
สวัสดีครับ วันนี้เราก็จะตะลุยเที่ยวในมิยาซากิกันต่อจ้า (ดูตอนก่อนหน้านี้ได้ ที่นี่ ) หลังจากตื่นนอนล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยแล้ว ตรงไปที่ห้องอาหารที่ชั้นหนึ่งกันเลยครับ อย่าลืมตั๋วอาหารด้วยนะครับ โดยอาหารที่นี่ก็เป็นอาหารสไตล์ญี่ปุ่นมากมายหลายชนิด เลือกกันตามสบายทานให้อิ่มท้องกันเลยเพราะเดี๋ยวจะต้องเดินทางอีกไกล มีสิ่งน่าสนใจคอยอยู่เยอะเลยครับ
พออิ่มหนำสำราญกับอาหารเช้าจากทางโรงแรมแล้ว เราก็จะเริ่มเดินทางกันเลย โดยสถานที่ๆ เราจะเดินทางไปคือสถานที่สุดฮิตของจังหวัดมิยาซากิเขาเลย ด้วยวิวที่สวยงามและภาพถ่ายที่ถูกส่งต่อกันอย่างมากมายที่เหล่าคนชอบญี่ปุ่นน่าจะเคยเห็นกันมาบ้างแล้ว ได้แก่ Takachiho Gorge (高千穂峡) ครับ
การเดินทางก็ไม่ไกลจากโรงแรมครับประมาณ 30 ทีก็เดินทางมาถึง แต่เพราะทางที่ค่อนข้างลาดชัน โปรดใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ด้วยนะครับ โดยเวลาที่ผมมาถึงประมาณ 09:00 แต่ที่จอดรถเต็มแล้วเลยต้องไปจอดข้างทางและเดินมาครับ คนเยอะสุดๆ เลย แต่ก็ไม่เป็นปัญหาครับ พอหาที่จอดรถก็เดินตรงไปที่ประชาสัมพันธ์เพื่อชำระค่าเช่าเรือและกรอกข้อมูลครับ โดยเราจะได้พายเรือ 30 นาที มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 2,000 เยน และสามารถนั่งได้มากสุด 3 ท่านครับ
เราจะต้องกรอกแบบฟอร์มรูปร่างหน้าตาแบบนี้นะครับ หลังจากกรอกเรียบร้อยแล้วก็เดินลงไปรอที่ท่าเทียบเรือด้านล่างเลยครับ อาจจะมีคนต่อแถวยาวนิดนึง อดทนรอหน่อยนะครับ
โดยบริเวณรอบๆ จะมีน้องเป็ดน้อยว่ายกันอยู่หลายสิบตัวเลยละครับ เราสามารถซื้ออาหารเพื่อเอาไปป้อนตอนเราพายเรือได้ครับ ถุงละ 100 เยน
โฉมหน้าอาหารน้องเป็ด แพคเกจอย่างกับของคนกิน 5555 พอถึงคิวก็ต้องใส่เสื้อชูชีพเพื่อความปลอดภัย และเริ่มลุยกันได้เลยครับ
วิธีพายก็เหมือนพายเรือคายัคเลยครับ ยากนิดหน่อยสำหรับท่านที่ไม่เคยพายมาก่อน ก็ลองค่อยๆ พายไปเรื่อยๆ จนชินครับผม ระวังเปียกด้วยนะครับ ซึ่งระหว่างพายเราก็จะได้ชมนํ้าตก Manai no Taki (真名井の滝) อันสวยงามด้วย
เป็นบรรยากาศที่สวยมากๆ เลย สมกับที่มีชื่อเสียงโด่งดังและนักท่องเที่ยวแวะมาเยี่ยมเยียนเป็นจำนวนมาก อ้อ ลืมบอกไป อย่าพายกันเพลินเกิน 30 นาทีนะ เพื่อเวลาวนกลับมาให้ถึงฝั่งด้วย 55555
สวยงามเช่นนี้ เพื่อนๆ ที่ชื่นชอบความงามของธรรมชาติจะต้องชอบแน่นอน
