อากิตะใต้สายสโลว์ไลฟ์ ตอนที่ 5 Jeunesse สกี

มาเมืองหิมะทั้งที ไม่เล่น สกี ได้ไง


ที่จริงก็ได้อยู่ค่ะ (ฮ่า~) สำหรับคนไม่ถนัดกีฬาอาจจะรู้สึกอยากปิดเอนทรี่นี้หนีไป แต่อย่าเพิ่งค่ะ!!! ด้วยเกียรติคนแกล้งป่วยในชั่วโมงพละมากว่าทศวรรษอย่างเรา เราขอยกมือห้ามคุณเอาไว้ก่อนเลย! เพราะวันนี้เราจะมาสนุกกับสกีกันค่ะ~ และคุณก็ไม่ควรพลาดด้วย! ถ้าคนอย่างเราเล่นได้ คุณก็ทำได้ (อันนี้พูดจริงไม่ได้โม้อย่างในคลิปออกกำลังค่ะ)



หลังจากที่พวกเราได้อุ่นร่างกายกันด้วยนิฮงชูชั้นดีแล้ว เราก็นั่งรถมาที่พักคืนนี้ซึ่งก็คือยามะยูริรีสอร์ตกันค่ะ ซึ่งที่พักในคืนนี้ยังมีลานสกีที่ชื่อว่า Jeunesse ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เราจะทำกันในบ่ายนี้ด้วย ที่จริงต้องบอกว่าเรากลัวมากเพราะนี่คือสกีครั้งแรกของเรา เราไม่ใช่สายกีฬาทางบกและไม่ถูกกับอากาศเย็นจัดด้วย ปกติเราจะไปทดแรงลอยตัวในน้ำมากกว่าเพราะฉะนั้นเรากังวลมากกับสกี แต่ด้วยความคิดที่ว่า “สักครั้งในชีวิตป่ะล่ะ” ก็ทำให้เราคว้าขวดน้ำร้อนและไปนั่งเตรียมตัวในห้องอาหารของลานสกีกับทุกคนจนได้

พอมาถึงที่ลาน สกี ทางสตาฟก็ให้เราเอาของส่วนตัวไว้รวมกันที่ห้องก่อน ก่อนที่จะพาเราไปทางอาหาร ซึ่งอาหารที่ลานสกีนั้นเป็นแบบ กดเมนูที่ตู้แล้วไปยื่นให้ร้านอาหารค่ะ ทางร้านก็จะให้บัตรคิวเรามา เราก็มานั่งรอจนกว่าเขาจะเรียกเราทานอาหาร ซึ่งตรงนี้เองคือเรื่องพลาดเรื่องแรกของเรา



 “บับ~ เรามันก็ผู้หญิงตัวเร้ก ๆ” อ่านด้วยเสียงที่น่าหมั่นไส้นะคะ

เราก็ไม่ค่อยหิว เลยขอสั่งแค่ทาโกะยากิแล้วกัน~ (แต่กินคนเดียว 6 ลูกนะ) จะว่าไปทาโกะที่นี่อร่อยค่ะ มันไม่ถึงกับว้าว แบบของเกียวโตนะคะ ฟีลที่นี่จะกรอบนอกนุ่มในเนื้อแน่น คือกรอบจริงอะไรจริง สาบาน~ อร่อยมาก แป๊บเดียวก็หมดค่ะ พอทานหมดทางกลุ่มก็นั่งคุยกันไปรอเวลาห้องเช่าชุดเปิดในตอน 13:00 น. เพื่อจะได้ไปเช่าชุดที่จะใช้เล่นสกีกัน ซึ่งเราก็ถามคนอื่นมาเรื่อย ๆ ว่าสกีเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อหาข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจของคนตาขาวอย่างเรา (ฮ่า) และแล้วก็ถึงเวลาค่ะ พวกเราได้รับคำแนะนำให้เอาของมีค่าอื่น ๆ เก็บใส่ในห้อง เอาไปแต่โทรศัพท์เท่านั้น แน่นอนว่าตอนนี้ลานสกีมีหิมะตกตลอด เราจึงไม่ควรพกกล้องและเครื่องมือที่จะพังออกไปค่ะ

