
สวัสดีค่ะทุกท่าน กลับมาพบกันอีกครั้งกับการเดินทางท่องเที่ยวในเกาะคิวชูนะคะ การเดินทางในครั้งนี้เราจะเดินทางด้วยรถยนต์ (เช่า) กันอีกครั้ง โดยวันนี้เราจะพาทุกท่านไปเที่ยวใน จังหวัดซากะ กัน! สำหรับที่ๆ เราจะไปกันในวันนี้ อยู่ในเขต เมืองคาชิมะ จังหวัดซากะค่ะ (สามารถชมตอนก่อนหน้านี้ได้ที่นี่)

ก่อนอื่นเลยขอเล่าประวัติคร่าวๆ เกี่ยวกับเมืองนี้กันสักเล็กน้อย เมืองคาชิมะ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในเขตทิศตะวันตกของจังหวัดซากะ และมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ล้อมรอบไปด้วยทะเลและภูเขา สำหรับในเมืองนี้เองก็เป็นเมืองที่มีประวัติมายาวนาน และเชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคยชื่อจังหวัดนี้กันล่ะสิ เพราะว่าจังหวัดซากะ ประเทศไทยของเราเคยมาถ่ายทำซีรีย์ไทยกันที่นี่ยังไงล่ะ >___<! จำได้มั้ยคะว่าชื่อซีรีย์นั้นคือชื่อเรื่องอะไรเอ่ยยยยย ? เฉลยเลยดีกว่าเนอะ ‘Stay ซากะ… ฉันจะคิดถึงเธอ’ นั่นเองงงงงง มีใครเคยดูเรื่องนี้กันมั้ยคะ? ไม่เคยได้ยิน ไม่รู้จักไม่เป็นไรนะคะ เพราะว่าในวันนี้เราจะพาทุกคนไปเยื่ยมชมสถานที่สวยและ Event ที่เป็น Highlight ของในวันนี้กันเลยยยย


สำหรับการเดินทางในวันนี้เราจะพาทุกท่านไปพบกับ ศาลเจ้ายุโทคุอินาริ (祐徳稲荷神社) สำหรับศาลเจ้าอินาริเป็นศาลเจ้าที่สร้างขึ้นมาเพื่อบูชา ‘เทพเจ้าอินาริ’ ซึ่งเป็นเทพเจ้าที่ช่วยให้พืชพันธุ์ให้อุดมสมบูรณ์ และช่วยให้การค้าขายให้รุ่งเรือง ศาลเจ้าแห่งนี้มีจุดเด่นที่ทางเข้าของศาลเจ้ามีรูปปั้นสุนัขจิ้งจอกตั้งอยู่ค่ะ บอกเลยว่าศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อเสียงติด Top 3 ในประเทศญี่ปุ่นเลยนะคะ แถมมีคนแวะเวียนมาเยื่ยมชมถึง 3 ล้านคนต่อปี นับว่าเยอะมากจริงๆ ค่ะ


ก่อนที่เราจะไปเยื่ยมชมศาลเจ้าด้านในกัน ขอให้ทุกคนหันไปมองทางด้านขวาของตรงประตูทางเข้ากันสักเล็กน้อยนะคะ แล้วจะเห็นประตูทางเข้าไปเยี่ยมชมร้านขายของฝากต่างๆ อยากให้ลองได้เข้าไปในนี้กันก่อนนะคะ และที่สำคัญไม่ต้องตกใจไปว่าทำไมถึงมีภาษาไทย! เพราะคนที่นี่ต่างก็รู้กันดีว่าคนไทยจะต้องมาเยื่ยมชมสถานที่เยอะแน่ๆ การท่องเที่ยวของจังหวัดซากะเองก็ได้รับการถ่ายทำละครที่เมืองไทยมาก่อน จึงทำให้การท่องเที่ยวของซากะ ได้ทำใบปลิวและป้ายประกาศต่างๆ เป็นภาษาไทยด้วย




พอเราเดินตรงเข้ามาเรื่อยๆ แล้ว ทางด้านซ้ายมือของทุกคนจะได้เจอร้านสำหรับเช่ากิโมโนถ่ายรูปค่ะ ซึ่งร้านนี้ต้องบอกก่อนเลยว่าไม่ธรรมดา เพราะที่นี่ซีรีย์จากเรื่อง Stay ซากะ..ฉันคิดถึงเธอ ได้มาขอยืมชุดที่นี่เพื่อถ่ายทำกัน และที่สำคัญที่นี่ไม่ใช่แค่ร้านเช่ากิโมโนถ่ายรูปเท่านั้น ที่ร้านนี้ยังเป็น Café ให้เราได้นั่งพักผ่อนสบายๆ ได้อีกด้วย มีเมนูเครื่องดื่ม ขนมเล็กๆ น้อยๆ เยอะมากเลยล่ะสามารถจิ้มบอกเขาได้เลยว่าต้องการอะไร อิอิ ส่วนกิโมโนที่ร้านนี้บอกเลยว่ามีหลากหลายรูปแบบ หลากหลายสีด้วยค่ะ สามารถเลือกได้ตามใจชอบเลยล่ะ



