สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกครั้งกับบทความที่จะพาคุณไปกิน เที่ยว ช็อป ที่เกาะคิวชูแห่งประเทศญี่ป่น หลังจากได้ทัวร์กับเกือบจะครบทุกจังหวัดแล้ว ครั้งนี้จะเป็นจังหวัดสุดท้ายที่อยู่ทางใต้สุดของเกาะคิวชูและมีสภาพแวดล้อม อากาศ คล้ายๆ กับประเทศทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครับ นั่นคือ จังหวัดคาโกชิมะ (鹿児島) ครับ ไปติดตามชมกันเลย
สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ เราจะเดินทางกันด้วยรถไฟชินคันเซนครับ โดยราคาค่าตั๋วจะขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นต่างๆ รวมถึงคุณสามารถซื้อ JR Kyushu Pass ตั๋วขึ้นรถไฟแบบไม่จำกัดรอบ/เที่ยว หรือพูดง่ายๆคือ ขึ้นรถไฟทุกสายแบบบุฟเฟต์นั่นแหละครับ โดยท่านสามารถจองตั๋วแบบออนไลน์หรือค้นหารอบ/เที่ยว หรือราคาค่าตั๋วได้ ที่นี่
สำหรับการเดินทางในวันนี้เราจะเริ่มต้นกันที่สถานีฮากาตะ (博多駅) ในจังหวัดฟุกุโอกะครับ สำหรับท่านที่เดินทางมาลงที่สนามบินฟุกุโอกะ สามารถนั่งรถไฟดินจากสนามบินมาลงที่สถานีฮากาตะได้เลยครับ ไม่ไกลมาก
หลังจากซื้อตั๋วกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็มุ่งหน้าไปที่ชานชาลาของรถไฟชินคันเซนกันเลยครับ โดยจะมีป้ายขนาดใหญ่ตามทางเท้าแล้วป้ายไฟบอกตลอดทางไม่ต้องกลัวหลงเลยครับ
และนี่คือป้ายบอกรอบครับ โดยชินคันเซนที่ผมจะขึ้นวันนี้คือ Mizuho 603 รอบ 10:20 ครับ หยุดพักที่คุมาโมโต้ หากเมื่อยสามารถไปนั่งพักได้ที่ห้องรอรถไฟ มีฮีทเตอร์อุ่นๆ ไว้ให้ได้ผ่อนคลายด้วยครับ
และแล้วรถไฟที่เราจะนั่งไปก็มาเทียบชาลาแล้วล่ะครับ
ขึ้นกันเลยครับ โดยท่านสามารถดูที่นั่งและขบวนที่ท่านได้จองไว้บนตั๋วของท่านครับ โดยรถไฟคันนี้มีทั่งหมด 8 ขบวนครับ
ภายในรถไฟก็เรียบ หรู ที่นั่งกว้างขวาง นั่งสบายมากเลยครับ
การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที และเราก็เดินทางมาถึง สถานีคาโกชิมะชูโอ (鹿児島中央駅) ในจังหวัดคาโกชิมะกันแล้วครับ
เดินทางมาใช้เวลาพอควร แถมจวนเที่ยงวันเข้าไปทุกที ท้องก็เริ่มก่อการปฏฺิวัติแล้วครับ (เรียกง่ายๆ ก็หิวแหละ 55) งั้นผมจะขอแนะนำราเมงขึ้นชื่อของคาโกชิมะก่อนเลย ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีมากครับ หลังจากลงรถไฟก็มุ่งหน้าไปที่ทางออกกันเลย
โดยให้ออกทางด้าน ประตูซากุระจิมะ (桜島口) หรือประตูตะวันออกครับ เดินไปเรื่อยก็จะเจอกับทางออกครับ
ร้านนี้เราจะไปฝากท้องกันที่ ร้านคาโกชิมะราเมง ทงโทโระราเมงสาขาหน้าสถานีคาโกชิมะชูโอ (鹿児島ラーメン 豚とろラーメン中央駅前) เดินออกมากจากสถานีแล้วก็เลี้ยวซ้ายและเดินตรงมาเรื่อยๆ สักพักก็จะเจอร้านจ้า เป็นร้านเล็กๆ แต่มีคนแต่ยาวมาจนถึงนอกร้านในบางเวลาของวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ บางจังหวะอาจจะต้องยื่นรอบ้างอะไรบ้าง แต่เพื่อของอร่อยเชื่อว่าเพื่อนๆ ยอมรออยู่แล้วล่ะเนอะ อิอิ โชคดีที่ผมมาในวันธรรมดาเลยไม่ต้องรอคิวนานครับ