เสื้อสำหรับเล่นสกี

เมื่อเก็บของเสร็จเราก็มากันที่ห้องแต่งตัวค่ะ ซึ่งทางลานสกีที่ได้สอบถามน้ำหนัก ส่วนสูง และไซส์รองเท้าของเราไว้ล่วงหน้าก็ได้เตรียมชุดให้เราเอาไว้แล้วค่ะ และชุดสีเขียวสดใสเห็นตั้งแต่ยอดเขาชุดนี้คือชุดของเราเอง! เนื่องจากเราสูงโปร่งตัวโตมาก… จึงได้ชุดไซส์เด็กโตมาค่ะ (ห้ามขำตอนนี้ค่ะ เก็บเสียงไว้ขำตอนเห็นสกีดีกว่าค่ะ ) คือแบบชุดเด็ก ๆ ก็จะสีสันที่เห็นได้แต่ไกลแบบนี้แหละค่ะ เพื่อความปลอดภัยไง!

ชุดสกีก็จะประกอบด้วย เสื้อสกี (ผ้าร่มกันลมกันน้ำ) กางเกงสกี (ผ้าร่มกันลมกันน้ำเช่นกัน) หมวกไหมพรมแบบแนบศีรษะ แว่นกรองแสงเพราะเวลาที่หิมะสีขาวสะท้อนแดดเนี่ยสายตาเราจะเสียได้เลยนะคะจำเป็นต้องใช้ค่ะ ซึ่งราคาการเช่าชุดทั้งหมดของที่นี่ไม่เกินคนละ 4000 เยนค่ะ

ตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าเราเลือกจะสวมทับฮีทเทคไปเลยค่ะ เอาออกแค่โค้ท อ้อ ต้องบอกสูตรการใส่เสื้อผ้าในที่หนาวสินะคะ ของเราใส่เป็นอัลตราฮีทเทค (แบบบุ) ข้างใน สวมฮีทเทคผ้าฟรีซคอเต่าข้างนอก ส่วนท่อนล่างเราใส่ถุงน่องฮีทเทคกับกางเกงยีนส์แนบตัว ถุงเท้าธรรมดาค่ะ อุณหภูมิติดลม ลมพัดหิมะตก แต่อุ่นจนเหงื่อออกหลังจากใส่ชุดสกีทับไปค่ะ 

ขอลงรายละเอียดอีกนิด


ในการเลือกชุดและอุปกรณ์สกีเนี่ย ใครไปครั้งแรกให้โปรเขาเลือกให้เถอะนะคะ เพราะมันเป็นเรื่องความปลอดภัยของเราเนอะ เสื้อผ้าไม่ควรรุ่มร่ามไป รองเท้าสกีต้องพอดีเพื่อไม่ให้บาดเจ็บ หมวกและแว่นควรพอดี อ้อ ใครผมยาวเก็บผมด้วยนะคะ อันตรายเนอะ~ ของเราชุดพอดี แต่แว่นตาค่อนข้างหลวมแบบใหญ่เกินหน้า แต่ก็หาไซส์พอดียากเหมือนกันค่ะใครที่คิดเล่นประจำหรือไปที่หิมะตกบ่อยๆ ซื้อส่วนตัวเลยก็ได้ค่ะ ราคาไม่ได้สูงมาก

ล๊อคเกอร์ในห้องเปลี่ยนชุดก่อนเล่นสกี

เมื่อแต่งตัวเสร็จกันทุกคน โดยมีเข้าหน้าที่เช็คความเรียบร้อยเครื่องแต่งกายว่ารัดกุมดีแล้ว เราก็เอาของรวมกันไว้ในล็อคเกอร์หยอดเหรียญค่ะ ก่อนจะสวมถุงมือสกีและแว่นตาก่อนจะหิ้วสกีของใครของมันออกไป อ้อ~ เรื่องสกี ขนาดและความยาวสกีนั้นจะวัดจากความยาวขาและความสูงเพื่อให้เหมาะกันผู้เล่นนะคะ รบกวนถามครูฝึกด้วย



