สวัสดีครับ หากพูดถึงเกาะคิวชู ถัดจากจังหวัดฟุกุโอกะ จังหวัดต่อไปที่ท่านนึกถึงก็คงจะเป็น จังหวัดคุมาโมโต้ ที่มีมาสคอสสุดฮิต คุมะมง ใช่ไหมครับ จังหวัดคุมาโมโต้ตั้งอยู่ถัดจากจังหวัดฟุกุโอกะลงมาทางใต้โดยห่างกันเพียงราว 150 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางด้วยรถไฟชินคันเซนเพียง 58 นาทีครับ
โดยวันนี้ผมจะพาทุกท่านไปค้นหาประสบการณ์ใหม่ที่จังหวัดคุมาโมโต้ ใน 1 วัน กันครับ มาเริ่มกันเลยที่สถานีฮากาตะ (博多駅)จังหวัดฟุกุโอกะ ซึ่งถือว่าเป็นสถานีศูนย์กลางที่ท่านสามารถเดินทางมาได้อย่างง่ายดายจากสนามบินฟุกุโอกะ อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ด้วยรถไฟใต้ดินราวๆ 10 นาที ก็มาถึงแล้วละครับ หลังจากมาถึงสถานีฮากาตะแล้ว ก็ทำการซื้อตั๋วรถไฟชินคันเซนที่เคาน์เตอร์ขายตั๋วประจำสถานีได้เลยครับ
พอซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้วจะได้รับตั๋วมาสองใบนะครับ หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าเข้าเกทของรถไฟชินคันเซนได้เลยครับ จะมีป้ายบอกตลอดทาง สังเกตง่ายมากครับ
หลังจากขึ้นมารอบนชานชาลาก็จะมีรายละเอียดของรถไฟขึ้นบนจออยู่ครับก็ไปยืนให้ตรงกับเลขขบวนที่ปรากฏบนตั๋วได้เลยครับ
มาแล้วครับรถไฟชินคันเซนที่เราจ้ะเดินทางในวันนี้โดยชินคันเซนของ JR คิวชูจะมีหลายรุ่นนะครับ ไม่ว่าจะเป็น tsubame, sakura, mizuho และอื่นๆ ในส่วนของวันนี้เราจะใช้บริการรุ่น sakura ครับ
โดยรถไฟคันนี้จะไปสุดสายที่จังหวัดคาโกชิม่าแต่เราจะลงที่สถานีคุมาโมโต้ครับ
พอขึ้นมาแล้วก็นั่งตามเลขที่บนตั๋วได้เลยครับ จะมีที่นั่งริมทางเดินกับที่นั่งริมหน้าต่าง ส่วนสัมภาระสามารถเก็บบนชั้นเหนือศีรษะหรือด้านล่างระหว่างขาได้ครับ
ภายในดูดีมากเลยล่ะครับ สะอาด การตกแต่งที่ดูทันสมัย เบาะนุ่ม นั่งสบายมากครับ
ใช้เวลา 50 นาทีโดยประมาณก็เดินทางมาถึงสถานีคุมาโมโต้ (熊本駅)หลังจากลงจากรถไฟ เดินลงบันไดมาท่านก็จะพบกับสัญลักษณ์ประจำจังหวัดคุมาโมโต้ครับ คุมามง
แวะถ่ายรูปสักสองสามแชะ ก็เดินทางต่อกันเลยครับ โดยเราจะเดินทางไปต่อที่อามะคุซา ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่ออกจากฝั่งเมืองคุมาโมโต้ไป ก่อนอื่นต้องไปซื้อตั๋วเพื่อเดินไปสถานีมิสุมิ (三角駅) เพื่อที่ไปขึ้นเรือข้ามเกาะครับ
หลังจากซื้อตั๋วแล้วเราจะได้ตั๋วสำหรับขึ้นเรือข้ามฝั่งมาด้วยซึ่งบริษัทที่เดินเรือคือบริษัท JR Kyushu ครับ ดังนั้นจึงไม่ต้องไปซื้อตั๋วหลายรอบให้สับสนครับ
มาแล้วครับรถไฟของเราในวันนี้ โดยเป็นรถไฟธรรมดาหรือเรียกว่า (普通 Futsuu) ครับ พอรถเทียบชานชาลาเรียบร้อยแล้วก็ขึ้นไปนั่งได้เลยครับ
โดยจากสถานีคุมาโมโต้ไปสถานีมิสุมินี้จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาทีครับ วิวข้างทางก็จะเป็นทะเลส่วนมาก ดูได้เรื่อยๆ ไม่หน้าเบื่อเลยล่ะครับ
