามไปยังหุบเขา มองลงไปด้านล่างจะเห็นหลายๆครอบครัวพาลูกๆมานั่งเล่นน้ำกับเพียบเลย เดินไปเรื่อยๆจะเดินน้ำตก ชื่นตาชื่นใจมากๆเลยค่ะ เราชอบตรงที่การเดินก็ไม่ได้ลำบากมาก เราใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมงก็ถึงสุดทางแล้ว มีทางลาด ทางชันบ้าง แต่ไม่ได้โหดถึงขนาดนั้นค่ะ แค่ระวังลื่นนิดหน่อยก้โอเคแล้ว
พอถึงสุดทาง แนะนำให้นั่งเรือไปทานอาหารอร่อยๆกันนะคะ
โซบะที่นี่แปลกดี เราพึ่งเคยเห็นเค้าเอาเส้นโซบะใส่ลงในอ่างน้ำวน เวลาทานก็ต้องใช้ตะเกียบคีบขึ้นมาทาน ปลาก็อร่อยไม่แพ้กันค่ะ แอบคิดอยู่เหมือนกันว่าเค้าจับขึ้นมาจากแม่น้ำเมื่อกี้ให้ทานรึเปล่าน้า ? 555 หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว เดินเลยร้านไปหน่อยจะเจอสะพานค่ะ แวะมาถ่ายรูปตรงนี้ได้ วิวสวยเลยแหละ
เสร็จแล้วก็นั่งเรือวนกลับไปที่เดิมได้เลย พอลงเรือแล้ว ก็ได้เวลาเดินกลับแล้วค่ะ ทางกลับเป็นทางเดิมนะคะ เดินกลับไปยังทางเข้าที่เข้ามาตอนแรกได้เลย เสร็จแล้วเราก็ไปเอากระเป๋าเดินทางที่ฝากไว้ เดินลากกระเป๋าไปรอรถบัส แล้วก็กลับค่ะ
ระยะเวลาที่ใช้ในการเที่ยว
โดยส่วนตัวเราใช้เวลา 1 วันเต็มๆพอดีเลยค่ะ จริงๆแล้ว การเที่ยวที่นี่ เราว่าใช้เวลาแค่ครึ่งวันก็เก็บครบแล้วค่ะ แต่เนื่องจากระยะทางที่ไกลกว่าจะเดินทางไปถึง เมื่อรวมเวลาในการเดินทางไปกลับ และเวลาเที่ยวแล้วก็หมดวันพอดี 555+
ข้อควรระวัง
1. จากตัวเมืองนั่งรถบัสออกไปไกล ใช้เวลานานนิดนึงถ้าไปไม่ทันรถบัส Express
2. อย่าลืมใส่รองเท้าผ้าใบ จะได้เดินสะดวกๆ
3. อย่าหอบกระเป๋าเดินทางล้อลากไปน้า ไม่มีล็อกเกอร์เก็บของเลย (ตรงนี้เราแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดย ขอฝากไว้ที่ร้านขายของหน้าทางเข้า และจ่ายเงินให้เจ้าของร้านเป็นค่าฝากกระเป๋า)
----------------------------------------------------------------------------------------------
จบทริปนี้แล้ว ใครชอบอะไรเขียวๆธรรมชาติ ลองเก็บที่นี่ไว้เป็นอีก 1 ตัวเลือกนะคะ :)