ทางเดินขากลับที่จะออกไปทางศาลเจ้าก็จะมีร้านขายของฝากอยู่ร้านนึงนะคะ ที่มีขายของฝากขึ้นชื่อของศาลเจ้ายุโทคุอินาริ แถมมีคำอธิบายเป็นภาษาไทยอีกด้วย!! สำหรับขนมชิ้นนี้เรียกว่า ขนมอินาริโยกัง (稲荷ようかん) เป็นขนมโยกังบรรจุอยู่ในห่อกระดาษ เวลารับประทานให้ดันขนมจากด้านล่างแล้วใช้ด้ายตัดขนมตามขนาดที่ต้องการ แค่นี้ก็สามารถทานได้แล้วค่ะ ชื่อขนมอินาริโยกังมีอีกชื่อนึงที่เรียกว่า ขนมโยกังด้ายตัดค่ะ (เพราะว่าใช้ด้ายในการตัดเพื่อรับประทานนั่นเอง ฮาๆ)

นอกจากนี้ก็ยังมีขนมของฝากอย่างอื่นอีกมากมายที่น่าสนใจนะคะ ลองแวะเวียนไปชมตามร้านได้เลย รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน รับประกันความอร่อย เพราะว่าลองมาแล้ว ชอบสุดๆ เลย เหมาะกับการซื้อไปเป็นของฝากมากๆ


เอาล่ะ ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะพาทุกคนเข้าไปแวะชมศาลเจ้ากันสักทีเนอะ ภายในศาลเจ้ายุโทคุอินาริยังมีศาลเจ้าเล็กๆ อยู่ 2 ที่แล้วก็ศาลเจ้าหลักของที่นี่ค่ะ สำหรับศาลเจ้าหลักเป็นอาคารที่ตั้งอยู่ใจกลางศาลเจ้า ซึ่งสร้างอยู่บนแท่นยกพื้นที่ต้องขึ้นบันไดไปถึง 117 ขั้น


สำหรับศาลเจ้าที่อยู่ตรงกลางศาลเจ้าหลัก ชื่อว่า ศาลเจ้าอิวาซากิ ค่ะ เป็นศาลเจ้าเล็กๆ ที่เป็นที่สถิตของเทพเจ้าผู้ให้พรในเรื่องของความรัก, การงานและการค้าขาย และยังมีให้เขียนคำอธิษฐานลงบนแผ่นไม้รูปหัวใจ มีแขวนอยู่มากมายเต็มไปหมดเลยล่ะ ทุกคนสามารถมาเขียนกันได้นะคะ





สำหรับศาลเจ้าหลัก มีแท่นยกพื้นที่สูงกว่าวัดคิโยมิสึหรือวัดนํ้าใสของจังหวัดเกียวโตเสียอีก ตัวอาคารมีสีสันที่สดใส และสามารถเข้าไปขอพรได้อีกด้วยค่ะ สามารถเขียนแผ่นอธิษฐาน และโยนเหรียญเพื่อขอพรกับเทพเจ้าได้ค่ะ หันไปทางด้านขวานั้น จะมีที่เสี่ยงเซียมซีอยู่ด้วย ใบละ 200 เยน และอยากจะบอกว่าเซียมซีที่นี่ สุดยอดมากเลยค่ะ! เราไปเสี่ยงโชคมาอยากจะบอกตรงๆ เลยว่า ตรงกันสถานการณ์ที่เจออยู่ในตอนนี้มากๆ (อันนี้ความเห็นส่วนบุคคลนะคะ) อยากจะให้ทุกคนลองดูกัน และเซียมซีที่นี่เขามีคำอธิบายถึง 5 ภาษา ที่สำคัญก็คือมีภาษาไทยด้วย ไม่ต้องเสียเวลาแปลให้เมื่อยตุ้ม


ตอนเรากำลังจะเดินลงไปข้างล่าง เราก็จะผ่านตรงนี้ค่ะ สำหรับตรงนี้จะเป็นศาลเจ้าเล็กๆ ชื่อมีชื่อว่าศาลเมียวบุ เป็นศาลเจ้าสุนัขจิ้งจอกขาว ข้ารับใช้ของเทพเจ้าอินาริ นับเป็นสถานที่ๆ เก่าแก่ที่สุดในศาลเจ้ายูโทคุอินาริและเป็นมรดกทางวัฒธรรมที่สำคัญของในจังหวัดซากะอีกด้วย ส่วนประตูที่เห็นอยู่นั้นคือประตูโทริอิสีแดง ทุกคนที่แวะเวียนมาเชื่อว่าถ้าไหว้ศาลเจ้าอินาริแล้วสมปรารถนาตามที่ได้อธิษฐานไว้ ก็จะมอบประตูโทริอิให้ศาลเจ้าเพื่อเป็นการขอบคุณบริเวณศาลเจ้า จึงเป็นที่มาของการสร้างประตูโทริอิขึ้นมาค่ะ


ถ้ามองวิวจากข้างบนศาลเจ้าบอกเลยว่าสวยงามมากๆ เลยล่ะค่ะ >w<!!