นี่ๆ นาย ฉันว่าเรือลำข้างหน้าต้องมีอาหารให้เราแน่ๆ เลย
เจ้าเป็ดน้อยแสนรู้งาน ว่ายมาเหมือนกับรู้ว่ามีอาหาร (ก็มีจริงๆ นั่นแหละ 5555)
พอกลับมาคืนเรือเรียบร้อยแล้ว เราก็มาเดินดูรอบๆ บริเวณนี้กันดีกว่าครับ ซึ่งจะประกอบไปด้วยร้านอาหาร สถานที่สำหรับทำกิจกรรมตกปลาและบริการปิ้งให้ด้วย แถมยังมีคาเฟ่, ร้านขายกาแฟและของที่ระลึกมากมายครับ
ซื้อของฝาก ทานอะไรกรุบกริบรองท้องกันเบาๆ แล้ว ก็เดินทางไปสถานที่ต่อไปกันเลย โดยเราจะไปที่ศาลเจ้าญี่ปุ่นกันครับ เป็นสถานที่เกิดเหตุตำนานเทพเจ้าที่ผมกล่าวถึงตอนการแสดงในบทความที่แล้วนะครับ ซึ่งศาลเจ้าแห่งนี้คือ ศาลเจ้าอามาอิวาโตะ(天岩戸神社)
เดินทางเข้ามาก็จะพบกับสัญลักษณ์ศาลเจ้าของญี่ปุ่นก็คือประตูไม้คล้ายกับทางเข้าครับ และมีเส้นเชือกไว้มัดกับใบคำเสี่ยงทาย คล้ายกับใบเสี่ยงเซียมซีบ้านเราเลยละครับ
พอเดินเข้ามาทางด้านซ้ายจะพบกับสถานที่ๆ มีไม้และผู้คนยืนเอาน้ำล้างปากกันอยู่ก็ไม่ต้องแปลกใจนะครับ เพราะถือเป็นเรื่องปกติก่อนจะเข้าศาลเจ้าของญี่ปุ่นน่ะครับ
โดยวิธีการล้างคือใช้มือขวาจับกระบวยล้างมือซ้ายก่อนและเปลี่ยนล้างมือขวา หลังจากนั้นกลั้วปากและบ้วนน้ำลงในรางด้านล่างและขั้นตอนสุดท้ายก็เอาน้ำออกจากกระบวยล้างมือครับ โดยการชำระนี้สามารถใช้ได้ทั่วไปในทุกๆ ศาลเจ้าครับ
ทางนี้เป็นศาลเจ้าฝั่งทิศตะวันตกที่เรียกว่า นิชิฮงคู (西本宮)
ส่วนทางด้านนี้เป็นศาลเจ้าฝั่งทิศตะวันออกที่เรียกว่า ฮิงาชิฮงคู (東本宮)
เดินเข้ามาก็จะพบว่าชาวญี่ปุ่นจะทำการโยนเหรียญเข้าภายในตัวอาคารและตบมือสามครั้งถือว่าเป็นการทำบุญครับ อย่าลืมลองทำกันด้วยนะครับ โดยประวัติความเป็นมาของศาลเจ้าแห่งนี้ก็มาจากตำนานเรื่องเทพเจ้าต่างๆ และสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่เกิดเรื่องราวและได้ชื่อว่าเป็นต้นกำเนิดของประเทศญี่ปุ่นครับ โดยคนญี่ปุ่นมีความเชื่อว่าเทพเจ้ามีอยู่ทั่วไปทุกที่ไม่ว่าจะเป็น ลม ข้าว น้ำ ต้นไม้ ฟ้า นก ดอกไม้ ฯลฯ โดยอาจจะเป็นกุศโลบายของคนสมัยก่อนให้คนญี่ปุ่นดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมก็เป็นได้ครับ
พอสักการะกันเรียบร้อยแล้วก็เดินเท้าต่อไปดูสถานที่ๆ เทพเจ้าทำการประชุมเพื่อล่อเทพพระอาทิตย์ออกมากันครับ ซึ่งต้องเดินเข้าป่าประมาณ 1 กิโลเมตรได้ครับ
ระหว่างทางก็จะพบกับร้านรวงมากมายครับ โดยท่านสามารถพักแวะจิบกาแฟพร้อมดื่มด่ำธรรมชาติกันไปเลยละครับ