แล้วเราก็เดินทางมาถึงสถานีมิสุมิกันแล้วล่ะครับ พอเจ้าสถานีก็ยื่นตั๋วให้กับพี่พนักงานแล้วก็เดินออกจากสถานีเพื่อนไปรอเรือได้เลยครับ
และนี่คือหน้าตาของสถานีมิสุมิครับ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และสวยงามมากเลยละครับ อย่าลืมเก็บภาพความประทับใจกันด้วยนะครับ หลังจากนั้น ก็เดินข้ามถนนมาและเดินตรงไปประมาณ 200 เมตรก็จะเจอท่าเรือครับ
ระหว่างทางก็จะเห็นทางเดินและมีปีระมิดชมวิวเห็นได้ชัดเจนมากเลยครับ ไม่หลงแน่นอน
และนี่คือท่าเรือที่เราใช้ข้ามไปเกาะอามาคุซะครับ โดยรอบเรือจะมี 3 รอบต่อวันครับ คือ 11:24 น. 13:36 น. และ 15:53น. ครับ โดยรอบที่ผมที่จะขึ้นนี้ คือรอบ 11:24 ครับ โดยจะถึงเวลา 11:41 ครับ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาทีครับ
และนี่คือเรือที่เราใช้บริการกันในวันนี้ครับ พอเรือมาเทียบฟากแล้วก็ยื่นตั๋วให้พี่พนักงานครับ และขึ้นไปจองที่นั่งได้เลย อยากได้วิวแบบไหน นั่งได้ทั้งภายในเรือและนอกเรือครับ
พอขึ้นเรือมาแล้วพี่พนักงานก็จะสาธิตวิธีใส่เสื้อชูชีพในยามที่เกิดเหตุฉุกเฉิน กรุณาให้ความสนใจด้วยนะครับ
อามาคุสะมีหมู่เกาะเล็กใหญ่มากกว่า 120 เกาะระหว่างทางก็จะพบกับสะพานต่างๆมากมาย ซึ่งมีการออกแบบที่แตกต่างกัน โดยแต่ละสะพานถูกสร้างขึ้นมาหลายสิบปีแล้วตั้งแต่สมัยจักรพรรดิของญี่ปุ่น โดยมีทั้งหมดห้าสะพานครับ โดยถือว่า 1 ใน 100 ถนนที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น
พอขึ้นฝั่งเรียบร้อยแล้วเดินลงมาไม่กี่ก้าวก็จะเจอร้าน ลิโซล่า เทอร์เรซ อามะคุสะ (リゾラテラス天草) ร้านอาหารสไตล์ยุโรป บรรยากาศดี ติดทะเลอยู่หน้าของท่านก็ไปหาอะไรทานกันก่อนดีกว่าครับ เวลาก็เที่ยงพอดี เนื่องจากร้านได้รับความนิยมมาก ยิ่งหากท่านมาตรงกับวันเสาร์อาทิตย์อาจจะต้องจดชื่อไว้และรอคิวนิดนึงนะครับ
และแน่นอนครับ วันนี้วันเสาร์ ผมก็เลยต้องรอคิวตามระเบียบ แต่ก็รอไม่นานครับเพียงแค่ 4-5 คิวพนักงานก็จะเรียกคุณเข้าไปหาที่นั่งแล้วละครับ โดยที่นั่งด้านในจะมีแบบระเบียงกับ ภายในร้าน วันนี้ผมเลือกแบบระเบียงด้านนอกนะครับ
พอนั่งเรียบร้อยแล้ว พี่พนักงานจะนำเมนูมาให้และก็ไม่ยื่นกดดันนะครับ ให้เราเลือกได้อย่างสบายใจพอเราได้เมนูที่ต้องการค่อยกดปุ่มเรียกพนักงานครับ ดีมากเลยครับ ไม่กดดัน ค่อยเลือกตามสบายเลยครับ
พอได้เมนูที่ต้องการแล้วก็กดปุ่มเรียกพนักงาน หากไม่รู้ว่าชื่อเมนูอ่านว่ายังไงก็ไม่ต้องกังวลครับ ชี้อย่างเดียว หลังจากนั้นรอไม่กี่นาทีอาหารก็มาแล้วละครับ
ในมื้อกลางวันนี้ผมสั่งเป็น ฟิชเชอร์ มันสเพลท หรือข้าวกับปลาและของทะเลพร้อมสลัดครับ น่าทานมากเลย ราคาไม่แพงด้วย