และนี่คือสกีของเราค่ะ ซึ่งก็จะแตกต่างกับของคนอื่นที่มีส่วนสูงต่างกัน ( ˊ̱˂˃ˋ̱ ) 

รองเท้าสกีเป็นบู๊ทล้อกขาแบบสูงค่ะ เวลาเดินห้ามลากเท้า ให้ยกขาสูง เท่านั้น และงอเข่าได้น้อยด้วย ตอนเราแบกสกีไปใจก็คิดนะ รองเท้าหนักมาก เราจะไหวมั้ย แต่พอไปถึงลานแล้วจะถอยก็ไม่ได้นะคะ เราก็เริ่มจากการวอร์มร่างกายไปพร้อม ๆ กับทุกคนก่อนค่ะ การวอร์มร่างกายเขาก็ไม่ได้ให้วอร์มจนมีเหงื่อนะคะ แค่แบบยืดเส้นยืดสาย พอวอร์มเสร็จเทรนเนอร์ก็สอนวิธีสวมสกีค่ะ ซึ่งนั่นก็คือการกระแทกเท้าลงไปนั่นเอง ใครไม่ได้ก็พยายามทิ้งน้ำหนักตัวลงค่ะ มันช่วยได้~ เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็จะให้เราฝึกเดิน แบบยกขา ก้าวชิดก้าวแตะ สไลด์ตัวด้วยขาเดียวทีละข้าง สไลด์ตัวด้วยสองขา โดยเราจะได้ใช้ไม้ทั้งหมด และตรงนี้มันจะมีตรงที่เป็นเนิน ซึ่งมือใหม่ควรระวังค่ะ



หลังจากที่สไลด์ตัวในพื้นราบกันซักพัก เราก็เริ่มถูกสั่งให้เดินขึ้นเนินโดยเดินตะแคงตัวไปค่ะ เราไม่สามารถที่จะพุ่งตัวขึ้นเนินได้เลย เราต้องเดินแบบก้าวชิดก้าวแตะไปข้าง ๆ โดยโยกตัวขึ้นเนินเข้าไว้งอเข่าเอียงไปทางเนินค่ะ ซึ่งตรงนี้เหนื่อยมาก สารภาพว่าแรงทาโกะหมดตั้งแต่ตรงนี้แล้ว

พอถึงเนินเทรนเนอร์ก็สอนให้เราเบรคค่ะ ซึ่งการเบรคก็คือการกางขากว้างให้ปลายเท้าหันเข้าหากันค่ะ มันดูเหมือนง่าย แต่ถ้าง่ายก็คือไม่ใช่อ่ะค่ะ... เราก็สไลด์ไปข้างหน้าเบรคทำแบบนี้วนอยู่พักหนึ่ง เทรนเนอร์ก็สั่งให้พวกเราปักไม้ค้ำไว้กับกองหิมะ แล้วนั่งสโนว์โมบิลล์ขึ้นไปบนเนินทีละคน และสไลด์ตัวลงมา ถ้าไวไปก็เบรค และสไลด์ต่อ แบบฟรีแฮนด์ ตรงนี้เราได้แต่คิดและก็สงสัย ว่าพี่จะให้น้องฝึกกับไม้ทำไม แล้วพี่ก็ปล่อยน้องลงฟรีแฮนด์…



ในตอนที่เราสไลด์ลงจากเนิน เราจะต้องลงมาในท่าเก้าอี้ลมอ่ะค่ะ แบบงอเข่าแบบนั่งเก้าอี้ โน้มตัวมาข้างหน้า ยื่นแขนตรงค่ะ ตอนอยู่บนเนินนะคะ มันก็ง่ายแต่จังหวะที่เราลงมาอ่ะค่ะมันเร็วมาก และอย่างที่บอกไปว่าเราเล่นสกีกันวันที่หิมะตกค่ะ จังหวะที่เราลงลมหิมะก็พัดเข้าหน้าพอดี เราก็เลยหงายล้มไปข้างหลังค่ะ หวา~ ฟังดูน่ากลัวใช่มั้ยคะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ เราก็ค่อย ๆ หาทางลุกใหม่ แรก ๆ ก็ให้เซนเซช่วยค่ะหลัง ๆ เริ่มลุกเองได้ ล้มในหิมะมันไม่เจ็บหรอกค่ะ



