ใครที่มาเที่ยวโตเกียวเป็นครั้งแรก และอยากลองมาเที่ยวศาลเจ้าแบบญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ ต้องมาเที่ยว ศาลเจ้าเมจิ จิงกุ (Meiji Jingu) ค่ะ ศาลเจ้าเมจิ จินกุ ตั้งอยู่ในป่าใหญ่ใจกลางโตเกียวเลยค่ะ โดยไม่น่าเชื่อว่าจะมีป่าใหญ่ขนาดนี้กลางโตเกียวค่ะ ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 1920 เพื่อเป็นการสักการะจักรพรรดินีแห่งราชวงศ์เมจิ หลังจากที่จักรพรรดิ์แห่งราชวงศ์เมจิได้สวรรคตในปี 1912 ก่อนจะถูกทำลายลงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนที่จะถูกสร้างขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็วค่ะ
วิธีการเดินทาง นั่งรถไฟสาย Yamanote มาลงสถานี Harajuku เดินต่อประมาณ 5 นาทีค่ะ หรือนั่งรถไฟสาย Chiyoda and Fukutoshin Subway มาลง Meiji-jingu-mae
?ที่ตั้ง 1−1 Gikamizonocho,Yoyo, Shibuya, Tokyo
ไม่มีวันหยุด
เวลา พระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตกดิน
เมื่อเราเดินมาถึงทางเข้าศาลเจ้าแล้ว เราก็จะเห็นเสาใหญ่ๆสองต้น ที่เรียกว่า เสาโทริอิ เป็นเสมือนประตูของศาลเจ้าที่เชื่อมระหว่างโลกมหนุษย์กับสวรรค์เอาไว้ด้วยกันค่ะ เสาโทริอิที่ศาลเจ้าเมจิ จินกุนั้นถือได้ว่าเป็นเสาโทริอิที่หนักและใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น โดยหนักถึง 13 ตัน สูงถึง 12 เมตร กว้าง 17 เมตรเลยทีเดียวค่ะ โดยจุดนี้เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมเข้ามาถ่ายรูปกันค่ะ
เดินผ่านเสาโทริอิเข้ามาก็จะเป็นป่าใหญ่ ต้องเดินเข้าไปอีกสักพักใหญ่ๆกว่าจะถึงตัวศาลเจ้าเมจิ จินกุค่ะ แต่อากาศเย็นและร่มรื่นมากค่ะ โดยที่นี่มีต้นไม้มากกว่า 100,000 ต้น และถูกปลูกขึ้นมาโดยมือของผู้คนสมัยที่สร้างศาลเจ้าค่ะ โดยมีจุดประสงค์อยากให้ที่นี่ป่าสีเขียวร่มรื่นค่ะ
เดินมาสักพักก็จะเจอป้ายบอกเป็นระยะๆ ใครที่อยากชมสวนสวยๆลองแวะเข้าไปที่ สวน Meiji Jingu Inner Garden ได้ค่ะ ค่าเข้าชม 500 เยน และพิพิธภัณฑ์ Treasure House ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ 500 เยน
ตัวหลักของศาลเจ้าเมจิ จินกุ จะใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาเช่น พิธีแต่งงานแบบศาสนาชินโต ใครโชคดีมาเจอวันที่เขาประกอบพิธีแต่งงานก็โชคดึเลยค่ะ ตัวศาลเจ้าเป็นอาคารไม้แบบเรียบๆ และมีอาคารศาลเจ้าเล็กๆอีกหลายหลังรอบๆ นอกจากนี้ยังมีที่ให้นั่งพักได้ด้วยค่ะ ล้อมรอบด้วยรั้วไม้ มีลานกว้างด้านหน้า ดูสวยงามมากค่ะ เราสามารถไหว้พระขอพรได้ด้วยค่ะ