เมนูที่ผมสั่งมานี้ถือว่าเป็นเมนูยอดฮิตของทางร้านเนื่องจากทางร้านได้คัดเนื้อปลา หอย หมึกและวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน และได้คุณภาพ ด้วยความที่เป็นเกาะ อาหารทะเลไม่ต้องพูดถึงครับ สด เนื้อหวานมากเลยครับ ทานกับข้าวสวยร้อนๆพร้อมกับชมวิวทะเลไปด้วย มีความสุขสุดๆ เลยครับ
นอกจากนี้ท่านยังสามารถสั่งเมนูของหวานหรือทานเล่นต่างๆ ได้ไม่ว่าจะเป็นสปาเกตตี้ พาสเทล ไอศกรีม พิซซ่า ฯลฯ
พออิ่มท้องแล้วก็นำใบเสร็จไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์ทางเข้าร้านได้เลยครับ
หลังจากนั้นกิจกรรมต่อไปที่เราจะทำกันคือ ดูปลาโลมาครับ (イルカウォッチング Iruka Watching) หลายๆท่านคงสงสัยว่า ดูปลาโลมานี่ดูที่ไทยก็ได้มั้ง ไม่เห็นต้องนั่งเรือมาไกลเลย ก็คงไปนั่งดูการแสดงโลมา อย่าพึ่งคิดน้อยใจครับ นั่งเรือมาถึงนี่แล้วต้องมีอะไรดีกว่านั้นแน่นอน โดยเริ่มแรกก็ไปซื้อตั๋วกันก่อนเลยครับ
เดินออกจากร้านหน้าหันเข้าทะเลแล้วเลี้ยวซ้ายตรงไปประมาณ 200 เมตร จะเห็นอาคารจำหน่ายตั๋วครับ
พอเข้ามาด้านในก็ทำการซื้อตั๋วได้เลยครับโดยราคาจะอยู่ที่ท่านละ 4,500 เยนครับ หากเป็นเด็กและผู้สูงอายุจะลดราคาลงไปอีกครับพอได้ตั๋วแล้วก็เดินกลับมาที่ท่าเรือที่เรามาตอนแรก และรอเรือไปชมปลาโลมากันเลย
พอเรือมาแล้วก็ยื่นตั๋วให้พี่พนักงานและเดินไปขึ้นเรือเลยครับ
และนี่คือเรือที่เราจะนั่งไปชมปลาโลมากันครับ
โดยเราจะใช้เวลาประมาณ 50 นาทีกว่าจะถึงจุดชมปลา ดังนั้นนั่งด้านในจะสบายกว่าครับ มีแอร์ เบาะนุ่มสบาย นอนพักได้ครับ หลังจากนั้นพี่พนักงานจะมาสาธิตวิธีการใช้เสื้อชูชีพครับ
พอนั่งๆ นอนๆ ชมวิวด้านนอกจนถึงจุดชมวิว พี่พนักงานจะมาเรียกให้ไปด้านบนของเรือครับ
พอขึ้นไปท่านคงต้องทึ่งและประทับใจกับทะเลบริเวณรอบเรือ เพราะมีปลาโลมาหลายสิบตัวเวียนว่ายพร้อมกระโดดขึ้นเหนือน้ำอย่างสวยงามเลยละครับ ท่านจะต้องมาดูด้วยตาของท่านเองเนื่องจากปลาโลมาว่าค่อนข้างเร็ว รูปที่ได้อาจจะดูไม่ดีเท่าตาเปล่าครับ
น่าทึ่งมากจริงๆ ครับ มันไม่ใช่การแสดงโลมานะครับ แต่คือการดูโลมาบันไดตามธรรมชาตินับร้อยตัวบริเวณรอบ ถือว่าเป็นทะเลที่อุดมสมบูรณ์มากเลยละครับ โดยพี่คนขับจะขับเรือวนให้ชมปลาโลมาประมาณครึ่งชั่วโมงครับ ดูกับให้เต็มอิ่มไปเลย
หลังจากได้รูปสวยงามเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาต้องนั่งเรือกลับแล้วละครับ
หลังจากนี้ก็จะใช้เวลาประมาณ 40-50 นาทีเช่นเดิมครับ
พอกลับมาถึงฝั่งเราจะมีเวลาเหลือเพื่อเดินชมของฝาก ซื้ออะไรติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนทางบ้านได้ครับ โดยร้านขายของฝากและของที่ระลึกจะอยู่เชื่อมกับร้านอาหารเลยละครับ
นั่งจิบกาแฟพร้อมชมบรรยากาศริมทะเลกับคนที่คุณรักได้เลยครับ
ท่านจะพบกับขนมและของฝากที่ระลึกมากมายภายใน เชิญเลือกซื้อกันตามสบายเลยครับ
