
วันหนึ่งช่วงต้นเดือนพฤษภาคม หลังจากสิ้นสุดฤดูหนาวอันหนาวเหน็บ เริ่มเข้าฤดูใบไม้ผลิมาสักพักแล้ว ซากุระก็เริ่มร่วงโรยไปแล้ว มีเพียงหญ้าเขียวๆ ที่เข้ามาแทนที่ “มหาวิทยาลัยฮอกไกโด” หลายคนคงคิด ก็แค่มหาวิทยาลัยจะมีอะไรให้ดู นอกจากนักศึกษาหนุ่มหล่อ สาวสวย ...ใช่ค่ะ เราก็คิดแบบนั้น ?

เราเริ่มออกจากที่พักที่ย่าน Susukino ย่านบันเทิงที่โด่งดังที่ของเมือง Sapporo เพราะที่นี้มีร้านค้า บาร์ ร้านอาหาร ร้านคาราโอเกะ ร้านบางร้านเปิดจนถึงเที่ยงหรือเลยเที่ยงคืนก็มี เราเดินลงใต้ดิน จนมาถึงสถานี Sapporo เล่นเอาเหนื่อยหอบ แต่ยังไม่ถึงค่ะ อย่าหยุดเดิน เดินทะลุออกไปอีกฝั่งของสถานี เลี้ยวซ้าย ตามป้ายบอกทางไป เดินไป 10-15 นาที รวมๆ แล้ว เราน่าจะใช้เวลาจากที่พัก ถึงมหาวิทยาลัยเกือบ 30-40 นาที ถ้าใครไม่อยากเสียเวลาก็สามารถใช้บริการรถไฟใต้ดินมาได้ค่ะ แปปเดียว ไม่เหนื่อยด้วย แต่เราเบี้ยน้อยหอยน้อย เลยขอเลือกวิธีเดิน เก็บเงินไว้กินข้าวปั้นดีกว่า ^^

พอมาถึงแล้ว ความเหนื่อยหายไปในพริบตา ความตื่นเต้น ดีใจ ที่จะได้มาส่องหนุ่มๆ มหาลัยมาถึงแล้ว ☺️ ก็เดินไปเรื่อยๆ อะจ้าา ตอนนั้น คือเราไม่เคยมา มันเลยดูสวย น่าถ่ายรูปทุกที่ เราเดินไปเรื่อย ตรงไหนสวยก็หยุดถ่ายรูป เพลินมากค่ะ จนลืมไปเลยว่าที่นี้คือมหาวิทยาลัย อากาศดี เดินเพลินๆ มีนักท่องเที่ยวมาเดินเล่น และมีคู่รักมาถ่ายพรีเวดดิ้งกันด้วยจ้า โหหห ...ทำร้ายจิตใจคนมาคนเดียวอ่ะ ? แต่วิวสวยๆ ของมหาวิทยาลัยก็ช่วยเยียวยาจิตใจให้เราได้

เนื่องจากเรามาในช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่ดอกซากุระก็เริ่มร่วงโรยไปแล้ว เหลือไว้เพียงแค่ความสวยงามบนพื้นดิน แต่ของมันสวย อยู่ที่ไหนก็สวยค่ะ แต่ก็ใช่จะมีแต่ซากุระซะเมื่อไหร่ละ ดอกอื่นๆ ก็มีจ้า

เราเดินไปตามทางที่เราคิดว่าเราน่าจะสามารถเข้าไปได้ สำหรับเรา ที่นี่มันเกินคาดมาก เราประทับใจความเขียว ความชุ่มชื่น อากาศดีๆ ทำให้เราเดินเพลินๆ ได้ไม่มีเบื่อ ไม่มีเหนื่อยเลย ตรงไหนสวย ถูกใจก็หยุดถ่ายรูปนานหน่อย จนสาแก่ใจ ซึ่งเราชอบ ฉากหลัง ขอเรียกว่าบ้านละกัน ดูน่ารักดี ? กับความเขียวของหญ้าหน้าบ้านตรงนี้มาก ตรงนี้สำหรับเรา ถ่ายรูปไปยังไงก็สวย บางครั้งก็ให้ความรู้สึก ลึกลับ เหมือนบ้านเล็กในป่าใหญ่


และที่นี้ยังมีแนวต้นไม้ Popular ที่มีชื่อเสียง ซึ่งที่นี้เคยถูกพายุพัดจนล้มลงเกือบครึ่งหนึ่งในปีค.ศ. 2004 แต่หลังจากนั้นก็ได้รับความช่วยเหลือจากทั่วประเทศ นำต้นกล้ามาปลูกใหม่ ทำให้ตอนนี้มีทางเดินที่ยาว สวย ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ประมาณ 80 เมตร

และที่นี่ยังเป็นจุดที่คนญี่ปุ่น หรือนักท่องเที่ยวเอง นิยมมาชมใบไม้เปลี่ยนสี และถ่ายรูปเช็คอินลง instagram ซึ่งเต็มไปด้วยต้นแปะก๊วยประมาณ 70-80 ต้น ที่จะเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองทองตามแนวของถนน ซึ่งช่วงเวลาที่สวยที่สุดในการชมใบไม้เปลี่ยนสีของที่นี่คือเดือนตุลาคม
เราก็หวังว่าในสักวันเราจะได้กลับมาที่นี้อีกครั้ง เพื่อชมใบไม้เปลี่ยนสี

