ญี่ปุ่น เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ตั้งแต่ชมซากุระสีชมพูบานสะพรั่ง เพลิดเพลินไปกับกิจกรรมและวัฒนธรรมในหน้าร้อน ปีนเขาชมใบไม้แดงสีสวยๆ ไปจนถึงทริปเล่นสกีในฤดูหนาว สำหรับใครที่ไปเที่ยวครั้งแรก นอกจากข้อมูลสถานที่สวยๆ แล้ว เรื่องธรรมเนียมบ้านเขาก็สำคัญนะคะ วันนี้เราก็เลยมีธรรมเนียม 11 ข้อของประเทศญี่ปุ่นที่ค่อนข้างเซอร์ไพรส์ชาวต่างชาติมาฝากกัน เผื่อว่าใครยังไม่เคยไปหรือไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับธรรมเนียมญี่ปุ่นมากนักจะได้ไม่โก๊ะไม่เงิบกัน อิอิ
1. เลข 4 หายไปไหน????
ที่ประเทศญี่ปุ่น เลข 4 ถือว่าเป็นเลขอัปมงคลเช่นเดียวกับหลายๆ ประเทศในเอเชียตะวันออก เพราะว่ามันไปพ้องเสียงกับคำว่า "ตาย" ก็คล้ายกับเลข 13 ของฝั่งตะวันตกนี่แหละ เวลาขึ้นลิฟท์ก็ไม่ต้องแปลกใจที่ไม่มีชั้น 4 สำหรับตึกสูงๆ บางทีก็ไม่มีชั้น 40 - 49 เลยทีเดียว โดยเฉพาะชั้น 49 ถือว่าเป็นสุดยอดเลขอัปมงคล เพราะมันหมายถึง "ทรมานจนตาย"
2. จามเสียงดังในที่สาธารณะจะถูกมองว่าไม่มีมารยาท
การจามเสียงดังในที่สาธารณะ คุณจะโดนมองว่าเป็นคนไม่มีมารยาททันที คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักจะกลั้นจามไว้ แล้วไปจามในที่ๆ ปลอดคน แต่นอนล่ะ ว่ามันเป็นเรื่องลำบากมากสำหรับคนไม่เคยกลั้น ถ้ากลั้นไม่ไหวจริงๆ ก็พยายามจามให้เบาสุดเท่าที่จะเบาได้ก็แล้วกันจ๊ะ
3. ถ้าคุณให้ทิป คุณจะโดนวิ่งไล่แบบงงๆ
ในบ้านเรา เรามักจะให้ทิปตอบแทนในกรณีที่เราได้รับบริการที่ดี แต่ที่ญี่ปุ่นเขาไม่ได้มีธรรมเนียมนี้ ถ้าโชคดีหน่อยเขาก็จะแค่งงๆ ถ้าเจอคนที่เคร่งเขาจะรู้สึกไม่ดี รู้สึกอับอาย ถ้าคุณเผลอให้ทิปทิ้งไว้ ทางร้านเขาจะรีบวิ่งแจ้นเอาเงินมาคืนคุณทันทีเยี่ยงโดนซอมบี้ไล่ล่าเพราะนึกว่าคุณลืมเงินทอน ถ้ารู้สึกประทับใจในการบริการจริงๆ แนะนำว่าเอาเป็นของฝากชิ้นเล็กๆ น้อยๆ ก็พอแล้ว
4. เดินไปกินไปไม่สุภาพเท่าไหร่
มีอยู่มากมายหลายประเทศบนโลกที่ไม่ค่อยแคร์เรื่องเดินไปกินไป แต่ในญี่ปุ่นเขาก็จะมองว่าไม่ค่อยสุภาพ โดยเฉพาะของกินที่มันกินยากๆ แต่ก็ยังจะพยายามเดินไปกินไปให้ได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเคร่งอะไรมากมายนัก เพราะว่าบางอย่างก็โอเคพอเข้าใจได้อย่างเช่นไอศกรีมโคน
5. อย่าแปลกใจ ถ้าคุณโดนเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟดันเข้ารถไฟ
อย่างที่รู้กันว่าเมืองใหญ่อย่างโตเกียว ประชากรในเมืองจะหนาแน่นมากๆ โดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วน ถ้าคุณไปเที่ยวแล้วจำเป็นต้องขึ้นรถไฟเวลานั้นก็จะพบว่าคนมันแน่นเบียดเสียดมากชนิดที่ว่ารถไฟฟ้าในประเทศไทยกระจอกงอกง่อยไปเลยทีเดียว ดังนั้นสถานีรถไฟที่ญี่ปุ่นก็จะมีพนักงานในตำแหน่งที่เรียกว่า Oshiya หรือว่าพนักงานดัน ซึ่งจะมาทำงานเฉพาะชั่วโมงเร่งด่วนที่คนเยอะๆ เท่านั้น โดยหน้าที่ของพวกเขาก็คือเขาจะดันผู้โดยสารเข้าสู่ขบวนรถให้ได้มากที่สุดด้วยเทคนิคเฉพาะ เขาอาจจะต้องผลักแรงบ้างดังนั้นก็ต้องเข้าใจเขาหน่อยว่ามันเป็นเรื่องปกติ
