รีวิวพาเที่ยว Studio Ghibli Museum @ Toyko

ใครเป็นแฟนหนัง animation ของค่ายนี้ก็คงอยากไปที่นี่สักครั้งใช่ไหม เราก็เหมือนกัน ใจมันก็เรียกร้องอยากไปเหลือเกิน ได้เวลาอันเหมาะแล้วก็เลยวางแพลนไปในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน (ปี 2017)

ก่อนไปก็ต้องหาตั๋วให้ได้ก่อน เพราะตั๋วไม่มีขายหน้าพิพิธภัณฑ์ ต้องซื้อล่วงหน้าอย่างเดียว แล้วเป็นที่รู้กันว่าเนื่องจากพิพิธภัณฑ์จำกัดจำนวนผู้เข้าชม เลยทำให้ตั๋วซื้อยากนิดนึง โดยปกติแล้วเราสามารถซื้อได้จากตู้ขายตั๋วในร้าน lawson ที่ญี่ปุ่นด้วย แต่มันจะเหลือไหมกว่าเราจะไปถึง ไม่เป็นไร เราสามารถซื้อออนไลน์ได้เอง โดยทางพิพิธภัณฑ์จะเปิดจำหน่ายตั๋วล่วงหน้าหนึ่งเดือน ทุกวันที่ 10 ของเดือน เวลา 10.00 น.( เทียบเวลาไทยคือ 8.00 น.) ตั๋วจะหมดเร็วมาก เพราะฉะนั้นถ้าใครตั้งใจไปเตรียมตัวไว้ได้เลย ตั๋วผู้ใหญ่ราคา 1,000 เยน(ไม่รวมภาษี)



วิธีการเดินทาง : เดินทางมาลงที่สถานี JR , Mitaka station ออกจากสถานีเลี้ยวซ้ายจะมีป้ายรถเมล์ไปพิพิธภัณฑ์ แนะนำให้ซื้อตั๋วเหมาไปกลับเลย 320 เยน ตู้ขายตั๋วอยู่ตรงป้ายรถเมล์ รถบัสน่ารักมากเป็นสีเหลืองมีตัวการ์ตูน พอรถบัสมาจอดป้ายนี่เด็กๆที่เข้าแถวรอร้องตื่นเต้นกันใหญ่ ทำเอาเราพลอยตื่นเต้นไปด้วยเลย หรือใครจะสะดวกเดินชมวิวไปเรื่อยๆก็ได้ ระยะทางประมาณ 1.3 กม. ไม่ไกลมากค่ะ







ปะ เข้าไปเที่ยวกันได้แล้ว!!

มาต่อคิวเข้ารอบ 10 โมง เรามาถึงเวลาประมาณ 9 โมงครึ่งแถวก็ยาวไปนู้นแล้ว มีคุณแม่ชาวญี่ปุ่นพาลูกๆมาเที่ยว และมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะมาก นักท่องเที่ยวทางยุโรป มากันเยอะเลย เตรียมตั๋วที่พิมพ์มาและพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่ตรวจด้วยนะคะ ข้างในพิพิธภัณฑ์ห้ามถ่ายรูปนะคะ


พิพิธภัณฑ์มีทั้งหมด 3 ชั้น และมีชั้นดาดฟ้าที่มีหุ่นลาพิวต้า (ชั้นนี้ต้องขึ้นบันไดวนเท่านั้น)






  • ชั้น B1 มีโรงภาพยนตร์ขนาดเล็ก เข้าดูได้คนละรอบเท่านั้นนะคะ โดยจะเปลี่ยนเรื่องไปทุกเดือน เดือนที่เราไปได้ดูเรื่องการผจญภัยของเมจังกับแคทบัส โอย น่ารักมาก เรื่องสั้นๆแต่น่ารักประทับใจที่สุด และมีส่วนจัดแสดง "The Beginning of Movement " ก็จะเป็นคล้ายๆกับวิวัฒนาการการสร้างแอนิเมชัน อันนี้ดีนะ มีส่วนที่แบบตื่นตาตื่นใจจนต้องไปยืนมองนานๆด้วย  คืออย่างเรารู้กันใช่ไหมว่าแอนิเมชันเนี่ยเวลาวาดก็จะวาดเป็นเฟรมแล้ววาดขยับส่วนที่จะให้เคลื่อนไหวไปทีละนิดๆ แล้วนำมาฉายต่อกันด้วยความเร็ว เลยทำให้ดูเหมือนเป็นภาพเคลื่อนไหวเนื่องจากเป็นภาพติดตา แต่ที่นี่เขาทำเป็นฟิกเกอร์ เรียงเป็นชั้นๆ แล้วก็หมุนได้เหมือนม้าหมุน แต่ละชั้นก็จะมีตัวการ์ตูนหนึ่งแบบแต่มีหลายตัวมากซึ่งแทนภาพในแต่ละเฟรม (มีกระโดดเชือกด้วย) แล้วมันก็จะหมุนๆๆ ทำให้มันเคลื่อนไหว คือเพลินมากเราไปยืนดูนานเลยค่ะ