พอเข้ามาภายในร้ายก็จะเจอเมนูครับ อ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออกไม่ใช่ปัญหาเลย เพราะมีรูปภาพประกอบให้ครับ เรามาใช้วิชาชี้นิ้วกัน 55 โดยเมนูขึ้นชื่อของร้านนี้ก็คือ เมนู ราเม็งหน้าหมู หรือ ทงโทโระราเม็ง (豚とろラーメン) ซึ่งเป็นราเม็งขึ้นชื่อของจังหวัดคาโกชิมะเขาเลยนะ สามารถเพิ่มไข่ออนเซนได้ รวมถึงเมนูอื่นๆ อีกมากมายครับ
ทางร้านจะมีเครื่องเคียง (漬物) ไว้ให้ครับ โดยคนคาโกชิมะนิยมใส่ลงไปในราเมงกันครับ
และแล้วราเมงน่าตาน่าทานสุดๆ ก็มาอยู่ตรงหน้าแล้วล่ะครับ ซึ่งเจ้าทงโทโระราเม็งนี้ มันก็คือราเม็งแขนงหนึ่งของทงคตสึราเม็งที่เป็นราเม็งอันน่าภาคภูมิใจของภูมิภาคคิวชูนี่ล่ะครับ แต่ตัวเส้นจะหนาขึ้นมาหน่อย ส่วนเนื้อหมูก็จะมาเป็นแบบสามชั่นพร้อมกระเทียมเจียวหอมๆ เป็นรสชาติเข้มข้นที่คนไทยจะต้องชื่นชอบแน่นอน บอกเลยว่าอร่อยมากครับ
หลังจากอิ่มท้องแล้ว หนังตาเริ่มตกและความง่วงก็เริ่มมา 555 แต่ยังสลบตอนนี้ไม่ได้ เพราะยังมีสิ่งสวยๆ งามๆ รอเราไปสัมผัสอยู่ ต่อไปเราจะมุ่งหน้าไปพักผ่อนสายตากันที่ สวนเซนกันเอน (仙巌園) ครับ ซึ่งห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 6 กิโลเมตร ในส่วนของการเดินทางก็ไม่ต้องเป็นห่วงครับ สะดวกมากเลย เพียงแค่เดินย้อนกลับมาที่ป้ายรถบัสที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับสถานีคาโกชิมะชูโอวที่เรานั่งชินคันเซ็นมา โดยจะมีรถวิ่งไปสวนนี้ 2 บริษัทครับ คือมาจิเมกุริบัส (まち巡りバス) หรือ คาโกชิมะซิตี้วิวชูยูบัส (鹿児島シティービュー周遊バス) โดยเลือกได้ตามสบายเลยครับ ขึ้นอยู่กับเวลาที่ท่านสะดวกเลย
หลังจากยืนรอสักพักก็มาแล้วล่ะครับ บัสที่เราจะขึ้นไปสวนเซนกันเอนกันวันนี้
โดยระหว่างนี้ผมจะขอเล่าคร่าวๆ เกี่ยวกับสวนเซนกันเอนแห่งนี้ก่อนนะครับ สวนแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ในสมัยจักพรรดิเอโดะของญี่ปุ่น โดยตั้งอยู่ริมทะเล สามารถมองเห็นภูเขาซากุระชิมะได้อย่างชัดเจน ภายในประกอบไปด้วยสวนสไตล์ญี่ปุ่นขนาดใหญ่, ที่พักอยู่อาศัยของจักรพรรดิ มเหสี, วงศานุวงศ์ รวมถึงวัดและศาลเจ้าต่างๆ ครับ สวนแห่งนี้เคยต้อนรับจักรพรรดิและผู้นำจากต่างชาติต่างๆ หลายต่อหลายครั้งเนื่องจากตั้งอยู่ติดทะเล ง่ายต่อการติดต่อค้าขายหรือทำการเจรจาทางการค้าครับ
ระหว่างทางที่ผ่าน จะให้ความรู้สึกแตกต่างจากจังหวัดอื่นๆ ในประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างมากครับ ให้ความรู้สึกเหมือนประเทศในเขตร้อนชื้น เนื่องจากคาโกชิมะตั้งอยู่ทางตอนใต้ทำให้อากาศคล้ายๆ กันนั่นเอง แต่ไม่ร้อนเหมือนกันไทยแน่นอนครับ
และแล้วเราก็เดินทางมาถึงกันแล้วล่ะครับ สามารถติดต่อสอบถามและซื้อตั๋วเข้าชมได้ที่หน้าทางเข้าเลยครับ โดยที่นี่จะมีค่าเข้าชมท่านละ 1,000 เยน ไม่แพงเลยละครับเมื่อเทียบกับสิ่งที่ท่านจะได้เข้าไปชม
เมื่อเดินเข้ามาแล้ว สิ่งแรกที่จะเจอคือปืนใหญ่ ที่มีมาตั้งแต่ยุคสมัยที่ญี่ปุ่นยังมีสงคราม เมื่อตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 จักรพรรดิของญี่ปุ่นได้คิดค้น และสร้างปืนใหญ่นี้ขึ้นมาด้วยตัวเองเลยละครับ โดยใช้วัสดุที่หาได้ในประเทศ และใช้กลไกการยิงโดยใช้ความร้อนจากหินต่างๆ ครับ