เราก็เล่นสกีไปเรื่อย ๆ ค่ะ ประมาณ 3~4 รอบอยู่ ก่อนที่หิมะจะเริ่มตกหนักและพวกเราก็หมดแรง เซนเซก็ให้เราเข้ามาพักและเซนเซก็เลี้ยงพิซซ่าพวกเราค่ะ เราได้เติมพลังกันไปคุยกันไปในตอนนี้ใครที่เหนื่อยแล้วเทรนเนอร์ก็อนุญาตให้ไปพักได้ แต่ทางเราขอเล่นต่อและเซนเซก็ได้เสนอสิ่งที่เรียกว่า โซริ ให้ค่ะ มันคือสิ่งที่คล้ายกับเลื่อน(?) แต่ไม่มีอะไรลากค่ะ เราก็ลองค่ะ มาแล้วต้องลอง

แต่... มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคาดค่ะ เพราะการเล่นโซริคือเราไปนั่งในเลื่อนเก็บขาเก็บแขนและไถลลงมาจากเนินหิมะ... ใช่ค่ะ แบบนั้นเลย รู้ใช้มั้ยคะว่าตอนสกีเราคุมความเร็วไม่ได้แต่หยุดและชลอมันได้ แต่อันนี้.... เยสสส!! เราคุมอะไรไม่ได้เลย ตัวแทนสาวไทยไปไถลตัวลงจากเนินสองสามรอบ แล้วพอลงมาอ่ะค่ะ ที่ราบมันไม่ได้กว้างมากพอที่โซริจะหยุดเอง เราต้องทำการสละเรือด้วยตัวเอง นั่งก็คือทิ้งตัวออกจากเลื่อนนั่นเอง สนุกมากกกก



ฮ่า~ หลังจากเล่นได้ซักพัก พอหิมะตกหนาตาขึ้นเราก็ถูกเรียกเข้าไปในที่พักค่ะ และเหล่าสตาฟท์ก็ช่วยเหลือเราในการปลดชุดออกค่ะ เอาจริง ๆ คือหิวมากเหนื่อยมากและเหงื่อออกค่ะ เราก็ทำการขอบคุณเทรนเนอร์ทุกคนก่อนจะจะเอาของออกจากล๊อกเกอร์และแยกเข้าห้องส่วนตัวไปค่ะ



ที่โรงแรมแห่งนี้ ชื่อโรงแรมยามะยูรินะคะ มีห้องสองแบบคือแบบญี่ปุ่นกับแบบเวสเทิร์นค่ะ เราทุกคนได้ห้องแบบเวสเทิร์น เราก็เข้าไปเอาของไว้และควานเอาขนมทุกอย่างออกมาทานค่ะ คือมันหิวมากกกกกก (จริง ๆ นะคะ) ไม่สามารถรอถึงเวลาอาหารเย็นได้จริง ๆ ฮ่า ๆ และที่สำคัญวันนี้ ห้องน้ำเราไม่มีห้องอาบน้ำแยกในห้องแล้วนะคะ เราต้องไปออนเซนเท่านั้น เนี่ย~ไฟล์ทบังคับก็มา (ฮ่า)



ขอเล่าถึงอาหารเย็นก่อนแล้วกันค่ะ เราไปทานอาหารเป็นเซ็ทของทางโรงแรมที่ห้องอาหารรวมกับทุกคนค่ะ ซึ่งเมนคอร์สวันนี้ก็คือหม้อไฟนั่นเอง เห็ดอร่อยมากหวานฉ่ำหอมมม ซาซิมิ ไข่ตุ๋น ของทอดและมิโซะค่ะ เราชอบมิโซะของอากิตะมาก ปกติอยูโตเกียวจะได้ทานแต่มิโซะที่ใส่สาหร่ายคมบุกับเต้าหู้ แต่มิโซะที่นี่จะใส่อะไรก็ได้ที่อยากใส่ ที่เป็นของขึ้นชื่อ และที่ยามะยูรินี้ก็ใสเผือกลงไป คือมันหอมมากอ่ะค่ะ