สำหรับท่านที่รู้สึกเมื่อยและอยากจะพักผ่อนในขณะที่เดินชมวิว ทุกคนสามารถมาพักได้ที่นี่ค่ะ เป็นจุดพักผ่อนที่มีทั้ง Free Wifi, ตู้กดน้ำ, กระจกชมวิว และที่สำคัญมีขายเครื่องรางด้วย! เครื่องรางของที่นี่มีให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้งความรัก, ด้านการเงิน, การเรียน, การเดินทางปลอดภัยและอื่นๆ อีกมากมาย สามารถเข้าไปดูกันได้นะคะ และสำหรับที่ศาลเจ้าแห่งนี้ เพิ่งทำการก่อสร้างลิฟท์เสร็จค่ะ ถ้าหากต้องการจะใช้บริการจะต้องเสียเงินนะคะ (ที่เสียเงินคือเป็นการบริจาคให้กับทางศาลเจ้านะค้า)


เอาล่ะค่ะ! สถานที่แรกในวันนี้ก็ผ่านลงไปด้วยดี ต่อจากนี้เราจะพาทุกคนไปสวนที่สวยยยยยยยยย มากๆ ในจังหวัดซากะกันนะคะ! ที่นี่สามารถขับรถมาเองก็ได้ หรือว่านั่งรถบัสมาก็ได้ค่ะ ที่สถานี Higashiyoka-Higata (東よか干潟)>__< แล้วก็มีรถบัสฟรี! พามาที่นี่กันอีกด้วยยยย ที่นี่คือสวน Higata Yoka Kouen (干潟よか公園) ค่ะ เป็นสวนขนาดใหญ่ที่วันหยุดเสาร์ - อาทิตย์ เด็กๆ ก็จะมาเล่นกันเยอะแยะเลยล่ะค่ะ รวมไปถึงวันครอบครัวด้วย ครอบครัวที่มีเด็กเล็กจะมานั่งทานข้าวในสวนและพาเด็กๆ มาเล่นเครื่องเล่นกัน นับว่าเป็นสถานที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการพาเด็กๆ มาเล่นกันเลยค่ะ




ที่นี่มีทะเลที่กว้างมาก และเหมาะกับการดูพระอาทิตย์ตกดินมากค่ะ เป็นวิวที่สวยงามมากจริงๆ แล้วก็สามารถมองได้จากมุมสูงและลงไปข้างล่างดูใกล้ๆ ได้ค่ะ อันนี้เราเอารูปบรรยากาศมาฝากกัน ถ้าเกิดว่ามาในช่วงหน้าหนาวหรือว่าช่วงฤดูใบไม้ผลิ จะมีนกชายเลนและนกนางนวลบินมาอยู่ตรงทะเลเยอะมากๆ เลย และเป็นแหล่งอาศัยของปลามากมายหลายชนิดเช่นกันค่ะ บอกเลยตรงนี้ห้ามพลาดในการเก็บรูปนะคะ ยิ่งตอนพระอาทิตย์กำลังจะตก ยิ่งสวยมากจริงๆ

หลังจากที่เราไปหลายๆ ที่กันมาแล้ว ต่อจากนี้จะเป็นไฮไลท์ของทริปครั้งนี้ค่า นั่นก็คือเราจะพาทุกคนไป เทศกาลบอลลูน หรือที่เรียกกันว่างาน Balloon Festa ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี เป็นเทศกาลบอลลูนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีบอลลูนเข้าร่วมงานเกินกว่า 100 ลูก ตกแต่งอย่างสวยงาม ไม่ว่าใครก็สามารถสัมผัสความสวยงามด้วยตาด้วยเองได้ เราจะได้เห็นบอลลูนของจริงที่ลอยอยู่บนฟ้าแบบใกล้ชิดเลยค่ะ และในต่อกลางคืนเองก็จะมีการแสดงเปิดไฟของบอลลูนด้วย แต่ก่อนอื่นเราจะพาทุกคนมาแวะเยื่ยมชม Saga Balloon Museum กันก่อน ซึ่งที่นี่เพิ่งก่อสร้างเสร็จไม่นานมานี้เอง เราสามารถเข้าไปจอดรถที่ลานจอดรถของพิพิธภัณฑ์ด้านหลังได้นะคะ (แน่นอนว่า....เสียเงิน แหะๆๆ)


ที่พิพิธภัณฑ์บอลลูนแห่งนี้จะรวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์ต่างๆ เกี่ยวกับบอลลูนเข้าไว้ด้วยกัน แถมยังมีการบอกถึงความเป็นมาต่างๆ อีกด้วย และก็ยังมีเทคโนโลยีที่สามารถทำให้พวกเราคนธรรมดาได้สัมผัสกับการควบคุมบอลลูนของจริงได้ด้วยล่ะค่ะ เหมือนกับเครื่องเกมส์ให้เราเข้าไปเล่น


ตั๋วราคาเพียง 500 เยน เท่านั้น! ถ้าได้ตั๋วแล้วก็แวะเข้าไปชมบรรยากาศข้างในชั้น 1 และ ชั้น 2 กันเลยค่า