  • ชั้น 1 ชั้นนี้เราชอบมากเดินเข้าเดินออกอยู่นั่นแหละ มีส่วนจัดแสดง "Where a Film is Born" เราขอตั้งชื่อว่า ตำนานจิบลิ มีตั้งแต่ภาพร่าง,ภาพวาดของแอนิเมชันเรื่องต่างๆของจิบลิ ไปยืนส่องยังไงก็ไม่เบื่อไม่พอ มีตรงส่วนที่แสดงถึงการลงสี มีขวดสีโชว์ด้วยว่าเฉดสีเยอะมากๆ มีรูปเกี่ยวกับแบคกราวน์และตู้ที่ให้เราหมุนๆฉากแบกกราวด์ ทำให้เหมือนตัวการ์ตูนกำลังเคลื่อนที่ไป และมีส่วนที่เราชอบมากๆคือเขาเอาสตอรี่บอร์ดมาจัดแสดงด้วย มาเป็นเล่มเลย แล้วเป็นเรื่องที่เราชอบมากๆทั้งสองเรื่องด้วย คือเรื่อง When Marni was there กับเรื่อง From up on poppy hill คือ When Marni was there นี่เราจำได้แทบทุกฉาก  แล้วในสตอรี่บอร์ดก็เป๊ะๆ ส่วนเรื่อง From up on poppy hill นั้น กราบในความละเอียดของฉากที่อยู่ในชมรมที่มีหนังสือเยอะๆ และฉากในโรงเรียนที่มีคนเยอะๆ คือละเอียดมาก นึกกว่าอ่านการ์ตูนเล่มเลยค่ะ

  • และจะมีในส่วนนิทรรศการพิเศษที่ช่วงที่เราไปเป็นการจัดแสดง "Delicious Animating Memorable Meals" ก็จะเกี่ยวกับอาหาร มีตั้งแต่ตัวอย่างอาหารจำลองจากแอนิเมชัน (เหมือนอาหารจำลองหน้าร้านอาหารญี่ปุ่น) เค้กของกิกิน่ากินมากกก  มีโต๊ะอาหารเหมือนในร้าน วางเมนูที่มีรูปอาหารและบอกว่ามาจากเรื่องไหนบ้าง เขาให้ดูเฉยๆนะสั่งไม่ได้ แล้วเดินเข้าไปอีกเขายกครัวของบ้านเมจัง (My Neighbor Totoro) มาจำลองไว้ค่ะ เหมือนเด๊ะ แล้วยังมีครัวจากเรื่อง Castle in the sky ด้วยนะ ดูนิทรรศการนี้แล้วหิว เราเลยออกไปหาของกินที่ส่วนที่เป็นระเบียงกว้างๆในชั้นเดียวกัน มี Straw Hat Cafe' ซึ่งคิวยาวมากเรารอไม่ไหวก็เลยซื้อแซนวิสตรงCafe' Deck Area ที่อยู่ใกล้ๆกัน นั่งกินแถวๆนั้นแทน ราคาค่อนข้างสูงค่ะ
    บรรยากาศเพิ่มเติมของ"Delicious Animating Memorable Meals”


