ตะลุยแดนนินจา กับ 6 ที่เที่ยวในเมืองมิเอะ (Mie)

ถ้าหากคุณเริ่มแผนท่องเที่ยวจากสนามบินชูบุเซ็นแทรร์ นาโกย่า คนส่วนใหญ่ก็จะเดินทางขึ้นไปเที่ยวทางทิศเหนือ เพื่อไปยังชิราคาวาโกะและทาคายาม่า แต่ว่าหากลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้สักหน่อย คุณจะเจอกับเมืองเมืองหนึ่งที่มีความเพียบพร้อม ทั้งที่เที่ยวทางวัฒนธรรม ที่เที่ยวทางธรรมชาติ และมีอาหารที่อร่อยขึ้นชื่ออันดับหนึ่งของญี่ปุ่น นั่นก็คือเมืองมิเอะ (Mie) เพราะที่นี่เป็นถิ่นกำเนิดของนินจาอิงะ มีศาลเจ้าอิเสะขนาดใหญ่ และมีเนื้อมัตสึซากะที่เลิศรส

เราตามไปดูกันว่า ถ้าหากจะแพลนทริปเที่ยวทางมิเอะ จะมีที่ไหนน่าไปชมบ้าง

1. ชมดอกบ๊วยพร้อมวิวภูเขาหิมะ ที่เมืองอินาเบะ (Inabe City Plum Park)




เชื่อไหมคะว่าที่เมืองมิเอะ ก็มีสวนดอกบ๊วยสวย ๆ เหมือนกัน ที่สวนดอกบ๊วยเมืองอินาเบะแห่งนี้มีขนาด 380,000 ตารางเมตร มีต้นบ๊วยมากมายกว่า 100 ชนิด 4,000 ต้น ถือว่าเป็นสวนดอกบ๊วยที่ใหญ่ที่สุดในเขตโตไก และยังเป็นสถานที่ทำเลสวยๆ ที่เหมาะต่อการชมทัศนียภาพอันสวยงามของดอกบ๊วยที่กำลังบานสะพรั่งโดยมีภูเขา Suzuka เป็นฉากหลัง นอกจากนี้ยังมีเทศกาลเก็บลูกบ๊วยที่จะเปิดให้บริการหลังจากต้นบ๊วยออกดอกได้ประมาณ 2 อาทิตย์ และที่สำคัญคุณยังสามารถเที่ยวชมเหล่าผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นได้อีกด้วยค่ะ





ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการชม: ต้นเดือนมีนาคม – กลางเดือนมีนาคม
วันที่จัดงานเทศกาล: Inabe Plum Festival ต้นเดือนมีนาคม – ปลายเดือนมีนาคม
ค่าเข้างาน: ผู้ใหญ่ 500 เยน เด็ก (เด็กเล็ก – ประถมศึกษา) ฟรี (ราคาเฉพาะช่วงเทศกาล)
เวลาทำการ: 8.30 – 16.00 น.
เว็บไซต์: http://www.inabe-nougyoukouen.com/event.html
การเดินทาง: นั่งรถไฟสาย Sangi Hokusei ลงที่สถานี Ageki จากนั้นนั่งแท็กซี่ต่อประมาณ 20 นาที
พิกัด:


 

2. สัมผัสชีวิตความเป็นอยู่แบบนินจาขนานแท้ ที่หมู่บ้านนินจาอิงะ (Iga Ninja Museum)




ใครอยากเห็นนินจาตัวจริง และอยากรู้จักชีวิตความเป็นอยู่แบบนินจาขนานแท้ จะต้องมาที่นี่! หมู่บ้านนินจาอิงะ (Iga Ninja Museum) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “พิพิธภัณฑ์นินจาอิงะ” เป็นถิ่นกำเนิดนินจาตระกูลอิงะ ในช่วงศตวรรษที่ 15 ภายในมีการจัดแสดงสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น บ้านพักในอดีต อาวุธ งานเขียนในยุคโบราณ และพิเศษสุด ๆ ยังมีโชว์นินจาที่น่าตื่นตาตื่นใจ นักท่องเที่ยวยังสามารถเช่าชุดนินจามาใส่ได้ด้วย