และวันนี้ของโปรดเราก็คือเทมปุระค่ะ อันนี้ขอยกเป็นเดอะเบสเพราะอร่อยมาก ฟักทองหวานมาก ไปให้สุดและหยุดที่คำว่าอ้วน ของหวานก็อร่อย เป็นวุ้นที่มีผลไม้สดและท๊อปด้วยเชอร์เบตยูสุค่ะ หอมอร่อยฝุด ๆ พอทานเสร็จเราก็ไปพักผ่อนสักพักเพื่อรอเวลาค่ะ รออาหารย่อยส่วนหนึ่ง และรอให้คนในโรงอาบน้ำอาบกันเสร็จแล้วส่วนหนึ่งด้วยค่ะ (ฮ่า)

 

และก็เหมือนทุกที่ค่ะ ที่นี่มีการแยกโรงอาบน้ำชายหญิงค่ะ เราก็ไปในช่วงอีกครึ่งชั่วโมงโรงอาบน้ำปิด อาบน้ำและแช่ตัวในออนเซนสบาย ๆ เอาเข้าจริง ออนเซนในภูเขาหิมะมันสุดยอดจริง ๆ เนอะ พอกล้ามเนื้อเริ่มคลายในน้ำร้อน เราจึงรู้ว่า วันนี้ที่เราออกกำลังไปนี่มันก็ปวดล้าเหมือนกันนะ (ฮ่า)

พอถึงตรงนี้เราก็อยากชวนทุกคนให้ลองมาที่รีสอร์ตยามะยูริและลานสกี Jeunesse กันค่ะ ชวนดื้อ ๆ นี่แหละ เอาเข้าจริงเราไม่ใช่สายกีฬาผาดโผนอยู่แล้ว สกีหิมะไม่ได้อยู่ใน life’s bucket list เลยค่ะ มันเป็นเรื่องที่จะเล่นก็ได้ไม่เล่นก็ได้สำหรับเรา แต่พอได้มาเล่นแล้วมันก็สนุกดีนะ~  ถึงตรรกะมันจะคือการพุ่งตัวลงจากเนินสูงเฉย ๆ ก็เถอะแต่ล้มในหิมะมันไม่เจ็บไงความเร็วตอนที่กำลังลงเนินมันก็กระตุ้นให้เราสนุกเหมือนกัน

ก่อนเล่นเราก็กลัวอย่างที่บอกไป แต่พอเล่นมันก็ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกค่ะ มันไม่ใช่สิ่งที่ไกลจากความสามารถของมนุษย์คนหนึ่งค่ะ แต่เรื่องสนุกไม่สนุกอยู่ที่จริตคนมากกว่า แต่ที่แนะนำก็เพราะว่าชีวิตคนเราครั้งหนึ่งได้ลองทำอะไรที่ไม่คิดว่าจะทำสักครั้งมันก็ดีเหมือนกันนะคะ แบบก็ไม่คิดจะทำแต่ไหน ๆ ก็มาแล้วลองทำซักหน่อย แล้วที่นี่ก็ปลอดภัยเซนเซใจดี คนไม่เยอะเล่นได้สบาย ๆ ค่าจ้างรวมเช่าอุปกรณ์ครึ่งวันไม่ถึง 10,000 เยน บวกขนมอาหารกลางวันและอื่น ๆ อีก สำหรับประสบการณ์ที่ได้แล้วไม่แพงเลยค่ะ ลองดูสักครั้งเถอะ เผื่อว่าบางทีมันอาจจะกลายมาเป็นงานอดิเรกที่คุณชอบก็ได้นะ because you only live one.