เนื่องจากสวนแห่งนี้มีความ กว้างมากท่านสามารถใช้เวลาแบบสบายๆ สโลว์ไลฟ์ได้หนึ่งวันเต็มๆ โดยรอบๆ ก็มีสิ่งน่าสนใจอีกมากมาย บอกเลยว่าท่านต้องไปสัมผัสเองแล้วล่ะครับ
อีกหนึ่งไฮไลต์คือทางสวนจัดให้มีไกด์พาเดินชมที่พำนักของจักรพรรดิและกินขนมพร้อมชาเขียวร้อนๆ ได้ด้วยล่ะครับ แต่จะมีค่าเข้าชมเพิ่มอีกท่านละ 600 เยนครับ โดยหนึ่งรอบจะมีคนเข้าชมประมาณ 20-25 คน เข้าได้ตลอดไม่ต้องรอนานมีเวลาเป็นรอบๆ ครับ
ภายในเนื่องจากห้ามถ่ายรูป ผมเลยไม่มีรูปมาให้ทุกท่านได้ชม แต่ต้องลองเข้าไปครับ ไหนๆ มาแล้ว
มาถึงห้องพิธีชงชา โดยสามารถหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายได้แล้วล่ะครับ โดยจะมีพี่ๆใส่ชุดกิโมโนมาเสิร์ฟชาและขนมครับ อร่อยมากเลย
ภายในก็จะเป็นสวนหย่อมสไตล์ญี่ปุ่น จัดตกแต่งไว้ รวมถึงบ่อน้ำขนาดเล็กครับ
และอีกหนึ่งไฮไลต์ของที่นี่คือขนมโมจิ หรือที่นี่จะเรียกว่าจัมโบ้โมจิครับ ที่จัมโบ้ไม่ใช่หมายถึงขนาดของขนมนะครับ แต่เป็นการผันเสียงตามการเรียกของคนจีนครับทำให้เพี้ยนมาเป็นจัมโบ้
เดินไปเรื่อยๆ ก็จะมีสิ่งน่าสนใจให้ชมกันอีกมากมาย งานนี้บอกเลยว่าต้องไปชมด้วยตาของท่านเองครับ
หลังจากเต็มอิ่ม ได้รูปสวยๆ กันเรียบร้อยแล้ว ทางด้านข้างของสวนจะมีร้านผลิตคริสตัล ซึ่งเป็นเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงๆ มากของทางจังหวัด ท่านสามารถซื้อได้แต่ที่นี่เท่านั้น เพราะว่าไม่มีการส่งออกไปยังที่ต่างๆ แม้กระทั่งภายในประเทศญี่ปุ่นเองก็ตาม ดังนั้นหากท่านสนใจก็ไปชมกันได้เลยครับ
ลวดลายต่างๆ ถูกทำด้วยมือและใช้วัตถุดิบอย่างดีในการผลิต โดยคนญี่ปุ่นมีความเชื่อว่าหากนำคริสตัลเหล่านี้วางในบ้านจะเป็นการเรียกโชคลาภต่างๆ มาสู่ผู้อยู่อาศัยครับ
ท่านสามารถเดินไปดูขั้นตอนการผลิตได้ ซึ่งพี่ๆ เค้ากำลังทำแก้ว, เครื่องประดับกันอยู่อย่าขะมักเขม้นเลยละครับ
พอได้ของติดไม้ติดมือกันแล้วก็มุ่งหน้าไปต่อกันที่พิพิธภัณฑ์รวบรวมประวัติและความเป็นมาของสวนแห่งนี้ และเป็นแหล่งรวบรวมของสำคัญต่างๆ ครับ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้ชมฟรี แต่ห้ามถ่ายรูปภายในตัวอาคารนะครับ
หลังจากที่เราได้รู้ประวัติต่างๆ ได้รูปภาพสวยๆ กันแล้ว ก็เดินทางไปยังสถานที่ต่อเลยครับ เดินมาก็เยอะแล้ว เจ้าราเม็งเมื่อตอนกลางวันก็ย่อยหายไปหมดเรียบร้อย ต่อไปเราก็จะหาอะไรเบาๆ ทานกันต่อ กับ ชิโรคุมะ (白熊) หรือ น้ำแข็งใสราดนมและผลไม้ต่างๆ ครับ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งของขึ้นชื่อของคาโกชิมะเขาเลยนะ โดยนั่งบัสที่เรานั่งมาเมื่อสักครู่ ไปลงป้าย เทนมนคัน (天文館) ครับ
บัสมาแล้วครับ ใช้เวลาเดินทางไม่นานมาก ประมาณ 20 นาที ก็จะถึงครับ
พอลงป้ายเทนมนคัน (天文館) แล้ว ก็เดินต่อไปภายในอุโมงค์คล้ายถนนคนเดิน โดยเมืองคาโกชิมะจะมีบริการทั้งรถไฟ, รถราง หรือที่เรียกว่าแทรม รวมถึงบัส เรียกว่าสะดวกในเรื่องของการเดินทางมากเลย
เดินไปเรื่อยๆ จนสุดทางก็จะเจอกับร้านนี้ครับ มีชื่อว่า เทนมนคันมุจะกิ (天文館むじゃき)
หน้าร้านครับจะสังเกตง่ายมากเลยละครับ เพราะว่าจะมีหมีสีขาวตัวใหญ่อยู่ โดยทางร้านจะมีสองชั้น และผมจะขึ้นไปทานบนชั้นสองครับ