โดยพอเดินไปอีกนิดจะพบกับร้านขายขนมปังซึ่งผมเห็นมีคนต่อแถวยาวมากจริงลองเข้าไปชิมดูครับ เนื่องจากอบใหม่ๆ หอมเนยและไส้เยอะมากๆ เลย ครับ โดยส่วนใหญ่จะเป็นไส้ถั่วดำ ถั่วแดง ครับ
ทานกับกาแฟนี่เข้ากันมากๆเลยละครับ อย่าลืมไปลองนะครับ
พอเดินออกมาทางด้านขวาจะพบกับรูปปั้นบุคคลสำคัญผู้ค้นพบเกาะนี้ในปี 1955 ครับ ถ่ายรูปกันได้ตามสบายเลยครับ
พอได้ของฝากกันเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาต้องเดินทางกลับแล้วล่ะครับ ก็เดินกลับมาที่ท่าเรือเพื่อรอขึ้นเรือเช่มเดิมครับ
และเรือที่เราจะนั่งกลับฝั่งกันในวันนี้ครับ
พอมาถึงฝั่งก็เดินมายังสถานีมิสุมิที่เรานั่งรถไฟมาตอนแรกเพื่อนั่งกลับไปยังสถานีคุมาโมโต้ครับ
โดยขากลับเราจะนั่งรถไฟขบวนพิเศษ 特急 A列車で行こう(A ressha de ikou/Limited Express "A-TRAIN") ซึ่งเป็นรถขบวนพิเศษออกแบบโดย JR kyushu สำหรับสายนี้โดยเฉพาะเลยครับ โดยตัวสีขบวนจะมีสีดำครับ ภายในดูดีมากๆเลยล่ะครับ
พอรถไฟเริ่มเคลื่อนตัวออกไปจะมีพี่พนักงานอธิบายวิวรอบข้างต่างๆครับ
มีบริการถ่ายรูปคู่กับป้ายรถไฟด้วยนะครับ
พอมาถึงสถานีคุมาโมโต้ ใช้ทางออกด้านทิศตะวันออก East exit (東出口) เพื่อเดินทางไปยังคุมามงสแควร์ กันเลยครับ
เดินออกมารอรถแทรม หรือรถรางรอบเมือง โดยขึ้นสาย A สีแดง Kengunmachi (健軍町) ครับ
พอเข้ามาในตัวรถก็หาที่นั่ง แต่หากคนเยอะอาจจะได้ยืนนะครับ แต่ไม่นานก็จะถึงที่หมายแล้วล่ะครับ ภายในตัวรถครับ ค่อนข้าวกว้างเลยทีเดียวครับ โดยรถจะวิ่งผ่านหลายสถานีรวมถึงหน้าปราสาทคุมาโมะโต้ด้วยละครับ
พอมาถึงสถานี Suidoucho (水道町) ก็กดปุ่มได้เลยครับ ปุ่มจะติดตั้งอยู่รอบๆตัวรถครับ หากต้องการลงสถานีไหนก็ให้กดได้เลยครับ
ลงจากสถานีปึ้บข้ามถนนมาทางด้านขวาก็จะเจอคุมามงสแควร์แล้วล่ะครับ
โดยสัญลักษณ์เด่นที่รู้จักกันไปทั่วโลกของจังหวัดคุมาโมโต้คงหนีไม่พ้นตัวคุมามงใช่ไหมละครับ โดยร้านนี้เป็นแหล่งรวมของที่ระลึก ของฝากเกี่ยวกับคุมามงทั้งนั้นเลยละครับ ท่านที่ชืนชอบคุมามงไม่ควรพลาดครับ
เมื่อเดินดูรอบๆ ได้ของติดไม้ติดมือกันเรียบร้อยแล้ว ก็เดินทางกลับไปยังสถานีคุมาโมโต้กันเลยครับ
มายืนรอรถอีกฝั่งหนึ่งเพื่อกลับไปยังสถานีคุมาโมโต้ได้เลยครับ โดยรถจะมาทุกๆ 5 นาทีครับ ไม่ต้องกังวลหากขบวนไหนเต็มมากๆ ก็รอขบวนถัดไปได้ครับ
พอนั่งมาถึงสถานีคุมาโมโต้ก็เดินเข้าไปภายในสถานีเพื่อกลับสถานีฮากาตะกันเลยครับ หากท่านต้องการของฝากเพิ่มเติมก็มีจำหน่ายมากมายเลยละครับ เลือกซื้อได้ตามสบาย
หลังจากนั้นก็เดินเข้าเกทของรถไฟชินคันเซนได้เลยครัย มีป้ายบอกอยู่ตลอดครับ ดูป้ายให้ตรงกับตั๋วของเรานะครับ
และนี่คือรถไฟที่ผมจะนั่งกลับสถานีฮากาตะครับ
ภายในดูดีสมกับเป็นชินคันเซนจริงๆ ครับ นั่งสบายนอนได้เลยล่ะครับ