สำหรับใครที่ไปเที่ยวมิเอะ นาโกย่า และอยากหาที่เที่ยวที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ก็อยากให้ลองมาสัมผัสความเป็นนินจาที่หมู่บ้านนินจาอิงะกันสักครั้งค่ะ และพิเศษสุด ๆ ตอนนี้มีแคมเปญเที่ยวฟรีจากสนามบินชูบุเซ็นแทรร์ นาโกย่า ที่ให้เราเข้าชมหมู่บ้านนินจาอิงะแบบฟรี ๆ รวมถึงได้รับของที่ระลึกน่ารัก ๆ กลับไปด้วยนะคะ
ลงทะเบียนขอรับสิทธิ์ได้ที่ http://th.centrair-campaign.com/microsite/centrairwinterspring/ (ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 เมษายน 2020)



เวลาเปิดบริการ: 9:00 – 17:00 น. (ปิดรับเข้าชมเวลา 16:30 น.)
ค่าเข้าชม:
- ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์นินจา (แบบบุคคล) ผู้ใหญ่ 756 เยน เด็ก 432 เยน
- ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์นินจา (หมู่คณะ 20 คนขึ้นไป) ผู้ใหญ่ 648 เยน เด็ก 324เยน
- ค่าชมการแสดงโชว์นินจา 400 เยน (เนื่องจากมีบางวันที่ปิดการแสดง กรุณาตรวจสอบตารางโชว์ที่หน้าเว็บไซต์ก่อน)
เว็บไซต์: http://www.iganinja.jp
การเดินทาง :
- โดยรถไฟ นั่งรถไฟสาย Kintetsu จากสถานี Kintetsu Nagoya ไปลงที่สถานี Igakambe จากนั้นต่อรถไฟสาย Iga Railway ไปลงที่สถานี Uenoshi จากนั้นเดินไปทางทิศเหนือ 10 นาที หมู่บ้านนินจาอิงะตั้งอยู่ในพื้นที่ของสวนอุเอโนะ
- โดยรถบัส สามารถขึ้นรถบัสของ Mie Kotsu Group จาก Nagoya (Meitetsu Bus Center) ชานชาลาที่ 1 ชั้น 3 ไปลงที่สถานี Uenoshi จากนั้นเดินไปทางทิศเหนือ 10 นาที หมู่บ้านนินจาอิงะตั้งอยู่ในพื้นที่ของสวนอุเอโนะ ค่าโดยสารรถบัสราคา 2000 เยน / เที่ยว (ไป-กลับ 4000 เยน) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาที สามารถชมรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.sanco.co.jp/foreign/english/shuttle/igaueno/nagoya.html
พิกัด:


 

3. ลิ้มรสเนื้อวัวลายหินอ่อนของแท้ต้องที่เมืองมัตสึซากะ (Matsusaka) เท่านั้น




เขยิบลงมาทางตอนกลางของจังหวัดมิเอะ จะเจอกับเมืองมัตสึซากะ (Matsusaka) ที่เมืองนี้แหล่งผลิตอาหารขึ้นชื่อ ที่หากพูดถึงเชื่อว่าหลายคนจะต้องเคยได้ยินชื่อแน่นอน นั่นก็คือ เนื้อมัตสึซากะ สุดยอดเนื้อวะกิวของญี่ปุ่น เป็นเนื้อมีลักษณะพิเศษคือมีไขมันแทรกกระจายในชิ้นเนื้อเป็นลวดลายเหมือนหินอ่อน ซึ่งมาจากกระบวนการเลี้ยงวัวที่ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีในบรรยากาศที่เงียบสงบ ทานอาหารที่มีกากใยสูงทำให้เนื้อมีคุณภาพสูง มีรสนุ่ม ละลายในปาก

และที่เมืองมัตสึซากะ จังหวัดมิเอะแห่งนี้แม้เป็นเมืองเล็กๆ เงียบๆ ไม่ค่อยมีตึกสูง แต่มีร้านอาหารสำหรับที่เสิร์ฟเนื้อมัตสึซากะโดยเฉพาะอยู่หลายร้านในตัวเอง หากใครได้มาภูมิภาคชูบุ บอกเลยว่าต้องมาลองสักครั้ง นอกจากนี้ภายในเมืองมัตสึซากะก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ควรค่าแก่การไปชมอีกด้วย