https://www.kotaku.com.au/2017/05/studio-ghibli-celebrates-delicious-anime-food/






  • ชั้น 2 ชั้นแห่งการล้มละลาย มาชั้นนี้แล้วกระเป๋าตังค์เจ็บหนักมาก มีร้านขายของที่ระลึก Mamma Aiuto ซึ่งมีของน่ารักๆเยอะมากๆ ราคาก็ถือว่าแพงในระดับที่ยอมรับได้ (เพราะน่ารัก) พวกเข็มกลัดมีหลายลายมาก ราคาเริ่มต้นที่ 450 เยน มีโปสการ์ด ,ตุ๊กตา ,music box, แก้ว/จาน/ชาม, เยอะแยะมากมาย ชวนให้เสียตังค์ไปหมด นอกจากนั้นชั้นนี้ยังมีห้องหนังสือ และ Cat Bus Room สำหรับเด็กๆด้วย (จำกัดอายุไม่เกิน 12 ปี) เด็กๆเล่นกันสนุกสนานใหญ่เลย เราก็แอบอิจฉา อยากเล่นมั่งค่ะ




  • ชั้นดาดฟ้า ต้องเดินบันไดวนขึ้นไป มีสวนเล็กๆและมีหุ่นลาพิวต้าอยู่ ซึ่งคนก็ต่อคิวถ่ายรูปยาวมากค่ะ


โดยภาพรวมของพิพิธภัณฑ์เราว่าเขาทำได้ดีเลยนะคะ  มีนั่นนี่เล็กๆน้อยๆให้พอสนุกๆ  อย่างที่เราชอบก็มีทางเดินเล็กๆในตัวอาคารทำเป็นสะพานข้ามไปอีกฝั่ง เราเดินข้ามไปมาหลายรอบอยู่ แล้วก็มีบันไดวนๆให้ขึ้นไปข้างบน และตรงชั้น B1 ก็มีส่วนนอกอาคารใกล้ๆกับล็อกเกอร์ฝากของ มีปั้มน้ำ มีบ้านเล็กๆ จัดให้เหมือนมีคนอยู่ข้างใน จริงๆพิพิธภัณฑ์ไม่ได้ใหญ่มากเลยนะ แต่ผลงานที่เขาเอามาโชว์มันเยอะมาก อย่างพวกรูปวาดต้นฉบับนี่ก็ติดทั่วห้อง ติดจนแทบจะไปถึงฝ้าด้านบน เราก็ส่องไปสิ นี่มาจากเรื่องนั้นเรื่องนี้ ฉากนี้เราจำได้ ก็กรี๊ดในใจอยู่คนเดียว คือดีมากกก ใครรัก Ghibli ควรมาสักครั้งจริงๆนะ








เราอยู่ตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึงเกือบ 4 โมงเย็น มารอบแรกนี่มีเวลาเหลือเฟือเลยค่ะ


(รอบเข้าชมมี 10.00/12.00/14.00/16.00) เวลาซื้อบัตรรอบแรกจะเต็มไวสุด ถึงเวลาลาแล้วก็ไปขึ้นรถบัสที่ป้ายเดิมที่เมื่อเช้าลงมา เพราะรถวิ่งวน กำลังจะกลับมานึกขึ้นได้ว่าแล้วโตโตโร่ตัวใหญ่ล่ะ ยังไม่เจอกันเลย เราเลยเดินไปอีกทางนึงเป็นทางเข้าพิพิธภัณฑ์ คือ Totoro Reception อยู่ตรงทางเข้าตรงป้ายพิพิธภัณฑ์เลย แต่ป้ายรถเมล์มันอยู่ด้านหลังเมื่อเช้าเราเลยไม่เจอ มาเจอกันตอนจะกลับแทน












ช่วงที่เราไปคือเดือนพฤศจิกายน 2017 นะคะ นิทรรศการพิเศษตอนนี้ก็จะเปลี่ยนไป และมีหนังสั้นที่เปลี่ยนทุกเดือนค่ะ ส่วนการจองตั๋วยังคงเดิม พิพิธภัณฑ์จะมีวันหยุดประจำปีด้วยนะคะ รายละเอียดต่างๆสามารถเช็คได้จากเว็บไซด์ตามลิ้งค์ด้านบนเลยค่ะ (มีภาษาอังกฤษค่ะ)

สุดท้ายแล้วเราก็ยังยืนยันคำเดิมว่า คนรักจิบลิต้องมาที่นี่สักครั้งในชีวิตจริงๆค่ะ มาแล้วแล้วจะหลงรักจิบลิมากขึ้นกว่าเดิมด้วยนะคะ