เป็นไงอย่างไรบ้างครับกับทริปคุมาโมโต้ในวันนี้ หากมีเวลาว่างก็ลองไปจังหวัดอื่นๆในเกาะคิวชูกันได้นะครับ ยังมีกิจกรม สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ อีกมากมายที่ท่านควรไปชมครับ
โดยวันนี้ผมจะพาทุกท่านไปค้นหาประสบการณ์ใหม่ที่จังหวัดคุมาโมโต้ ใน 1 วัน กันครับ มาเริ่มกันเลยที่สถานีฮากาตะ (博多駅)จังหวัดฟุกุโอกะ ซึ่งถือว่าเป็นสถานีศูนย์กลางที่ท่านสามารถเดินทางมาได้อย่างง่ายดายจากสนามบินฟุกุโอกะ อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ด้วยรถไฟใต้ดินราวๆ 10 นาที ก็มาถึงแล้วละครับ หลังจากมาถึงสถานีฮากาตะแล้ว ก็ทำการซื้อตั๋วรถไฟชินคันเซนที่เคาน์เตอร์ขายตั๋วประจำสถานีได้เลยครับ
พอซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้วจะได้รับตั๋วมาสองใบนะครับ หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าเข้าเกทของรถไฟชินคันเซนได้เลยครับ จะมีป้ายบอกตลอดทาง สังเกตง่ายมากครับ
หลังจากขึ้นมารอบนชานชาลาก็จะมีรายละเอียดของรถไฟขึ้นบนจออยู่ครับก็ไปยืนให้ตรงกับเลขขบวนที่ปรากฏบนตั๋วได้เลยครับ
มาแล้วครับรถไฟชินคันเซนที่เราจ้ะเดินทางในวันนี้โดยชินคันเซนของ JR คิวชูจะมีหลายรุ่นนะครับ ไม่ว่าจะเป็น tsubame, sakura, mizuho และอื่นๆ ในส่วนของวันนี้เราจะใช้บริการรุ่น sakura ครับ
โดยรถไฟคันนี้จะไปสุดสายที่จังหวัดคาโกชิม่าแต่เราจะลงที่สถานีคุมาโมโต้ครับ
พอขึ้นมาแล้วก็นั่งตามเลขที่บนตั๋วได้เลยครับ จะมีที่นั่งริมทางเดินกับที่นั่งริมหน้าต่าง ส่วนสัมภาระสามารถเก็บบนชั้นเหนือศีรษะหรือด้านล่างระหว่างขาได้ครับ
ภายในดูดีมากเลยล่ะครับ สะอาด การตกแต่งที่ดูทันสมัย เบาะนุ่ม นั่งสบายมากครับ
ใช้เวลา 50 นาทีโดยประมาณก็เดินทางมาถึงสถานีคุมาโมโต้ (熊本駅)หลังจากลงจากรถไฟ เดินลงบันไดมาท่านก็จะพบกับสัญลักษณ์ประจำจังหวัดคุมาโมโต้ครับ คุมามง
แวะถ่ายรูปสักสองสามแชะ ก็เดินทางต่อกันเลยครับ โดยเราจะเดินทางไปต่อที่อามะคุซา ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่ออกจากฝั่งเมืองคุมาโมโต้ไป ก่อนอื่นต้องไปซื้อตั๋วเพื่อเดินไปสถานีมิสุมิ (三角駅) เพื่อที่ไปขึ้นเรือข้ามเกาะครับ
หลังจากซื้อตั๋วแล้วเราจะได้ตั๋วสำหรับขึ้นเรือข้ามฝั่งมาด้วยซึ่งบริษัทที่เดินเรือคือบริษัท JR Kyushu ครับ ดังนั้นจึงไม่ต้องไปซื้อตั๋วหลายรอบให้สับสนครับ
มาแล้วครับรถไฟของเราในวันนี้ โดยเป็นรถไฟธรรมดาหรือเรียกว่า (普通 Futsuu) ครับ พอรถเทียบชานชาลาเรียบร้อยแล้วก็ขึ้นไปนั่งได้เลยครับ
โดยจากสถานีคุมาโมโต้ไปสถานีมิสุมินี้จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาทีครับ วิวข้างทางก็จะเป็นทะเลส่วนมาก ดูได้เรื่อยๆ ไม่หน้าเบื่อเลยล่ะครับ
แล้วเราก็เดินทางมาถึงสถานีมิสุมิกันแล้วล่ะครับ พอเจ้าสถานีก็ยื่นตั๋วให้กับพี่พนักงานแล้วก็เดินออกจากสถานีเพื่อนไปรอเรือได้เลยครับ