พอหาที่นั่งได้แล้ว ก็ไปสั่งเมนูกันเลยครับมีให้เลือกหลากหลายแบบมากๆ
แน่นอนว่าผมก็สั่งเป็น ชิโรคุมะ (白熊) เมนูขึ้นชื่อของคาโกชิมะนั่นเอง
รอสักครู่ก็มาเสิร์ฟให้อยู่แล้วล่ะครับ บอกได้คำเดียว ใหญ่มากครับ คนเดียวทานไม่หมดแน่นอนครับ โดยส่วนประกอบก็มีผลไม้หลากหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น ส้ม, สับปะรด, มัน, เผือก, แอปเปิ้ล, กล้วย, ลูกเกด, ถั่วดำ, ถั่วแดง, เจลลี่, วุ้นมะพร้าวและอื่นๆ อีกมากมายครับ แน่นๆ เลย
อิ่มอกอิ่มใจอิ่มท้องแล้วเราก็มาเดินเล่นกันที่ถนนคนเดินที่ผ่านมาเมื่อสักครู่ ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้ามากมายให้เดินช้อปปิ้งซื้อของฝากต่างๆ ได้เพลินๆ เลยครับ
เดินเที่ยวกับจนเพลินและได้ของกลับไปฝากคนทางบ้านแล้ว เป้าหมายต่อไปที่เราจะเดินทางไปก็เป็นเรื่อง..... กิน อีกแล้วครับ ฮ่าๆ โดยเราจะเดินทางด้วยการขึ้นรถแทรม หรือรถรางกลับไปสถานีคาโกชิมะชูโอกันเลยครับ (鹿児島中央駅前)
ภายในรถรางครับ
พอลงจากรถรางแล้ว เราก็จะพบกับอนุสรณ์สถานบุคคลสำคัญของคาโกชิมะครับ แวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกก้นได้ จากนั้นก็เดินไปร้านอาหารกันเลย โดยสถานที่ๆ เราจะไปนั้นเป็นแหล่งรวมร้านอาหารหลายๆ ร้านๆ ไว้ในที่แห่งเดียว ให้เพื่อนๆ ได้เลือกอิ่มได้ตามสบายเลยละครับ ที่แห่งนี้เรียกว่า คาโกะมะฟุรุซะโตยาไตมุระ (かごっまふるさと屋台村) โดยสถานที่แห่งนี้เปิดให้บริการมากว่า 5 ปีแล้ว และมีร้านอาหารมากถึง 25 ร้านให้ได้เลือกกันครับ
มีร้านให้ท่านเลือกนั่งได้ตามสบาย และมีเมนูอร่อยๆ เพียบ ไม่ว่าจะเป็นหมูคุโรบุตะ, เนื้อคาโกชิมะสเต๊ก หรือท่านที่ต้องการผ่อนคลายกับโชจูหรือเหล้าญี่ปุ่นนั้นก็ยังมีให้บริการครับ
และร้านที่ผมเลือกวันนี้คือร้าน ซัทสึมะกุริรุจูมารุครับ (薩摩グリルじゅーまる) โดยเมนูขึ้นชื่อของทางร้านคือ หมูคุโรบุตะ และเนื้อคาโกชิมะกิวครับ ที่จังหวัดคาโกชิมะนั้นก็ถือว่าเป็นแหล่งเนื้อวัวที่ยอดเยี่ยมแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นเลยนะ
มาแล้วครับเมนูสเต็กคาโกชิมะกิว
พร้อมเครื่องเคียงลิ้นย่างครับ อร่อยนุ่มสุดเลยละครับ
และเครื่องเคียงอีกจานคือสลัดรากบัวหรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่าโกโบครับ
คราวนี้ล่ะอิ่มของจริงแล้วครับ 555 หลังจากนี้ก็เราเข้าโรงแรมพักผ่อนกันดีกว่า เพราะพรุ่งนี้เรายังมีที่ที่ต้องอีกเยอะแยะเลย โดยโรงแรมที่ผมจะพักครั้งนี้ชื่อโรงแรม โซลาเรีย นิชิเททสึ คาโกชิมะ (ソラリア西鉄ホテル鹿児島)ครับ สามารถสังเกตเห็นได้ง่ายจากสถานีครับ เพราะตั้งอยู่หน้าสถานีเลยล่ะครับ
ทางเข้าโรงแรมครับ เดินเข้าไปและขึ้นลิฟต์ไปชั้นล็อบบี้ชั้น 7 ได้เลยครับ
ทำการเช็คอินและเข้าห้องพักกัน ห้องพักถือว่าดีมากเลยครับ ทั้งห้องน้ำ, ความกว้าง, สิ่งอำนวยความสะดวกและที่สำคัญวิวดีมากเลยล่ะครับ
หากรู้สึกหิวๆ ขึ้นมากลางดึก ท่านสามารถลงไปหาอะไรทานได้ที่ชั้นใต้ดินของโรงแรมครับ ซึ่งจะมีร้านอาหารมากมายไว้ให้บริการครับ
นอกจากนั้นที่ละแวกโรงแรมก็ยังมีร้านสะดวกซื้อ Lawson ที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมงด้วยครับ