อันนี้เป็นเพียงส่วนนึงที่นำรูปมาฝากกันนะคะ เกี่ยวกับประวัติต่างๆ ที่เกี่ยวกับบอลลูน, บุคคลสำคัญ และรายละเอียดต่างๆ นะคะ และที่นี่เองก็ยังถือว่าเป็นศูนย์การเรียนรู้ให้กับเด็กๆ อีกด้วย มีทั้งเครื่องถามคำถามให้เด็กและผู้ใหญ่สามารถไปร่วมสนุกเพื่อเก็บแต้มสะสมได้ด้วยนะคะ แล้วก็มีเล่าเกี่ยวกับการแข่งขันบอลลูนอีกด้วย จากรูปแรกนะคะ ที่นี่มี Super HD Theater ให้เราได้รับชมงาน Balloon Festa รวมไปถึงการแข่งขันในรอบต่างๆ ของบอลลูนอีกด้วยเช่นกัน บอกเลยว่าอินสุดๆ ไปเลยพอได้ดูจอใหญ่ๆ แล้ว

และที่นี่ยังมีเปิดคาเฟ่อีกด้วยนะคะ สำหรับผู้ปกครองคนไหนต้องการจะให้เด็กๆ ไปเดินเที่ยวชมเล่น หากท่านต้องการพักผ่อนสามารถมานั่งพักได้ที่นี่เลย


แถ่นแท้น สงสัยเราจะเดินรอกันนาน ข้างนอกตอนนี้ก็มืดแล้วค่ะ จริงๆ แล้วที่รอให้ถึงเวลานี้ก็เพราะว่าทาง Saga Balloon Museum มีจัดรถบัสสำหรับงาน Balloon Festa โดยเฉพาะเลยล่ะค่ะ โดยจะมีเวลาขึ้นรถบัสอยู่ตรงกันข้ามกับพิพิธภัณฑ์ค่ะ ให้ข้ามถนนไปแล้วจะมีป้ายปักไว้ว่าไปงานบอลลูนนะคะ แล้วก็ให้เราขึ้นรถบัสไปเลย (แต่อยากจะบอกว่าคนเยอะมากๆ คนอัดกันมากเลยค่ะ แต่ต้องอดทนนะคะ เพราะว่ามันคุ้มค่าจริงๆ)


ขอบอกไว้ก่อนว่าที่เราแนะนำให้ทุกคนมาโดยรถบัส หรือ รถไฟ เพราะว่าคนงานนี้เยอะมากจริงๆ ค่ะ ที่จอดรถก็แน่นฟิตเปรี๊ยะแถมไกลอีกด้วย เลยแนะนำให้นั่งรถบัสหรือมารถไฟ หรือว่าจะนั่งแท็กซี่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกันค่ะ (นั่งมาไม่แพงค่ะ) สำหรับการเดินทางแบบรถไฟ ให้มาลงสถานี Balloon Saga station ได้เลยค่ะ แต่! สำหรับสถานีนี้จะเปิดให้บริการเฉพาะช่วงมีงานเท่านั้น พองานเสร็จสิ้นแล้วสถานีนี้จะถูกปิดลงจนกว่าจะมีการจัดงานครั้งหน้า
โดยปกติแล้วส่วนมากคนจะมาชมบรรยากาศในช่วงตอนกลางวันเพราะว่าสามารถเห็นบอลลูนลอยฟ้า และเก็บภาพสวยๆ กันได้ แต่ในครั้งนี้เราจะพาทุกคนมาชมบรรยากาศในตอนกลางคืนกัน ซึ่งก็สวยไปอีกแบบหนึ่งค่ะ



นี่ก็เป็นบรรยากาศเล็กๆ น้อยๆ ที่เก็บภาพมาฝากกันนะคะ สำหรับตอนกลางคืนจะมีกิจกรรมเปิดไฟโชว์ สวยงามมากๆ แล้วไม่ค่อยจะได้เห็นกันง่ายๆ เท่าไหร่ เพราะเนื่องจากคนเยอะมากๆ แล้วก็ค่อนข้างแออัด (ดังที่เห็นในรูปนี่ล่ะค่ะ) ถ้าอยู่ด้านหลังมากๆ จะมองไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่ค่ะ (เราตัวเล็กจนต้องแทรกคนแล้วขอเข้าไปถ่ายรูปใกล้ๆ เลยค่ะ T T) แต่บอกเลยว่าตอนกลางคืนสวยไม่แพ้ตอนกลางวันเลย ใครที่สามารถอยู่ได้ อยากให้อยู่จนถึงรอบตอนเย็นเลยนะคะ เพราะมันสวยจริงๆ ><




ในงานนี้เองก็มีร้านขายของต่างๆ รวมไปถึงอาหารมาขายด้วยนะคะ แถมราคาไม่แพงด้วย! แต่เรื่องหาที่นั่งนี่แนะนำให้วิ่งไปจองก่อนเลยค่ะเพราะคนเยอะมากๆ แถมอาหารก็อร่อยด้วยค่ะ อย่างงี้ต้องไม่พลาดนะคะ >____< !!
สำหรับในการเดินทางทริปนี้ก็ขอจบลงเพียงเท่านี้นะคะ ขอบอกก่อนเลยว่าถ้าจะอยู่ถึงตอนกลางคืนต้องอดทนเข้าไว้นะคะ เพราะคนเยอะมากจริงๆ แถวที่ต่อรถคิวขึ้นรถไฟ รถบัส รวมไปถึงแท็กซี่หางแถวยาวมากๆค่ะ แต่ก็อยากให้อยู่จนคุ้มนาทีสุดท้ายของงานนะคะ เพราะว่านานๆทีจะมีเทศกาลนี้ ก็อย่าลืมนะคะ มาพบกับความสวยงามและธรรมชาติในจังหวัดซากะนี้ ขอให้ทุกท่านสนุกสนานกับการเดินทางในเกาะคิวชูนะค่า