และนี่คือหน้าตาของสถานีมิสุมิครับ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และสวยงามมากเลยละครับ อย่าลืมเก็บภาพความประทับใจกันด้วยนะครับ หลังจากนั้น ก็เดินข้ามถนนมาและเดินตรงไปประมาณ 200 เมตรก็จะเจอท่าเรือครับ
ระหว่างทางก็จะเห็นทางเดินและมีปีระมิดชมวิวเห็นได้ชัดเจนมากเลยครับ ไม่หลงแน่นอน
และนี่คือท่าเรือที่เราใช้ข้ามไปเกาะอามาคุซะครับ โดยรอบเรือจะมี 3 รอบต่อวันครับ คือ 11:24 น. 13:36 น. และ 15:53น. ครับ โดยรอบที่ผมที่จะขึ้นนี้ คือรอบ 11:24 ครับ โดยจะถึงเวลา 11:41 ครับ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาทีครับ
และนี่คือเรือที่เราใช้บริการกันในวันนี้ครับ พอเรือมาเทียบฟากแล้วก็ยื่นตั๋วให้พี่พนักงานครับ และขึ้นไปจองที่นั่งได้เลย อยากได้วิวแบบไหน นั่งได้ทั้งภายในเรือและนอกเรือครับ
พอขึ้นเรือมาแล้วพี่พนักงานก็จะสาธิตวิธีใส่เสื้อชูชีพในยามที่เกิดเหตุฉุกเฉิน กรุณาให้ความสนใจด้วยนะครับ
อามาคุสะมีหมู่เกาะเล็กใหญ่มากกว่า 120 เกาะระหว่างทางก็จะพบกับสะพานต่างๆมากมาย ซึ่งมีการออกแบบที่แตกต่างกัน โดยแต่ละสะพานถูกสร้างขึ้นมาหลายสิบปีแล้วตั้งแต่สมัยจักรพรรดิของญี่ปุ่น โดยมีทั้งหมดห้าสะพานครับ โดยถือว่า 1 ใน 100 ถนนที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น
พอขึ้นฝั่งเรียบร้อยแล้วเดินลงมาไม่กี่ก้าวก็จะเจอร้าน ลิโซล่า เทอร์เรซ อามะคุสะ (リゾラテラス天草) ร้านอาหารสไตล์ยุโรป บรรยากาศดี ติดทะเลอยู่หน้าของท่านก็ไปหาอะไรทานกันก่อนดีกว่าครับ เวลาก็เที่ยงพอดี เนื่องจากร้านได้รับความนิยมมาก ยิ่งหากท่านมาตรงกับวันเสาร์อาทิตย์อาจจะต้องจดชื่อไว้และรอคิวนิดนึงนะครับ
และแน่นอนครับ วันนี้วันเสาร์ ผมก็เลยต้องรอคิวตามระเบียบ แต่ก็รอไม่นานครับเพียงแค่ 4-5 คิวพนักงานก็จะเรียกคุณเข้าไปหาที่นั่งแล้วละครับ โดยที่นั่งด้านในจะมีแบบระเบียงกับ ภายในร้าน วันนี้ผมเลือกแบบระเบียงด้านนอกนะครับ
พอนั่งเรียบร้อยแล้ว พี่พนักงานจะนำเมนูมาให้และก็ไม่ยื่นกดดันนะครับ ให้เราเลือกได้อย่างสบายใจพอเราได้เมนูที่ต้องการค่อยกดปุ่มเรียกพนักงานครับ ดีมากเลยครับ ไม่กดดัน ค่อยเลือกตามสบายเลยครับ
พอได้เมนูที่ต้องการแล้วก็กดปุ่มเรียกพนักงาน หากไม่รู้ว่าชื่อเมนูอ่านว่ายังไงก็ไม่ต้องกังวลครับ ชี้อย่างเดียว หลังจากนั้นรอไม่กี่นาทีอาหารก็มาแล้วละครับ
ในมื้อกลางวันนี้ผมสั่งเป็น ฟิชเชอร์ มันสเพลท หรือข้าวกับปลาและของทะเลพร้อมสลัดครับ น่าทานมากเลย ราคาไม่แพงด้วย
เมนูที่ผมสั่งมานี้ถือว่าเป็นเมนูยอดฮิตของทางร้านเนื่องจากทางร้านได้คัดเนื้อปลา หอย หมึกและวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน และได้คุณภาพ ด้วยความที่เป็นเกาะ อาหารทะเลไม่ต้องพูดถึงครับ สด เนื้อหวานมากเลยครับ ทานกับข้าวสวยร้อนๆพร้อมกับชมวิวทะเลไปด้วย มีความสุขสุดๆ เลยครับ