แหล่งที่มา: https://ja.wikipedia.org/wiki/鹿児島県
สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ เราจะเดินทางกันด้วยรถไฟชินคันเซนครับ โดยราคาค่าตั๋วจะขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นต่างๆ รวมถึงคุณสามารถซื้อ JR Kyushu Pass ตั๋วขึ้นรถไฟแบบไม่จำกัดรอบ/เที่ยว หรือพูดง่ายๆคือ ขึ้นรถไฟทุกสายแบบบุฟเฟต์นั่นแหละครับ โดยท่านสามารถจองตั๋วแบบออนไลน์หรือค้นหารอบ/เที่ยว หรือราคาค่าตั๋วได้ ที่นี่
สำหรับการเดินทางในวันนี้เราจะเริ่มต้นกันที่สถานีฮากาตะ (博多駅) ในจังหวัดฟุกุโอกะครับ สำหรับท่านที่เดินทางมาลงที่สนามบินฟุกุโอกะ สามารถนั่งรถไฟดินจากสนามบินมาลงที่สถานีฮากาตะได้เลยครับ ไม่ไกลมาก
หลังจากซื้อตั๋วกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็มุ่งหน้าไปที่ชานชาลาของรถไฟชินคันเซนกันเลยครับ โดยจะมีป้ายขนาดใหญ่ตามทางเท้าแล้วป้ายไฟบอกตลอดทางไม่ต้องกลัวหลงเลยครับ
และนี่คือป้ายบอกรอบครับ โดยชินคันเซนที่ผมจะขึ้นวันนี้คือ Mizuho 603 รอบ 10:20 ครับ หยุดพักที่คุมาโมโต้ หากเมื่อยสามารถไปนั่งพักได้ที่ห้องรอรถไฟ มีฮีทเตอร์อุ่นๆ ไว้ให้ได้ผ่อนคลายด้วยครับ
และแล้วรถไฟที่เราจะนั่งไปก็มาเทียบชาลาแล้วล่ะครับ
ขึ้นกันเลยครับ โดยท่านสามารถดูที่นั่งและขบวนที่ท่านได้จองไว้บนตั๋วของท่านครับ โดยรถไฟคันนี้มีทั่งหมด 8 ขบวนครับ
ภายในรถไฟก็เรียบ หรู ที่นั่งกว้างขวาง นั่งสบายมากเลยครับ
การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที และเราก็เดินทางมาถึง สถานีคาโกชิมะชูโอ (鹿児島中央駅) ในจังหวัดคาโกชิมะกันแล้วครับ
เดินทางมาใช้เวลาพอควร แถมจวนเที่ยงวันเข้าไปทุกที ท้องก็เริ่มก่อการปฏฺิวัติแล้วครับ (เรียกง่ายๆ ก็หิวแหละ 55) งั้นผมจะขอแนะนำราเมงขึ้นชื่อของคาโกชิมะก่อนเลย ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีมากครับ หลังจากลงรถไฟก็มุ่งหน้าไปที่ทางออกกันเลย
โดยให้ออกทางด้าน ประตูซากุระจิมะ (桜島口) หรือประตูตะวันออกครับ เดินไปเรื่อยก็จะเจอกับทางออกครับ
ร้านนี้เราจะไปฝากท้องกันที่ ร้านคาโกชิมะราเมง ทงโทโระราเมงสาขาหน้าสถานีคาโกชิมะชูโอ (鹿児島ラーメン 豚とろラーメン中央駅前) เดินออกมากจากสถานีแล้วก็เลี้ยวซ้ายและเดินตรงมาเรื่อยๆ สักพักก็จะเจอร้านจ้า เป็นร้านเล็กๆ แต่มีคนแต่ยาวมาจนถึงนอกร้านในบางเวลาของวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ บางจังหวะอาจจะต้องยื่นรอบ้างอะไรบ้าง แต่เพื่อของอร่อยเชื่อว่าเพื่อนๆ ยอมรออยู่แล้วล่ะเนอะ อิอิ โชคดีที่ผมมาในวันธรรมดาเลยไม่ต้องรอคิวนานครับ
พอเข้ามาภายในร้ายก็จะเจอเมนูครับ อ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออกไม่ใช่ปัญหาเลย เพราะมีรูปภาพประกอบให้ครับ เรามาใช้วิชาชี้นิ้วกัน 55 โดยเมนูขึ้นชื่อของร้านนี้ก็คือ เมนู ราเม็งหน้าหมู หรือ ทงโทโระราเม็ง (豚とろラーメン) ซึ่งเป็นราเม็งขึ้นชื่อของจังหวัดคาโกชิมะเขาเลยนะ สามารถเพิ่มไข่ออนเซนได้ รวมถึงเมนูอื่นๆ อีกมากมายครับ
ทางร้านจะมีเครื่องเคียง (漬物) ไว้ให้ครับ โดยคนคาโกชิมะนิยมใส่ลงไปในราเมงกันครับ