เดินเท้าต่อกันอีกนิดก็จะพบกับส่วนสุดท้าย ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติและน้ำตกครับ
ที่นี่คือถํ้า อามาโนะ ยาสุงาวาระ (天安河原) พอเดินมาถึงบริเวณถํ้าแล้วจะพบกับก้อนหินที่เรียงตั้งขึ้นกันมากมายรอบบริเวณ คนที่เริ่มต้นการตั้งหินนั้นในปัจจุบันก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นใครแต่นักท่องเที่ยวก็ทำตามกันมาเรื่อยๆ จนเป็นธรรมเนียมครับ โดยหินที่จะตั้งขึ้นนั้นมีจำนวนเป็นเลขคี่คือ 3, 5, 7, 9 ก้อนครับ
พอเดินเข้าไปถึงด้านในถํ้า ก็ทำการสักการะศาลเจ้าส่วนสุดท้าย ได้แก่ อามาโนะ ยาสุงาวาระคู (天安河原宮) และชื่นชมบรรยากาศบริเวณรอบๆ เก็บภาพความประทับใจ ใช้เวลาให้คุ้มค่าและเดินทางกลับตามทางเดิมได้ครับ
พอเดินทางกลับมาถึงตัวศาลเจ้าแล้ว ก็เป็นเวลาเที่ยงพอดี พร้อมทานอาหารเที่ยงกันแล้วใช่ไหมครับ เดี๋ยวเราจะพาไปทานอาหารทีเด็ดกัน!!
มื้อกลางวันมื้อนี้พิเศษสุดๆ รับรองจะต้องอิ่มจนจุกกันแน่นอนครับ ร้านอาหารที่เราจะไปชื่อว่า อุมินาริเท (海鳴り亭) ครับโดยร้านจะตั้งอยู่ที่ มิจิโนะเอคิ คามาเอะ (道の駅かまえ) เป็นศูนย์รวมของฝากร้านอาหารต่างมากมาย ห่างจากทาคะชิโฮะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครับ สามารถตั้งค่าจีพีเอสของรถได้ด้วยคำว่า 道の駅かまえหรือ หาเบอร์โทรศัพท์ของทางร้าน ซึ่งก็คือเบอร์ 0972-42-0050 ได้ครับ
ดูจากรูปก็คงจะทราบถึงความนิยมของร้านนี้นะครับ คนรอคิวยาวมากจริงๆ ต้องรอกันถึงครึ่งชั่วโมงเลยทีเดียว โดยทีเด็ดของทางร้านคือ กุ้งมังกรญี่ปุ่น หรือ กุ้งอิเสะ ครับ มาดูหน้าตากันเลยดีกว่าครับ
ชุดที่เราสั่งนั้น เป็นเซ็ตที่มีชื่อว่า Kirari Course ราคา 6,800 เยน คุ้มค่ากับคุณภาพจริงๆ ครับ มาดูใกล้ๆ กันดีกว่าครับ
จานนี้จะเป็นกุ้งมังกรย่างเนยครับ หอมสุดๆ เลยละครับ
ปลาซาบะผัดซอสครับ
เนื้อซาชิมิกุ้งมังกร
ซุปมิโซะกุ้งมังกรครับ อร่อยมากเลยครับ
นอกจากเมนูดังกล่าวทางร้านยังมีเมนูข้าวหน้าต่างๆ ให้ท่านได้เลือกด้วยละครับ
ปลาสดๆ มาเต็มเหนี่ยว อร่อยไม่แพ้กันเลยครับ
สำหรับวันนี้ก็จบทริปการท่องเที่ยวในจังหวัดมิยาซากิกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วละครับ หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะครับ สถานที่ต่อไป เราจะมุ่งหน้าไปจังหวัดโออิตะกันต่อเลย คอยติดตามกันให้ได้นะครับ