สวนพฤกษศาสตร์ร็อคโคะ (Rokko Alpine Botanical Garden) สำหรับที่นี่มีการเพาะเลี้ยงพืชพรรณไว้กว่า 1,500 สายพันธุ์ ตั้งแต่พืชที่หายากอย่างดอกไม้ที่กลีบจะเปลี่ยนสีเป็นโปร่งใสเมื่อเปียกฝน หรือดอกไม้สีน้ำเงินที่ขึ้นและเติบโตตามธรรมชาติเฉพาะในเทือกเขา ทำให้เราสามารถมาชมสวนนี้กันได้ตลอดทั้งปี
ซึ่งช่วงที่ผู้เขียนไปมีโอกาสได้เห็น ดอกไม้สีน้ำเงิน กำลังบานอย่างสวยงาม และ อากาศก็กำลังเย็นสบายไม่หนาวจนเกินไปเหมาะกับการชมดอกไม้อย่างมาก
อยู่รวมกันเต็มทุ่งเลย ช่วงที่เดินผ่านมีกลิ่นหอมอ่อนๆด้วย
เดินไปอีกหน่อยก็เจอต้นที่มีใบเริ่มเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดงก็มี
หลังจากเดินกันเหนื่อยและหิวแล้ว ก็ไปต่อกันสถานีต่อไป คือ
Rokko Garden Terrace เป็นจุดชมวิว ร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกบนภูเขาร็อคโคะเลย ซึ่งร้านแต่ละร้านในระแวกนี้จะมีมุมให้เราชมวิวสวยๆแสนตระการตาได้ระหว่างทานอาหารด้วย
วันที่ผู้เขียนไปร้านโล่งมากเหมือนเหมาร้านไว้เลย 555
เมนูแสนอร่อยที่ได้กินเติมพลังก่อนไปเที่ยวต่อ
ทานไปดูวิวไปเพลินกัน ๆ มุมนี้เราจะได้เห็นวิวแบบแบบพาโนรามา ที่สามารถมองเห็นอ่าวโอซาก้าและเมืองโกเบ จุดนี้ถือได้ว่าเป็นจุดชมวิวที่ติดอันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่นเลย
พออิ่มแล้วก็ออกมาต่อกันที่ จุดชมธรรมชาติร็อคโคะชิดาเร (Rokko-Shidare Observatory) อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ Rokko Garden Terrace เลย ที่ร็อคโคะชิดาเรแห่งนี้ตัวอาคารมีการออกแบบสถาปัตยกรรมลักษณะเป็นโดมรูปทรงคล้ายต้นไม้ ที่ยืนโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเหมือนดอกไม้ขนาดใหญ่ ซึ่งบริเวณนี้เราก็สามารถมาถ่ายรูปคู่กับโดมสวย ๆ พร้อมชมทัศนียภาพที่สวยงามของเมืองโกเบและสูดอากาศบริสุทธิ์กันให้เต็มปอดได้เลย
เข้ามาในบริเวณโดมมองขึ้นไปก็สวยแล้ว รู้สึกเหมือนไปยืนอยู่ใต้ต้นไม้จริงๆ แต่เป็นต้นไม้ที่แปลกตามาก
พอเข้ามาภายในโดมเราสามารถเข้าไปนั่งชมวิวพร้อมหลบลมหนาวได้ด้วย ช่วงที่ผู้เขียนไปมีฝนตกปรอยๆ และลมแรงมากจนหนาวเลย
เดินวนรอบๆอีกหน่อยก็จะเจอกับป้าย #Rokko ซึ่งเป็นจุดยอดนิยมให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกัน
เพิ่มเติมสำหรับที่ตัวโดมร๊อคโคะชิดาเร จะได้รับการประดับแสงสีจากหลอดไฟ LED ไว้เพื่อแสดงศิลปะความงามของภูเขาร็อคโคะด้วย ในช่วงเย็นถึงค่ำ เสียดายที่ผู้เขียนอยู่ไม่ถึงเพราะต้องรีบกลับไปที่อื่นต่ออีก ซึ่งวิวยามค่ำคืนบนภูเขาร็อคโคะก็จะสวยมากไปอีกแบบแน่ ๆ และ บนภูเขาร็อคโคะก็ยังมีสถานที่เที่ยวอื่นๆ อีกหลายแห่งไว้ต้องลองมาเที่ยวกันดูนะ ... ^^