6. การซบไหล่บนรถไฟ
การที่เรานั่งรถไฟฟ้าแล้วมีคนงีบหลับคอเอียงหัวเซมาซบไหล่ เป็นเรื่องปกติที่เจอได้บ่อยๆ และพื้นฐานของคนที่นั่นเขาจะเพิกเฉยกัน อย่างที่หลายๆ คนรู้ว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ทำงานกันหนักมากๆ ชนิดว่ามีคู่ชีวิตเป็นบริษัทเลยก็ว่าได้ และหลายคนก็เข้าใจถึงความเหน็ดเหนื่อยในการทำงาน ก็เลยไม่ได้แคร์เรื่องนี้เท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นที่ไทยนะ โดนผลักหัวทิ่มอ่ะ 55
7. อย่าลืมเปลี่ยนรองเท้าแตะล่ะ
ที่ญี่ปุ่นนั้น เวลาที่เราได้มีโอกาสไปที่บ้านสไตล์ดั้งเดิม, วัด, ร้านอาหาร, หรือว่าเรียวกัง เวลาที่เราเดินไปไหนมาไหนในพื้นที่เขาก็จะมีรองเท้าแตะไว้ให้สวมเพื่อความสะอาด แม้กระทั่งในห้องนํ้าก็มีรองเท้าแตะไว้ให้สวมด้วยเช่นกัน ฉะนั้นก็อย่าลืมสวมกันล่ะ
8. อย่าลืมของฝาก ถ้าไปเยี่ยมบ้านผู้อื่น
ในกรณีที่ได้มีโอกาสไปเยี่ยมบ้านบ้านผู้อื่นหรือว่าถูกเชิญให้ไปบ้าน เขาก็จะมีธรรมเนียมในการนำของฝากไปให้กับเจ้าบ้านด้วย ในทางกลับกัน ถ้ามีคนมาเยี่ยมก็ไม่ควรจะปฏิเสธของฝากจากเขา ยกเว้นเสียจากว่าจะเอ่ยปากบอกก่อนที่เจ้าตัวจะซื้อมาเยี่ยม
9. เสิร์ฟให้คนอื่นก่อนเสิร์ฟให้ตัวเอง
หลายคนอาจจะงงๆ อยู่ว่าเสิร์ฟอ่ะ เล่นเทสนิสเหรอ อะจ๊ากกก ไม่ใช่ หมายถึงเวลาที่ไปทานอาหารร่วมกัน เขาก็จะมีมารยาทบนโต๊ะอาหารว่าต้องเสิร์ฟให้ผู้อื่นก่อนที่จะเสิร์ฟให้ตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือเครื่องดื่ม ถ้าอยู่ดีๆ เรารินเครื่องดื่มให้กับตัวเองก่อน เขาก็จะมองว่าเราไม่ค่อยมีมารยาทเท่าไหร่
10. ทานราเม็งเสียงดัง เป็นการบ่งบอกว่าคุณมีความสุขในการทาน
ดูเหมือนว่าในไทยจะเป็นเรื่องไร้อารยะน่าอายมาก เวลากินบะหมี่เสียงดังซู๊ดๆ ดีไม่ดีก็ถึงกับโดนแอบด่าในใจยันไปถึงบุพการีกันเลยทีเดียว ฮ่าๆ แต่ในประเทศญี่ปุ่นการที่ทานบะหมี่เสียงดังนั้นเป็นการบ่งบอกว่าคุณมีความสุขในการทาน และเป็นการให้เกียรติกับพ่อครัวด้วย เขาจะรู้สึกมีความสุขมาก ในทางกลับกัน ถ้ากินเสียงเบา เขาก็จะคิดในใจทันทีว่าอาหารของเขามีจุดบกพร้องตรงไหนหรือเปล่า ทำไมลูกค้าทานแล้วไม่อร่อย ดังนั้นถ้าเราไปทานราเม็งที่ญี่ปุ่นแล้วถูกปากรสชาติเด็ดมากก็ซู้ดดังๆ ไปเลย กระดกชามยกซดเลยก็ได้ไม่ต้องเกรงใจ
11. เป็นเรื่องปกติที่จะนอนโรงแรมแคปซูลที่มีขนาดใหญ่กว่าโลงศพนิดเดียว
เนื่องจากเป็นประเทศที่มีประชากรอยู่เยอะ ยิ่งเฉพาะโตเกียว บางทีที่พักมันก็ไม่เพียงพอ ก็เลยมีการงอกโรงแรมแคปซูลเพื่อมารองรับประชากรที่หนาแน่น หรือว่าบางทีทำงานเลิกดึกก็ถือโอกาสมาใช้บริการนอนชั่วคราวแล้วพรุ่งนี้ก็ตื่นไปทำงานต่อ (แลดูชีวิตต้องสู้มาก) ใครไปญี่ปุ่นก็แนะนำให้ไปลองสัมผัสสักครั้งในชีวิตนะจ๊ะ
ขอบคุณภาพประกอบจาก
Martin Lewison
Russ Allison Loar
Katy Ereira
Reuters
Stephen Staley
Chris Gladis
Andrea Schaffer
Jeff Kramer
mckln
Reuters/Aly Song
www.tofugu.com