และแล้วราเมงน่าตาน่าทานสุดๆ ก็มาอยู่ตรงหน้าแล้วล่ะครับ ซึ่งเจ้าทงโทโระราเม็งนี้ มันก็คือราเม็งแขนงหนึ่งของทงคตสึราเม็งที่เป็นราเม็งอันน่าภาคภูมิใจของภูมิภาคคิวชูนี่ล่ะครับ แต่ตัวเส้นจะหนาขึ้นมาหน่อย ส่วนเนื้อหมูก็จะมาเป็นแบบสามชั่นพร้อมกระเทียมเจียวหอมๆ เป็นรสชาติเข้มข้นที่คนไทยจะต้องชื่นชอบแน่นอน บอกเลยว่าอร่อยมากครับ
หลังจากอิ่มท้องแล้ว หนังตาเริ่มตกและความง่วงก็เริ่มมา 555 แต่ยังสลบตอนนี้ไม่ได้ เพราะยังมีสิ่งสวยๆ งามๆ รอเราไปสัมผัสอยู่ ต่อไปเราจะมุ่งหน้าไปพักผ่อนสายตากันที่ สวนเซนกันเอน (仙巌園) ครับ ซึ่งห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 6 กิโลเมตร ในส่วนของการเดินทางก็ไม่ต้องเป็นห่วงครับ สะดวกมากเลย เพียงแค่เดินย้อนกลับมาที่ป้ายรถบัสที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับสถานีคาโกชิมะชูโอวที่เรานั่งชินคันเซ็นมา โดยจะมีรถวิ่งไปสวนนี้ 2 บริษัทครับ คือมาจิเมกุริบัส (まち巡りバス) หรือ คาโกชิมะซิตี้วิวชูยูบัส (鹿児島シティービュー周遊バス) โดยเลือกได้ตามสบายเลยครับ ขึ้นอยู่กับเวลาที่ท่านสะดวกเลย
หลังจากยืนรอสักพักก็มาแล้วล่ะครับ บัสที่เราจะขึ้นไปสวนเซนกันเอนกันวันนี้
โดยระหว่างนี้ผมจะขอเล่าคร่าวๆ เกี่ยวกับสวนเซนกันเอนแห่งนี้ก่อนนะครับ สวนแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ในสมัยจักพรรดิเอโดะของญี่ปุ่น โดยตั้งอยู่ริมทะเล สามารถมองเห็นภูเขาซากุระชิมะได้อย่างชัดเจน ภายในประกอบไปด้วยสวนสไตล์ญี่ปุ่นขนาดใหญ่, ที่พักอยู่อาศัยของจักรพรรดิ มเหสี, วงศานุวงศ์ รวมถึงวัดและศาลเจ้าต่างๆ ครับ สวนแห่งนี้เคยต้อนรับจักรพรรดิและผู้นำจากต่างชาติต่างๆ หลายต่อหลายครั้งเนื่องจากตั้งอยู่ติดทะเล ง่ายต่อการติดต่อค้าขายหรือทำการเจรจาทางการค้าครับ
ระหว่างทางที่ผ่าน จะให้ความรู้สึกแตกต่างจากจังหวัดอื่นๆ ในประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างมากครับ ให้ความรู้สึกเหมือนประเทศในเขตร้อนชื้น เนื่องจากคาโกชิมะตั้งอยู่ทางตอนใต้ทำให้อากาศคล้ายๆ กันนั่นเอง แต่ไม่ร้อนเหมือนกันไทยแน่นอนครับ
และแล้วเราก็เดินทางมาถึงกันแล้วล่ะครับ สามารถติดต่อสอบถามและซื้อตั๋วเข้าชมได้ที่หน้าทางเข้าเลยครับ โดยที่นี่จะมีค่าเข้าชมท่านละ 1,000 เยน ไม่แพงเลยละครับเมื่อเทียบกับสิ่งที่ท่านจะได้เข้าไปชม
เมื่อเดินเข้ามาแล้ว สิ่งแรกที่จะเจอคือปืนใหญ่ ที่มีมาตั้งแต่ยุคสมัยที่ญี่ปุ่นยังมีสงคราม เมื่อตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 จักรพรรดิของญี่ปุ่นได้คิดค้น และสร้างปืนใหญ่นี้ขึ้นมาด้วยตัวเองเลยละครับ โดยใช้วัสดุที่หาได้ในประเทศ และใช้กลไกการยิงโดยใช้ความร้อนจากหินต่างๆ ครับ
เนื่องจากสวนแห่งนี้มีความ กว้างมากท่านสามารถใช้เวลาแบบสบายๆ สโลว์ไลฟ์ได้หนึ่งวันเต็มๆ โดยรอบๆ ก็มีสิ่งน่าสนใจอีกมากมาย บอกเลยว่าท่านต้องไปสัมผัสเองแล้วล่ะครับ
อีกหนึ่งไฮไลต์คือทางสวนจัดให้มีไกด์พาเดินชมที่พำนักของจักรพรรดิและกินขนมพร้อมชาเขียวร้อนๆ ได้ด้วยล่ะครับ แต่จะมีค่าเข้าชมเพิ่มอีกท่านละ 600 เยนครับ โดยหนึ่งรอบจะมีคนเข้าชมประมาณ 20-25 คน เข้าได้ตลอดไม่ต้องรอนานมีเวลาเป็นรอบๆ ครับ