ก่อนอื่นเลยขอเล่าประวัติคร่าวๆ เกี่ยวกับเมืองนี้กันสักเล็กน้อย เมืองคาชิมะ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในเขตทิศตะวันตกของจังหวัดซากะ และมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ล้อมรอบไปด้วยทะเลและภูเขา สำหรับในเมืองนี้เองก็เป็นเมืองที่มีประวัติมายาวนาน และเชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคยชื่อจังหวัดนี้กันล่ะสิ เพราะว่าจังหวัดซากะ ประเทศไทยของเราเคยมาถ่ายทำซีรีย์ไทยกันที่นี่ยังไงล่ะ >___<! จำได้มั้ยคะว่าชื่อซีรีย์นั้นคือชื่อเรื่องอะไรเอ่ยยยยย ? เฉลยเลยดีกว่าเนอะ ‘Stay ซากะ… ฉันจะคิดถึงเธอ’ นั่นเองงงงงง มีใครเคยดูเรื่องนี้กันมั้ยคะ? ไม่เคยได้ยิน ไม่รู้จักไม่เป็นไรนะคะ เพราะว่าในวันนี้เราจะพาทุกคนไปเยื่ยมชมสถานที่สวยและ Event ที่เป็น Highlight ของในวันนี้กันเลยยยย


สำหรับการเดินทางในวันนี้เราจะพาทุกท่านไปพบกับ ศาลเจ้ายุโทคุอินาริ (祐徳稲荷神社) สำหรับศาลเจ้าอินาริเป็นศาลเจ้าที่สร้างขึ้นมาเพื่อบูชา ‘เทพเจ้าอินาริ’ ซึ่งเป็นเทพเจ้าที่ช่วยให้พืชพันธุ์ให้อุดมสมบูรณ์ และช่วยให้การค้าขายให้รุ่งเรือง ศาลเจ้าแห่งนี้มีจุดเด่นที่ทางเข้าของศาลเจ้ามีรูปปั้นสุนัขจิ้งจอกตั้งอยู่ค่ะ บอกเลยว่าศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อเสียงติด Top 3 ในประเทศญี่ปุ่นเลยนะคะ แถมมีคนแวะเวียนมาเยื่ยมชมถึง 3 ล้านคนต่อปี นับว่าเยอะมากจริงๆ ค่ะ


ก่อนที่เราจะไปเยื่ยมชมศาลเจ้าด้านในกัน ขอให้ทุกคนหันไปมองทางด้านขวาของตรงประตูทางเข้ากันสักเล็กน้อยนะคะ แล้วจะเห็นประตูทางเข้าไปเยี่ยมชมร้านขายของฝากต่างๆ อยากให้ลองได้เข้าไปในนี้กันก่อนนะคะ และที่สำคัญไม่ต้องตกใจไปว่าทำไมถึงมีภาษาไทย! เพราะคนที่นี่ต่างก็รู้กันดีว่าคนไทยจะต้องมาเยื่ยมชมสถานที่เยอะแน่ๆ การท่องเที่ยวของจังหวัดซากะเองก็ได้รับการถ่ายทำละครที่เมืองไทยมาก่อน จึงทำให้การท่องเที่ยวของซากะ ได้ทำใบปลิวและป้ายประกาศต่างๆ เป็นภาษาไทยด้วย




พอเราเดินตรงเข้ามาเรื่อยๆ แล้ว ทางด้านซ้ายมือของทุกคนจะได้เจอร้านสำหรับเช่ากิโมโนถ่ายรูปค่ะ ซึ่งร้านนี้ต้องบอกก่อนเลยว่าไม่ธรรมดา เพราะที่นี่ซีรีย์จากเรื่อง Stay ซากะ..ฉันคิดถึงเธอ ได้มาขอยืมชุดที่นี่เพื่อถ่ายทำกัน และที่สำคัญที่นี่ไม่ใช่แค่ร้านเช่ากิโมโนถ่ายรูปเท่านั้น ที่ร้านนี้ยังเป็น Café ให้เราได้นั่งพักผ่อนสบายๆ ได้อีกด้วย มีเมนูเครื่องดื่ม ขนมเล็กๆ น้อยๆ เยอะมากเลยล่ะสามารถจิ้มบอกเขาได้เลยว่าต้องการอะไร อิอิ ส่วนกิโมโนที่ร้านนี้บอกเลยว่ามีหลากหลายรูปแบบ หลากหลายสีด้วยค่ะ สามารถเลือกได้ตามใจชอบเลยล่ะ