อ่านรีวิวเนื้อมัตสึซากะต่อได้ที่ https://www.www.jgbthai.com/isshobin-matsusaka-beef/
เว็บไซต์: https://www.matsusaka-kanko.com/language/en/index/
การเดินทาง: จากสถานี Nagoya โดยสารรถไฟ JR Limited Express Nanki ไปลงที่สถานี Matsusaka ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 15 นาที
พิกัด:


แต่หากเพื่อนๆ คนไหนที่พลาดโอกาสทานเนื้อมัตสึซากะที่ในเมือง หรือใครที่อยากลองลิ้มรสเบอร์เกอร์/บัน ที่ใช้เนื้อมัตสึซากะก่อนเดินทางกลับไทย ก็สามารถรับสิทธิ์ทานฟรีได้จากสนามบินชูบุเซ็นแทรร์ นาโกย่า (ฝั่งผู้โดยสารขาออก) เช่นกัน โดยสามารถลงทะเบียนขอรับสิทธิ์ได้ที่ http://th.centrair-campaign.com/microsite/centrairwinterspring/ (ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 เมษายน 2020)



 

4. ศาลเจ้าอิเสะ (Ise Grand Shire) ศาลเจ้าที่ทุกคนต้องไปสักการะสักครั้งในชีวิต




ถ้ามามิเอะแล้วจะพลาดที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด! ศาลเจ้าอิเสะ (Ise Grand Shire) แห่งเมืองอิเสะ ศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงโด่งดังและมีขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น จนใคร ๆ ก็ต้องบอกว่า จะต้องมาสักการะที่นี่ให้ได้สักครั้งในชีวิต คนญี่ปุ่นเชื่อว่าศาลเจ้าแห่งนี้ เป็นที่สถิตย์ของเทพเจ้าอามาเทราสึ เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ ในแต่ละปีจะมีผู้นับถือกว่าสิบล้านคนที่เดินทางมาสักการะกันถึงศาลเจ้าแห่งนี้ เพื่อขอพรให้ชีวิตประสบความสำเร็จในเรื่องต่าง ๆ ที่ศาลเจ้าแห่งนี้มีเครื่องรางกระดิ่งที่จะอวยพรอำนวยพรทุกสิ่งอย่างให้สำเร็จลุล่วง ว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์มากค่ะ



เวลาเปิดบริการ: 5:00 – 18:00 น. (ม.ค. – มี.ค. และ ก.ย.) / 5:00 – 19:00 น. (พ.ค. – ส.ค.) / 5:00 – 17:00 น. (ต.ค. – ธ.ค.)
ค่าเข้าชม: ฟรี
เว็บไซต์: https://www.isejingu.or.jp/en/about/index.html
การเดินทาง: จากสถานี Kintetsu Nagoya นั่งรถไฟสาย Kintetsu Limited Express ลงที่สถานี Ise-shi ในกรณีไปศาลเจ้าชั้นนอก (Geku) สามารถเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที แต่หากไปศาลเจ้าชั้นใน (Naiku) จะต้องนั่งรถบัสหรือแทกซี่ต่อเข้าไปประมาณ 15 นาที
พิกัด:


 

5. หินแต่งงาน Meoto Iwa ไปขอพรกันให้ความรักปัง ๆ




ยังอยู่กันที่เมืองอิเสะ แต่มุ่งหน้ามาทางฝั่งตะวันออกมายังริมทะเล ที่นี่มีชื่อว่า "หินแต่งงาน" หรือชื่อภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า Meoto Iwa ซึ่งตั้งอยู่ในศาลเจ้าฟุตามิโอคิทามะ (Futami Okitama Shrine) ที่มีของคำว่าหินแต่งงานนั้น เนื่องมาจากรูปลักษณะของหินศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดตามธรรมชาติ มี 2 ก้อนเล็กใหญ่อยู่เคียงข้างกันในทะเล หินก้อนใหญ่เปรียบเสมือนสามีที่มีชื่อว่า “อิซานางิ” และหินก้อนเล็กนั้นเปรียบเป็นภรรยา “อิซานามิ” ที่ครองคู่กันโดยมี “เชือกชิเมะนะวะ” คล้องเชื่อมกันอยู่ เป็นสถานที่ที่ผู้คนนิยมเดินทางมาเพื่อขอพรให้สมหวังเรื่องความรัก แนะนำให้มาในช่วงพระอาทิตย์ตกเพราะชมวิวที่สวยงามโรแมนติกมากค่ะ