นอกจากนี้ในช่วงปีใหม่ของทุกปี ที่นี่จะจัดพิธีไหว้พระปีใหม่ หรือฮาทซึโม่เดะ ซึ่งว่ากันว่าช่วงนี้จะมีผู้เดินทางมาศาลเจ้าเมจิ จินกุกว่า 3 ล้านคนเลยทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ที่นี่ยังมีเครื่องรางจำหน่่ายด้วยค่ะ ทั้งเครื่องรางที่ขอให้เดินทางปลอดภัย มีสุขภาพแข็งแรง ขอให้ประสบความสำเร็จต่างๆเป็นต้นค่ะ
วิธีการเดินทาง นั่งรถไฟสาย Yamanote มาลงสถานี Harajuku เดินต่อประมาณ 5 นาทีค่ะ หรือนั่งรถไฟสาย Chiyoda and Fukutoshin Subway มาลง Meiji-jingu-mae
?ที่ตั้ง 1−1 Gikamizonocho,Yoyo, Shibuya, Tokyo
ไม่มีวันหยุด
เวลา พระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตกดิน
เมื่อเราเดินมาถึงทางเข้าศาลเจ้าแล้ว เราก็จะเห็นเสาใหญ่ๆสองต้น ที่เรียกว่า เสาโทริอิ เป็นเสมือนประตูของศาลเจ้าที่เชื่อมระหว่างโลกมหนุษย์กับสวรรค์เอาไว้ด้วยกันค่ะ เสาโทริอิที่ศาลเจ้าเมจิ จินกุนั้นถือได้ว่าเป็นเสาโทริอิที่หนักและใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น โดยหนักถึง 13 ตัน สูงถึง 12 เมตร กว้าง 17 เมตรเลยทีเดียวค่ะ โดยจุดนี้เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมเข้ามาถ่ายรูปกันค่ะ
เดินผ่านเสาโทริอิเข้ามาก็จะเป็นป่าใหญ่ ต้องเดินเข้าไปอีกสักพักใหญ่ๆกว่าจะถึงตัวศาลเจ้าเมจิ จินกุค่ะ แต่อากาศเย็นและร่มรื่นมากค่ะ โดยที่นี่มีต้นไม้มากกว่า 100,000 ต้น และถูกปลูกขึ้นมาโดยมือของผู้คนสมัยที่สร้างศาลเจ้าค่ะ โดยมีจุดประสงค์อยากให้ที่นี่ป่าสีเขียวร่มรื่นค่ะ
เดินมาสักพักก็จะเจอป้ายบอกเป็นระยะๆ ใครที่อยากชมสวนสวยๆลองแวะเข้าไปที่ สวน Meiji Jingu Inner Garden ได้ค่ะ ค่าเข้าชม 500 เยน และพิพิธภัณฑ์ Treasure House ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ 500 เยน
ตัวหลักของศาลเจ้าเมจิ จินกุ จะใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาเช่น พิธีแต่งงานแบบศาสนาชินโต ใครโชคดีมาเจอวันที่เขาประกอบพิธีแต่งงานก็โชคดึเลยค่ะ ตัวศาลเจ้าเป็นอาคารไม้แบบเรียบๆ และมีอาคารศาลเจ้าเล็กๆอีกหลายหลังรอบๆ นอกจากนี้ยังมีที่ให้นั่งพักได้ด้วยค่ะ ล้อมรอบด้วยรั้วไม้ มีลานกว้างด้านหน้า ดูสวยงามมากค่ะ เราสามารถไหว้พระขอพรได้ด้วยค่ะ
นอกจากนี้ในช่วงปีใหม่ของทุกปี ที่นี่จะจัดพิธีไหว้พระปีใหม่ หรือฮาทซึโม่เดะ ซึ่งว่ากันว่าช่วงนี้จะมีผู้เดินทางมาศาลเจ้าเมจิ จินกุกว่า 3 ล้านคนเลยทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ที่นี่ยังมีเครื่องรางจำหน่่ายด้วยค่ะ ทั้งเครื่องรางที่ขอให้เดินทางปลอดภัย มีสุขภาพแข็งแรง ขอให้ประสบความสำเร็จต่างๆเป็นต้นค่ะ