ทางเดินขากลับที่จะออกไปทางศาลเจ้าก็จะมีร้านขายของฝากอยู่ร้านนึงนะคะ ที่มีขายของฝากขึ้นชื่อของศาลเจ้ายุโทคุอินาริ แถมมีคำอธิบายเป็นภาษาไทยอีกด้วย!! สำหรับขนมชิ้นนี้เรียกว่า ขนมอินาริโยกัง (稲荷ようかん) เป็นขนมโยกังบรรจุอยู่ในห่อกระดาษ เวลารับประทานให้ดันขนมจากด้านล่างแล้วใช้ด้ายตัดขนมตามขนาดที่ต้องการ แค่นี้ก็สามารถทานได้แล้วค่ะ ชื่อขนมอินาริโยกังมีอีกชื่อนึงที่เรียกว่า ขนมโยกังด้ายตัดค่ะ (เพราะว่าใช้ด้ายในการตัดเพื่อรับประทานนั่นเอง ฮาๆ)

นอกจากนี้ก็ยังมีขนมของฝากอย่างอื่นอีกมากมายที่น่าสนใจนะคะ ลองแวะเวียนไปชมตามร้านได้เลย รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน รับประกันความอร่อย เพราะว่าลองมาแล้ว ชอบสุดๆ เลย เหมาะกับการซื้อไปเป็นของฝากมากๆ


เอาล่ะ ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะพาทุกคนเข้าไปแวะชมศาลเจ้ากันสักทีเนอะ ภายในศาลเจ้ายุโทคุอินาริยังมีศาลเจ้าเล็กๆ อยู่ 2 ที่แล้วก็ศาลเจ้าหลักของที่นี่ค่ะ สำหรับศาลเจ้าหลักเป็นอาคารที่ตั้งอยู่ใจกลางศาลเจ้า ซึ่งสร้างอยู่บนแท่นยกพื้นที่ต้องขึ้นบันไดไปถึง 117 ขั้น


สำหรับศาลเจ้าที่อยู่ตรงกลางศาลเจ้าหลัก ชื่อว่า ศาลเจ้าอิวาซากิ ค่ะ เป็นศาลเจ้าเล็กๆ ที่เป็นที่สถิตของเทพเจ้าผู้ให้พรในเรื่องของความรัก, การงานและการค้าขาย และยังมีให้เขียนคำอธิษฐานลงบนแผ่นไม้รูปหัวใจ มีแขวนอยู่มากมายเต็มไปหมดเลยล่ะ ทุกคนสามารถมาเขียนกันได้นะคะ





สำหรับศาลเจ้าหลัก มีแท่นยกพื้นที่สูงกว่าวัดคิโยมิสึหรือวัดนํ้าใสของจังหวัดเกียวโตเสียอีก ตัวอาคารมีสีสันที่สดใส และสามารถเข้าไปขอพรได้อีกด้วยค่ะ สามารถเขียนแผ่นอธิษฐาน และโยนเหรียญเพื่อขอพรกับเทพเจ้าได้ค่ะ หันไปทางด้านขวานั้น จะมีที่เสี่ยงเซียมซีอยู่ด้วย ใบละ 200 เยน และอยากจะบอกว่าเซียมซีที่นี่ สุดยอดมากเลยค่ะ! เราไปเสี่ยงโชคมาอยากจะบอกตรงๆ เลยว่า ตรงกันสถานการณ์ที่เจออยู่ในตอนนี้มากๆ (อันนี้ความเห็นส่วนบุคคลนะคะ) อยากจะให้ทุกคนลองดูกัน และเซียมซีที่นี่เขามีคำอธิบายถึง 5 ภาษา ที่สำคัญก็คือมีภาษาไทยด้วย ไม่ต้องเสียเวลาแปลให้เมื่อยตุ้ม


ตอนเรากำลังจะเดินลงไปข้างล่าง เราก็จะผ่านตรงนี้ค่ะ สำหรับตรงนี้จะเป็นศาลเจ้าเล็กๆ ชื่อมีชื่อว่าศาลเมียวบุ เป็นศาลเจ้าสุนัขจิ้งจอกขาว ข้ารับใช้ของเทพเจ้าอินาริ นับเป็นสถานที่ๆ เก่าแก่ที่สุดในศาลเจ้ายูโทคุอินาริและเป็นมรดกทางวัฒธรรมที่สำคัญของในจังหวัดซากะอีกด้วย ส่วนประตูที่เห็นอยู่นั้นคือประตูโทริอิสีแดง ทุกคนที่แวะเวียนมาเชื่อว่าถ้าไหว้ศาลเจ้าอินาริแล้วสมปรารถนาตามที่ได้อธิษฐานไว้ ก็จะมอบประตูโทริอิให้ศาลเจ้าเพื่อเป็นการขอบคุณบริเวณศาลเจ้า จึงเป็นที่มาของการสร้างประตูโทริอิขึ้นมาค่ะ


ถ้ามองวิวจากข้างบนศาลเจ้าบอกเลยว่าสวยงามมากๆ เลยล่ะค่ะ >w<!!