ภายในเนื่องจากห้ามถ่ายรูป ผมเลยไม่มีรูปมาให้ทุกท่านได้ชม แต่ต้องลองเข้าไปครับ ไหนๆ มาแล้ว
มาถึงห้องพิธีชงชา โดยสามารถหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายได้แล้วล่ะครับ โดยจะมีพี่ๆใส่ชุดกิโมโนมาเสิร์ฟชาและขนมครับ อร่อยมากเลย
ภายในก็จะเป็นสวนหย่อมสไตล์ญี่ปุ่น จัดตกแต่งไว้ รวมถึงบ่อน้ำขนาดเล็กครับ
และอีกหนึ่งไฮไลต์ของที่นี่คือขนมโมจิ หรือที่นี่จะเรียกว่าจัมโบ้โมจิครับ ที่จัมโบ้ไม่ใช่หมายถึงขนาดของขนมนะครับ แต่เป็นการผันเสียงตามการเรียกของคนจีนครับทำให้เพี้ยนมาเป็นจัมโบ้
เดินไปเรื่อยๆ ก็จะมีสิ่งน่าสนใจให้ชมกันอีกมากมาย งานนี้บอกเลยว่าต้องไปชมด้วยตาของท่านเองครับ
หลังจากเต็มอิ่ม ได้รูปสวยๆ กันเรียบร้อยแล้ว ทางด้านข้างของสวนจะมีร้านผลิตคริสตัล ซึ่งเป็นเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงๆ มากของทางจังหวัด ท่านสามารถซื้อได้แต่ที่นี่เท่านั้น เพราะว่าไม่มีการส่งออกไปยังที่ต่างๆ แม้กระทั่งภายในประเทศญี่ปุ่นเองก็ตาม ดังนั้นหากท่านสนใจก็ไปชมกันได้เลยครับ
ลวดลายต่างๆ ถูกทำด้วยมือและใช้วัตถุดิบอย่างดีในการผลิต โดยคนญี่ปุ่นมีความเชื่อว่าหากนำคริสตัลเหล่านี้วางในบ้านจะเป็นการเรียกโชคลาภต่างๆ มาสู่ผู้อยู่อาศัยครับ
ท่านสามารถเดินไปดูขั้นตอนการผลิตได้ ซึ่งพี่ๆ เค้ากำลังทำแก้ว, เครื่องประดับกันอยู่อย่าขะมักเขม้นเลยละครับ
พอได้ของติดไม้ติดมือกันแล้วก็มุ่งหน้าไปต่อกันที่พิพิธภัณฑ์รวบรวมประวัติและความเป็นมาของสวนแห่งนี้ และเป็นแหล่งรวบรวมของสำคัญต่างๆ ครับ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้ชมฟรี แต่ห้ามถ่ายรูปภายในตัวอาคารนะครับ
หลังจากที่เราได้รู้ประวัติต่างๆ ได้รูปภาพสวยๆ กันแล้ว ก็เดินทางไปยังสถานที่ต่อเลยครับ เดินมาก็เยอะแล้ว เจ้าราเม็งเมื่อตอนกลางวันก็ย่อยหายไปหมดเรียบร้อย ต่อไปเราก็จะหาอะไรเบาๆ ทานกันต่อ กับ ชิโรคุมะ (白熊) หรือ น้ำแข็งใสราดนมและผลไม้ต่างๆ ครับ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งของขึ้นชื่อของคาโกชิมะเขาเลยนะ โดยนั่งบัสที่เรานั่งมาเมื่อสักครู่ ไปลงป้าย เทนมนคัน (天文館) ครับ
บัสมาแล้วครับ ใช้เวลาเดินทางไม่นานมาก ประมาณ 20 นาที ก็จะถึงครับ
พอลงป้ายเทนมนคัน (天文館) แล้ว ก็เดินต่อไปภายในอุโมงค์คล้ายถนนคนเดิน โดยเมืองคาโกชิมะจะมีบริการทั้งรถไฟ, รถราง หรือที่เรียกว่าแทรม รวมถึงบัส เรียกว่าสะดวกในเรื่องของการเดินทางมากเลย
เดินไปเรื่อยๆ จนสุดทางก็จะเจอกับร้านนี้ครับ มีชื่อว่า เทนมนคันมุจะกิ (天文館むじゃき)
หน้าร้านครับจะสังเกตง่ายมากเลยละครับ เพราะว่าจะมีหมีสีขาวตัวใหญ่อยู่ โดยทางร้านจะมีสองชั้น และผมจะขึ้นไปทานบนชั้นสองครับ
พอหาที่นั่งได้แล้ว ก็ไปสั่งเมนูกันเลยครับมีให้เลือกหลากหลายแบบมากๆ
แน่นอนว่าผมก็สั่งเป็น ชิโรคุมะ (白熊) เมนูขึ้นชื่อของคาโกชิมะนั่นเอง