นอกจากนี้ท่านยังสามารถสั่งเมนูของหวานหรือทานเล่นต่างๆ ได้ไม่ว่าจะเป็นสปาเกตตี้ พาสเทล ไอศกรีม พิซซ่า ฯลฯ
พออิ่มท้องแล้วก็นำใบเสร็จไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์ทางเข้าร้านได้เลยครับ
หลังจากนั้นกิจกรรมต่อไปที่เราจะทำกันคือ ดูปลาโลมาครับ (イルカウォッチング Iruka Watching) หลายๆท่านคงสงสัยว่า ดูปลาโลมานี่ดูที่ไทยก็ได้มั้ง ไม่เห็นต้องนั่งเรือมาไกลเลย ก็คงไปนั่งดูการแสดงโลมา อย่าพึ่งคิดน้อยใจครับ นั่งเรือมาถึงนี่แล้วต้องมีอะไรดีกว่านั้นแน่นอน โดยเริ่มแรกก็ไปซื้อตั๋วกันก่อนเลยครับ
เดินออกจากร้านหน้าหันเข้าทะเลแล้วเลี้ยวซ้ายตรงไปประมาณ 200 เมตร จะเห็นอาคารจำหน่ายตั๋วครับ
พอเข้ามาด้านในก็ทำการซื้อตั๋วได้เลยครับโดยราคาจะอยู่ที่ท่านละ 4,500 เยนครับ หากเป็นเด็กและผู้สูงอายุจะลดราคาลงไปอีกครับพอได้ตั๋วแล้วก็เดินกลับมาที่ท่าเรือที่เรามาตอนแรก และรอเรือไปชมปลาโลมากันเลย
พอเรือมาแล้วก็ยื่นตั๋วให้พี่พนักงานและเดินไปขึ้นเรือเลยครับ
และนี่คือเรือที่เราจะนั่งไปชมปลาโลมากันครับ
โดยเราจะใช้เวลาประมาณ 50 นาทีกว่าจะถึงจุดชมปลา ดังนั้นนั่งด้านในจะสบายกว่าครับ มีแอร์ เบาะนุ่มสบาย นอนพักได้ครับ หลังจากนั้นพี่พนักงานจะมาสาธิตวิธีการใช้เสื้อชูชีพครับ
พอนั่งๆ นอนๆ ชมวิวด้านนอกจนถึงจุดชมวิว พี่พนักงานจะมาเรียกให้ไปด้านบนของเรือครับ
พอขึ้นไปท่านคงต้องทึ่งและประทับใจกับทะเลบริเวณรอบเรือ เพราะมีปลาโลมาหลายสิบตัวเวียนว่ายพร้อมกระโดดขึ้นเหนือน้ำอย่างสวยงามเลยละครับ ท่านจะต้องมาดูด้วยตาของท่านเองเนื่องจากปลาโลมาว่าค่อนข้างเร็ว รูปที่ได้อาจจะดูไม่ดีเท่าตาเปล่าครับ
น่าทึ่งมากจริงๆ ครับ มันไม่ใช่การแสดงโลมานะครับ แต่คือการดูโลมาบันไดตามธรรมชาตินับร้อยตัวบริเวณรอบ ถือว่าเป็นทะเลที่อุดมสมบูรณ์มากเลยละครับ โดยพี่คนขับจะขับเรือวนให้ชมปลาโลมาประมาณครึ่งชั่วโมงครับ ดูกับให้เต็มอิ่มไปเลย
หลังจากได้รูปสวยงามเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาต้องนั่งเรือกลับแล้วละครับ
หลังจากนี้ก็จะใช้เวลาประมาณ 40-50 นาทีเช่นเดิมครับ
พอกลับมาถึงฝั่งเราจะมีเวลาเหลือเพื่อเดินชมของฝาก ซื้ออะไรติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนทางบ้านได้ครับ โดยร้านขายของฝากและของที่ระลึกจะอยู่เชื่อมกับร้านอาหารเลยละครับ
นั่งจิบกาแฟพร้อมชมบรรยากาศริมทะเลกับคนที่คุณรักได้เลยครับ
ท่านจะพบกับขนมและของฝากที่ระลึกมากมายภายใน เชิญเลือกซื้อกันตามสบายเลยครับ
โดยพอเดินไปอีกนิดจะพบกับร้านขายขนมปังซึ่งผมเห็นมีคนต่อแถวยาวมากจริงลองเข้าไปชิมดูครับ เนื่องจากอบใหม่ๆ หอมเนยและไส้เยอะมากๆ เลย ครับ โดยส่วนใหญ่จะเป็นไส้ถั่วดำ ถั่วแดง ครับ