เราเริ่มออกจากที่พักที่ย่าน Susukino ย่านบันเทิงที่โด่งดังที่ของเมือง Sapporo เพราะที่นี้มีร้านค้า บาร์ ร้านอาหาร ร้านคาราโอเกะ ร้านบางร้านเปิดจนถึงเที่ยงหรือเลยเที่ยงคืนก็มี เราเดินลงใต้ดิน จนมาถึงสถานี Sapporo เล่นเอาเหนื่อยหอบ แต่ยังไม่ถึงค่ะ อย่าหยุดเดิน เดินทะลุออกไปอีกฝั่งของสถานี เลี้ยวซ้าย ตามป้ายบอกทางไป เดินไป 10-15 นาที รวมๆ แล้ว เราน่าจะใช้เวลาจากที่พัก ถึงมหาวิทยาลัยเกือบ 30-40 นาที ถ้าใครไม่อยากเสียเวลาก็สามารถใช้บริการรถไฟใต้ดินมาได้ค่ะ แปปเดียว ไม่เหนื่อยด้วย แต่เราเบี้ยน้อยหอยน้อย เลยขอเลือกวิธีเดิน เก็บเงินไว้กินข้าวปั้นดีกว่า ^^

พอมาถึงแล้ว ความเหนื่อยหายไปในพริบตา ความตื่นเต้น ดีใจ ที่จะได้มาส่องหนุ่มๆ มหาลัยมาถึงแล้ว ☺️ ก็เดินไปเรื่อยๆ อะจ้าา ตอนนั้น คือเราไม่เคยมา มันเลยดูสวย น่าถ่ายรูปทุกที่ เราเดินไปเรื่อย ตรงไหนสวยก็หยุดถ่ายรูป เพลินมากค่ะ จนลืมไปเลยว่าที่นี้คือมหาวิทยาลัย อากาศดี เดินเพลินๆ มีนักท่องเที่ยวมาเดินเล่น และมีคู่รักมาถ่ายพรีเวดดิ้งกันด้วยจ้า โหหห ...ทำร้ายจิตใจคนมาคนเดียวอ่ะ ? แต่วิวสวยๆ ของมหาวิทยาลัยก็ช่วยเยียวยาจิตใจให้เราได้

เนื่องจากเรามาในช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่ดอกซากุระก็เริ่มร่วงโรยไปแล้ว เหลือไว้เพียงแค่ความสวยงามบนพื้นดิน แต่ของมันสวย อยู่ที่ไหนก็สวยค่ะ แต่ก็ใช่จะมีแต่ซากุระซะเมื่อไหร่ละ ดอกอื่นๆ ก็มีจ้า

เราเดินไปตามทางที่เราคิดว่าเราน่าจะสามารถเข้าไปได้ สำหรับเรา ที่นี่มันเกินคาดมาก เราประทับใจความเขียว ความชุ่มชื่น อากาศดีๆ ทำให้เราเดินเพลินๆ ได้ไม่มีเบื่อ ไม่มีเหนื่อยเลย ตรงไหนสวย ถูกใจก็หยุดถ่ายรูปนานหน่อย จนสาแก่ใจ ซึ่งเราชอบ ฉากหลัง ขอเรียกว่าบ้านละกัน ดูน่ารักดี ? กับความเขียวของหญ้าหน้าบ้านตรงนี้มาก ตรงนี้สำหรับเรา ถ่ายรูปไปยังไงก็สวย บางครั้งก็ให้ความรู้สึก ลึกลับ เหมือนบ้านเล็กในป่าใหญ่


และที่นี้ยังมีแนวต้นไม้ Popular ที่มีชื่อเสียง ซึ่งที่นี้เคยถูกพายุพัดจนล้มลงเกือบครึ่งหนึ่งในปีค.ศ. 2004 แต่หลังจากนั้นก็ได้รับความช่วยเหลือจากทั่วประเทศ นำต้นกล้ามาปลูกใหม่ ทำให้ตอนนี้มีทางเดินที่ยาว สวย ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ประมาณ 80 เมตร

และที่นี่ยังเป็นจุดที่คนญี่ปุ่น หรือนักท่องเที่ยวเอง นิยมมาชมใบไม้เปลี่ยนสี และถ่ายรูปเช็คอินลง instagram ซึ่งเต็มไปด้วยต้นแปะก๊วยประมาณ 70-80 ต้น ที่จะเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองทองตามแนวของถนน ซึ่งช่วงเวลาที่สวยที่สุดในการชมใบไม้เปลี่ยนสีของที่นี่คือเดือนตุลาคม
เราก็หวังว่าในสักวันเราจะได้กลับมาที่นี้อีกครั้ง เพื่อชมใบไม้เปลี่ยนสี