สำหรับท่านที่รู้สึกเมื่อยและอยากจะพักผ่อนในขณะที่เดินชมวิว ทุกคนสามารถมาพักได้ที่นี่ค่ะ เป็นจุดพักผ่อนที่มีทั้ง Free Wifi, ตู้กดน้ำ, กระจกชมวิว และที่สำคัญมีขายเครื่องรางด้วย! เครื่องรางของที่นี่มีให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้งความรัก, ด้านการเงิน, การเรียน, การเดินทางปลอดภัยและอื่นๆ อีกมากมาย สามารถเข้าไปดูกันได้นะคะ และสำหรับที่ศาลเจ้าแห่งนี้ เพิ่งทำการก่อสร้างลิฟท์เสร็จค่ะ ถ้าหากต้องการจะใช้บริการจะต้องเสียเงินนะคะ (ที่เสียเงินคือเป็นการบริจาคให้กับทางศาลเจ้านะค้า)


เอาล่ะค่ะ! สถานที่แรกในวันนี้ก็ผ่านลงไปด้วยดี ต่อจากนี้เราจะพาทุกคนไปสวนที่สวยยยยยยยยย มากๆ ในจังหวัดซากะกันนะคะ! ที่นี่สามารถขับรถมาเองก็ได้ หรือว่านั่งรถบัสมาก็ได้ค่ะ ที่สถานี Higashiyoka-Higata (東よか干潟)>__< แล้วก็มีรถบัสฟรี! พามาที่นี่กันอีกด้วยยยย ที่นี่คือสวน Higata Yoka Kouen (干潟よか公園) ค่ะ เป็นสวนขนาดใหญ่ที่วันหยุดเสาร์ - อาทิตย์ เด็กๆ ก็จะมาเล่นกันเยอะแยะเลยล่ะค่ะ รวมไปถึงวันครอบครัวด้วย ครอบครัวที่มีเด็กเล็กจะมานั่งทานข้าวในสวนและพาเด็กๆ มาเล่นเครื่องเล่นกัน นับว่าเป็นสถานที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการพาเด็กๆ มาเล่นกันเลยค่ะ




ที่นี่มีทะเลที่กว้างมาก และเหมาะกับการดูพระอาทิตย์ตกดินมากค่ะ เป็นวิวที่สวยงามมากจริงๆ แล้วก็สามารถมองได้จากมุมสูงและลงไปข้างล่างดูใกล้ๆ ได้ค่ะ อันนี้เราเอารูปบรรยากาศมาฝากกัน ถ้าเกิดว่ามาในช่วงหน้าหนาวหรือว่าช่วงฤดูใบไม้ผลิ จะมีนกชายเลนและนกนางนวลบินมาอยู่ตรงทะเลเยอะมากๆ เลย และเป็นแหล่งอาศัยของปลามากมายหลายชนิดเช่นกันค่ะ บอกเลยตรงนี้ห้ามพลาดในการเก็บรูปนะคะ ยิ่งตอนพระอาทิตย์กำลังจะตก ยิ่งสวยมากจริงๆ

หลังจากที่เราไปหลายๆ ที่กันมาแล้ว ต่อจากนี้จะเป็นไฮไลท์ของทริปครั้งนี้ค่า นั่นก็คือเราจะพาทุกคนไป เทศกาลบอลลูน หรือที่เรียกกันว่างาน Balloon Festa ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี เป็นเทศกาลบอลลูนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีบอลลูนเข้าร่วมงานเกินกว่า 100 ลูก ตกแต่งอย่างสวยงาม ไม่ว่าใครก็สามารถสัมผัสความสวยงามด้วยตาด้วยเองได้ เราจะได้เห็นบอลลูนของจริงที่ลอยอยู่บนฟ้าแบบใกล้ชิดเลยค่ะ และในต่อกลางคืนเองก็จะมีการแสดงเปิดไฟของบอลลูนด้วย แต่ก่อนอื่นเราจะพาทุกคนมาแวะเยื่ยมชม Saga Balloon Museum กันก่อน ซึ่งที่นี่เพิ่งก่อสร้างเสร็จไม่นานมานี้เอง เราสามารถเข้าไปจอดรถที่ลานจอดรถของพิพิธภัณฑ์ด้านหลังได้นะคะ (แน่นอนว่า....เสียเงิน แหะๆๆ)


ที่พิพิธภัณฑ์บอลลูนแห่งนี้จะรวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์ต่างๆ เกี่ยวกับบอลลูนเข้าไว้ด้วยกัน แถมยังมีการบอกถึงความเป็นมาต่างๆ อีกด้วย และก็ยังมีเทคโนโลยีที่สามารถทำให้พวกเราคนธรรมดาได้สัมผัสกับการควบคุมบอลลูนของจริงได้ด้วยล่ะค่ะ เหมือนกับเครื่องเกมส์ให้เราเข้าไปเล่น


ตั๋วราคาเพียง 500 เยน เท่านั้น! ถ้าได้ตั๋วแล้วก็แวะเข้าไปชมบรรยากาศข้างในชั้น 1 และ ชั้น 2 กันเลยค่า


อันนี้เป็นเพียงส่วนนึงที่นำรูปมาฝากกันนะคะ เกี่ยวกับประวัติต่างๆ ที่เกี่ยวกับบอลลูน, บุคคลสำคัญ และรายละเอียดต่างๆ นะคะ และที่นี่เองก็ยังถือว่าเป็นศูนย์การเรียนรู้ให้กับเด็กๆ อีกด้วย มีทั้งเครื่องถามคำถามให้เด็กและผู้ใหญ่สามารถไปร่วมสนุกเพื่อเก็บแต้มสะสมได้ด้วยนะคะ แล้วก็มีเล่าเกี่ยวกับการแข่งขันบอลลูนอีกด้วย จากรูปแรกนะคะ ที่นี่มี Super HD Theater ให้เราได้รับชมงาน Balloon Festa รวมไปถึงการแข่งขันในรอบต่างๆ ของบอลลูนอีกด้วยเช่นกัน บอกเลยว่าอินสุดๆ ไปเลยพอได้ดูจอใหญ่ๆ แล้ว