ทานกับกาแฟนี่เข้ากันมากๆเลยละครับ อย่าลืมไปลองนะครับ
พอเดินออกมาทางด้านขวาจะพบกับรูปปั้นบุคคลสำคัญผู้ค้นพบเกาะนี้ในปี 1955 ครับ ถ่ายรูปกันได้ตามสบายเลยครับ
พอได้ของฝากกันเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาต้องเดินทางกลับแล้วล่ะครับ ก็เดินกลับมาที่ท่าเรือเพื่อรอขึ้นเรือเช่มเดิมครับ
และเรือที่เราจะนั่งกลับฝั่งกันในวันนี้ครับ
พอมาถึงฝั่งก็เดินมายังสถานีมิสุมิที่เรานั่งรถไฟมาตอนแรกเพื่อนั่งกลับไปยังสถานีคุมาโมโต้ครับ
โดยขากลับเราจะนั่งรถไฟขบวนพิเศษ 特急 A列車で行こう(A ressha de ikou/Limited Express "A-TRAIN") ซึ่งเป็นรถขบวนพิเศษออกแบบโดย JR kyushu สำหรับสายนี้โดยเฉพาะเลยครับ โดยตัวสีขบวนจะมีสีดำครับ ภายในดูดีมากๆเลยล่ะครับ
พอรถไฟเริ่มเคลื่อนตัวออกไปจะมีพี่พนักงานอธิบายวิวรอบข้างต่างๆครับ
มีบริการถ่ายรูปคู่กับป้ายรถไฟด้วยนะครับ
พอมาถึงสถานีคุมาโมโต้ ใช้ทางออกด้านทิศตะวันออก East exit (東出口) เพื่อเดินทางไปยังคุมามงสแควร์ กันเลยครับ
เดินออกมารอรถแทรม หรือรถรางรอบเมือง โดยขึ้นสาย A สีแดง Kengunmachi (健軍町) ครับ
พอเข้ามาในตัวรถก็หาที่นั่ง แต่หากคนเยอะอาจจะได้ยืนนะครับ แต่ไม่นานก็จะถึงที่หมายแล้วล่ะครับ ภายในตัวรถครับ ค่อนข้าวกว้างเลยทีเดียวครับ โดยรถจะวิ่งผ่านหลายสถานีรวมถึงหน้าปราสาทคุมาโมะโต้ด้วยละครับ
พอมาถึงสถานี Suidoucho (水道町) ก็กดปุ่มได้เลยครับ ปุ่มจะติดตั้งอยู่รอบๆตัวรถครับ หากต้องการลงสถานีไหนก็ให้กดได้เลยครับ
ลงจากสถานีปึ้บข้ามถนนมาทางด้านขวาก็จะเจอคุมามงสแควร์แล้วล่ะครับ
โดยสัญลักษณ์เด่นที่รู้จักกันไปทั่วโลกของจังหวัดคุมาโมโต้คงหนีไม่พ้นตัวคุมามงใช่ไหมละครับ โดยร้านนี้เป็นแหล่งรวมของที่ระลึก ของฝากเกี่ยวกับคุมามงทั้งนั้นเลยละครับ ท่านที่ชืนชอบคุมามงไม่ควรพลาดครับ
เมื่อเดินดูรอบๆ ได้ของติดไม้ติดมือกันเรียบร้อยแล้ว ก็เดินทางกลับไปยังสถานีคุมาโมโต้กันเลยครับ
มายืนรอรถอีกฝั่งหนึ่งเพื่อกลับไปยังสถานีคุมาโมโต้ได้เลยครับ โดยรถจะมาทุกๆ 5 นาทีครับ ไม่ต้องกังวลหากขบวนไหนเต็มมากๆ ก็รอขบวนถัดไปได้ครับ
พอนั่งมาถึงสถานีคุมาโมโต้ก็เดินเข้าไปภายในสถานีเพื่อกลับสถานีฮากาตะกันเลยครับ หากท่านต้องการของฝากเพิ่มเติมก็มีจำหน่ายมากมายเลยละครับ เลือกซื้อได้ตามสบาย
หลังจากนั้นก็เดินเข้าเกทของรถไฟชินคันเซนได้เลยครัย มีป้ายบอกอยู่ตลอดครับ ดูป้ายให้ตรงกับตั๋วของเรานะครับ
และนี่คือรถไฟที่ผมจะนั่งกลับสถานีฮากาตะครับ
ภายในดูดีสมกับเป็นชินคันเซนจริงๆ ครับ นั่งสบายนอนได้เลยล่ะครับ
เป็นไงอย่างไรบ้างครับกับทริปคุมาโมโต้ในวันนี้ หากมีเวลาว่างก็ลองไปจังหวัดอื่นๆในเกาะคิวชูกันได้นะครับ ยังมีกิจกรม สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ อีกมากมายที่ท่านควรไปชมครับ