รอสักครู่ก็มาเสิร์ฟให้อยู่แล้วล่ะครับ บอกได้คำเดียว ใหญ่มากครับ คนเดียวทานไม่หมดแน่นอนครับ โดยส่วนประกอบก็มีผลไม้หลากหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น ส้ม, สับปะรด, มัน, เผือก, แอปเปิ้ล, กล้วย, ลูกเกด, ถั่วดำ, ถั่วแดง, เจลลี่, วุ้นมะพร้าวและอื่นๆ อีกมากมายครับ แน่นๆ เลย
อิ่มอกอิ่มใจอิ่มท้องแล้วเราก็มาเดินเล่นกันที่ถนนคนเดินที่ผ่านมาเมื่อสักครู่ ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้ามากมายให้เดินช้อปปิ้งซื้อของฝากต่างๆ ได้เพลินๆ เลยครับ
เดินเที่ยวกับจนเพลินและได้ของกลับไปฝากคนทางบ้านแล้ว เป้าหมายต่อไปที่เราจะเดินทางไปก็เป็นเรื่อง..... กิน อีกแล้วครับ ฮ่าๆ โดยเราจะเดินทางด้วยการขึ้นรถแทรม หรือรถรางกลับไปสถานีคาโกชิมะชูโอกันเลยครับ (鹿児島中央駅前)
ภายในรถรางครับ
พอลงจากรถรางแล้ว เราก็จะพบกับอนุสรณ์สถานบุคคลสำคัญของคาโกชิมะครับ แวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกก้นได้ จากนั้นก็เดินไปร้านอาหารกันเลย โดยสถานที่ๆ เราจะไปนั้นเป็นแหล่งรวมร้านอาหารหลายๆ ร้านๆ ไว้ในที่แห่งเดียว ให้เพื่อนๆ ได้เลือกอิ่มได้ตามสบายเลยละครับ ที่แห่งนี้เรียกว่า คาโกะมะฟุรุซะโตยาไตมุระ (かごっまふるさと屋台村) โดยสถานที่แห่งนี้เปิดให้บริการมากว่า 5 ปีแล้ว และมีร้านอาหารมากถึง 25 ร้านให้ได้เลือกกันครับ
มีร้านให้ท่านเลือกนั่งได้ตามสบาย และมีเมนูอร่อยๆ เพียบ ไม่ว่าจะเป็นหมูคุโรบุตะ, เนื้อคาโกชิมะสเต๊ก หรือท่านที่ต้องการผ่อนคลายกับโชจูหรือเหล้าญี่ปุ่นนั้นก็ยังมีให้บริการครับ
และร้านที่ผมเลือกวันนี้คือร้าน ซัทสึมะกุริรุจูมารุครับ (薩摩グリルじゅーまる) โดยเมนูขึ้นชื่อของทางร้านคือ หมูคุโรบุตะ และเนื้อคาโกชิมะกิวครับ ที่จังหวัดคาโกชิมะนั้นก็ถือว่าเป็นแหล่งเนื้อวัวที่ยอดเยี่ยมแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นเลยนะ
มาแล้วครับเมนูสเต็กคาโกชิมะกิว
พร้อมเครื่องเคียงลิ้นย่างครับ อร่อยนุ่มสุดเลยละครับ
และเครื่องเคียงอีกจานคือสลัดรากบัวหรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่าโกโบครับ
คราวนี้ล่ะอิ่มของจริงแล้วครับ 555 หลังจากนี้ก็เราเข้าโรงแรมพักผ่อนกันดีกว่า เพราะพรุ่งนี้เรายังมีที่ที่ต้องอีกเยอะแยะเลย โดยโรงแรมที่ผมจะพักครั้งนี้ชื่อโรงแรม โซลาเรีย นิชิเททสึ คาโกชิมะ (ソラリア西鉄ホテル鹿児島)ครับ สามารถสังเกตเห็นได้ง่ายจากสถานีครับ เพราะตั้งอยู่หน้าสถานีเลยล่ะครับ
ทางเข้าโรงแรมครับ เดินเข้าไปและขึ้นลิฟต์ไปชั้นล็อบบี้ชั้น 7 ได้เลยครับ
ทำการเช็คอินและเข้าห้องพักกัน ห้องพักถือว่าดีมากเลยครับ ทั้งห้องน้ำ, ความกว้าง, สิ่งอำนวยความสะดวกและที่สำคัญวิวดีมากเลยล่ะครับ
หากรู้สึกหิวๆ ขึ้นมากลางดึก ท่านสามารถลงไปหาอะไรทานได้ที่ชั้นใต้ดินของโรงแรมครับ ซึ่งจะมีร้านอาหารมากมายไว้ให้บริการครับ
นอกจากนั้นที่ละแวกโรงแรมก็ยังมีร้านสะดวกซื้อ Lawson ที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมงด้วยครับ
จบทริปวันแรกในจังหวัดคาโกชิมะเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ และวันพรุ่งนี้เราจะมาลุยในคาโกชิมะกันต่อ ตอนนี้ขอตัวไปนอนพักผ่อนก่อน แล้วเจอกันใหม่ในวันพรุ่งนี้ ติดตามอ่านต่อได้ที่นี่เลย
http://www.jgbthai.com/kagoshima-2/