
ในบรรดาราเม็งทั้งหลายทั้งมวล ตัวที่ถูกปากชาวไทยก็คงหนีไม่พ้นทงคตสึราเม็งซุปกระดูกหมูรสเข้ม ซึ่งตอนนี้เองไม่ว่าจะเป็นเจ้าเล็กเจ้าใหญ่ก็บุกมาเปิดในไทยกันเพียบ ในครั้งนี้ก็จะมาขอรีวิวที่ร้านราเม็งเล็กๆ ร้านหนึ่งที่พึ่งเปิดได้นาน แต่รสชาตินั้นเรียกว่ามาจากคิวชูแท้ๆ เลย
ร้านนี้เป็นร้านที่มีชื่อว่า Seiryu Ramen เป็นร้านราเม็งเล็กๆ ที่พึ่งเปิดได้ไม่นานในซอยสุขุมวิท 33 ใกล้ BTS พร้อมพงษ์ ซึ่งเลือกที่จะนำเสนอเมนูทงคตสึราเม็ง ของดีจากคิวชูในแบบฉบับรสชาติดั้งเดิม โดยไม่มีราเม็งรูปแบบอื่นๆ เลย นับว่าเฉพาะทางมากๆ จ้า
บรรยากาศภายในร้าน
ภายในร้าน Seiryuu Ramen นั้นตกแต่งแบบสะอาดๆ สบายๆ มีที่นั่งประมาณ 30 ที่เท่านั้นเอง เป็นโต๊ะ 2 ที่นั่ง, 4 ที่นั่ง และ 6 ที่นั่ง มีพนักงานรวมถึงเจ้าของร้านคอยดูแลอย่างใกล้ชิดเลยทีเดียว
สมกับเป็น Seiryu (มังกรฟ้า) จริงๆ อยู่ที่ผนังตัวย้าวยาว 555
เมนูแนะนำ
ทงคตสึ ชาชูเม็ง 190 บาท + ท็อปปิ้งไข่ตัม 20 บาท
พระเอกของร้านนี้ก็ต้องเป็นทงคตสึราเม็งแน่นอนอยู่แล้ว (เมนูอื่นแทบไม่ค่อยมี 555) เป็นทงคตสึราเม็งที่เห็นแล้วนึกถึงบรรยากาศในแถบคิวชูเสียจริงๆ หน้าตาโดยรวมแล้วถือว่าถูกต้องตามมาตรฐาน ไม่ใช่มั่วซั่วทำขึ้นมา ส่วนเรื่องรสชาติเดี๋ยวลองเทสดู
แน่นอนว่ากระเทียม ของที่ไว้ทานคู่กับทงคตสึราเม็งที่จะขาดไปเสียมิได้ ทางร้านก็เตรียมไว้ให้สำหรับทุกโต๊ะพร้อมที่บด จะทานทงคตสึราเม็งให้อร่อยๆ ต้องอัดกระเทียมเยอะๆ จ้า (จะไปคึกคักกับคุณแฟนรึเปล่า อันนี้อีกเรื่อง 5555)
เริ่มต้นกันที่นํ้าซุปกันก่อนเลย ซุปของที่นี้จะไม่ข้น มีรสที่พอดีไม่จัดจ้านมากจนเกินไป แต่ก็ไม่ได้จืดชืดจนไม่อร่อย รสชาติพอดีสำหรับที่จะยกซดจนหมดชามได้เพลินๆ โดยไม่เลื่ยนหรือรู้สึกเหนียวคอเลย เพิ่มความอร่อยด้วยนํ้ามันรายุให้กลิ่นหอม (ไม่เผ็ดนะจ๊ะ อิอิ) ท่านใดที่ไม่ชอบแบบเข้มข้นชนิดที่ว่ากินชามเดียวหายอยากเป็นเดือน ก็ต้องมาลองร้านนี้ดู
ต่อมาที่ตัวเส้น เป็นเรื่องแน่นอนว่าจะต้องเป็นเส้นเรี่ยวเล็กตามแบบฉบับ ลวกออกมากำลังดี แต่เสียดาย ถ้าเลือกความแข็งของเส้นได้จะแจ่มมากเลย
สำหรับเมนูอื่นๆ ก็จะมีแค่ของทานเล่นนิดหน่อยเท่านั้นอย่าพวกเกี๊ยวซ่า คาราอาเกะ แล้วก็ข้าวผัดจ้า นอกจากนั้นก็ยังมีเซ็ตอาหารมื้อกลางวันราคาแสนคุ้มด้วย เรียกว่าจุกเลยล่ะ
สำหรับท่านใดที่แวะมาทำธุระแถวนี้ หรือว่าเกิดอยากลิ้มรสทงคตสึราเม็ง ขอเชิญที่ร้านนี้เลยจ้า รสชาติดีแถมราคาไม่แพง เดินจาก BTS พร้อมพงษ์นิดเดียวก็ถึงแล้ว