และที่นี่ยังมีเปิดคาเฟ่อีกด้วยนะคะ สำหรับผู้ปกครองคนไหนต้องการจะให้เด็กๆ ไปเดินเที่ยวชมเล่น หากท่านต้องการพักผ่อนสามารถมานั่งพักได้ที่นี่เลย


แถ่นแท้น สงสัยเราจะเดินรอกันนาน ข้างนอกตอนนี้ก็มืดแล้วค่ะ จริงๆ แล้วที่รอให้ถึงเวลานี้ก็เพราะว่าทาง Saga Balloon Museum มีจัดรถบัสสำหรับงาน Balloon Festa โดยเฉพาะเลยล่ะค่ะ โดยจะมีเวลาขึ้นรถบัสอยู่ตรงกันข้ามกับพิพิธภัณฑ์ค่ะ ให้ข้ามถนนไปแล้วจะมีป้ายปักไว้ว่าไปงานบอลลูนนะคะ แล้วก็ให้เราขึ้นรถบัสไปเลย (แต่อยากจะบอกว่าคนเยอะมากๆ คนอัดกันมากเลยค่ะ แต่ต้องอดทนนะคะ เพราะว่ามันคุ้มค่าจริงๆ)


ขอบอกไว้ก่อนว่าที่เราแนะนำให้ทุกคนมาโดยรถบัส หรือ รถไฟ เพราะว่าคนงานนี้เยอะมากจริงๆ ค่ะ ที่จอดรถก็แน่นฟิตเปรี๊ยะแถมไกลอีกด้วย เลยแนะนำให้นั่งรถบัสหรือมารถไฟ หรือว่าจะนั่งแท็กซี่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกันค่ะ (นั่งมาไม่แพงค่ะ) สำหรับการเดินทางแบบรถไฟ ให้มาลงสถานี Balloon Saga station ได้เลยค่ะ แต่! สำหรับสถานีนี้จะเปิดให้บริการเฉพาะช่วงมีงานเท่านั้น พองานเสร็จสิ้นแล้วสถานีนี้จะถูกปิดลงจนกว่าจะมีการจัดงานครั้งหน้า
โดยปกติแล้วส่วนมากคนจะมาชมบรรยากาศในช่วงตอนกลางวันเพราะว่าสามารถเห็นบอลลูนลอยฟ้า และเก็บภาพสวยๆ กันได้ แต่ในครั้งนี้เราจะพาทุกคนมาชมบรรยากาศในตอนกลางคืนกัน ซึ่งก็สวยไปอีกแบบหนึ่งค่ะ



นี่ก็เป็นบรรยากาศเล็กๆ น้อยๆ ที่เก็บภาพมาฝากกันนะคะ สำหรับตอนกลางคืนจะมีกิจกรรมเปิดไฟโชว์ สวยงามมากๆ แล้วไม่ค่อยจะได้เห็นกันง่ายๆ เท่าไหร่ เพราะเนื่องจากคนเยอะมากๆ แล้วก็ค่อนข้างแออัด (ดังที่เห็นในรูปนี่ล่ะค่ะ) ถ้าอยู่ด้านหลังมากๆ จะมองไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่ค่ะ (เราตัวเล็กจนต้องแทรกคนแล้วขอเข้าไปถ่ายรูปใกล้ๆ เลยค่ะ T T) แต่บอกเลยว่าตอนกลางคืนสวยไม่แพ้ตอนกลางวันเลย ใครที่สามารถอยู่ได้ อยากให้อยู่จนถึงรอบตอนเย็นเลยนะคะ เพราะมันสวยจริงๆ ><




ในงานนี้เองก็มีร้านขายของต่างๆ รวมไปถึงอาหารมาขายด้วยนะคะ แถมราคาไม่แพงด้วย! แต่เรื่องหาที่นั่งนี่แนะนำให้วิ่งไปจองก่อนเลยค่ะเพราะคนเยอะมากๆ แถมอาหารก็อร่อยด้วยค่ะ อย่างงี้ต้องไม่พลาดนะคะ >____< !!
สำหรับในการเดินทางทริปนี้ก็ขอจบลงเพียงเท่านี้นะคะ ขอบอกก่อนเลยว่าถ้าจะอยู่ถึงตอนกลางคืนต้องอดทนเข้าไว้นะคะ เพราะคนเยอะมากจริงๆ แถวที่ต่อรถคิวขึ้นรถไฟ รถบัส รวมไปถึงแท็กซี่หางแถวยาวมากๆค่ะ แต่ก็อยากให้อยู่จนคุ้มนาทีสุดท้ายของงานนะคะ เพราะว่านานๆทีจะมีเทศกาลนี้ ก็อย่าลืมนะคะ มาพบกับความสวยงามและธรรมชาติในจังหวัดซากะนี้ ขอให้ทุกท่านสนุกสนานกับการเดินทางในเกาะคิวชูนะค่า