เวลาเปิดบริการ: เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม: ฟรี
เว็บไซต์: kyoka.mie-jinjacho.or.jp
การเดินทาง: นั่งรถไฟสาย Sangu Line มาลงที่สถานี Futamino-Ura จากนั้น เดินต่อ 15 นาที
พิกัด:


 

6. ทานอาหารทะเลสด ๆ พร้อมกับสัมผัสชีวิตอะมะซัง ที่ Ama Hut Hachiman




จบทริปมิเอะอย่างอิ่มเอมด้วยการไปทานอาหารทะเลสด ๆ พร้อมกับทำความรู้จักกับอะมะซัง (Ama-San) ซึ่งคือผู้หญิงที่ทำการประมงแบบดั้งเดิมด้วยการดำน้ำแบบ Free dive ในการงมหอยต่างๆ รวมทั้งเก็บสาหร่ายจากท้องทะเล ซึ่งเป็นอาชีพที่สืบต่อกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปี สำหรับกระท่อมเหล่าอะมะ ได้เปิดเป็นร้านอาหารเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว เหล่าอะมะซังจะคอยเสิร์ฟอาหารทะเลสดๆ และปิ้งย่างหอยชนิดต่างๆ ด้วยเตาถ่านให้ชมตรงหน้า ท่านสามารถเลือกอาหารที่คุณชื่นชอบได้ โดยเมนูอาหารขึ้นอยู่กับฤดูกาล (ราคาแต่ละเมนูจะไม่เท่ากัน) และเมื่อทานเสร็จแล้ว ก็จะมีกิจกรรมต่างๆ เช่น การแต่งตัวแบบอะมะ การร่ายรำท้องถิ่นร่วมกับอะมะ รวมถึงมีของที่ระลึกให้เลือกซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านไปด้วย



เวลาเปิดบริการ: ประมาณ 10:00 – 16:30 น.
ค่าเข้าชม: ราคาอาหารขึ้นอยู่กับกระท่อมเหล่าอะมะซังที่ท่านเลือกไป
เว็บไซต์: http://toba.or.jp/
การเดินทาง: จากสถานี Kintetsu Nagoya นั่งรถไฟสาย Kintetsu Limited Express ไปลงสถานี JR Toba จากนั้น ใช้บริการรถรับ-ส่งฟรี ไปยังกระท่อมอะมะซัง (การบริการขึ้นอยู่กับกระท่อมเหล่าอะมะซังที่ท่านเลือกไป)
พิกัด:


เอาล่ะ บทความนี้ขอจบลงเท่านี้ แต่ความจริงแล้วจังหวัดมิเอะ ยังมีที่เที่ยวอีกมากมายที่รอให้คุณไปสัมผัส หรือหากคุณใช้เป็นจังหวัดที่จะผ่านต่อไปยังภูมิภาคคันไซก็ทำได้ เช่น แวะเที่ยวหมู่บ้านนินจาอิงะก่่อน แล้วค่อยเดินทางไปต่อที่นาระ แล้วต่อไปโอซาก้าหรือเกียวโตตามลำดับ  หรือคุณจะเที่ยวต่อจากมิเอะลงมายังจังหวัดวาคายาม่าที่มีมรดกโลกอย่างเส้นทางแสวงบุญคุมาโนะโคโด น้ำตกนาจิ และค่อยกลับไปที่สนามบินโอซาก้า (KIX) ก็น่าสนใจเหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม ก็ขอฝากจังหวัดน่ารักๆ อย่างมิเอะ ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจเพื่อน ๆ นักเดินทางทุกคนด้วยนะคะ ^^