พักบ้านไม้ในฝันกลางกรุงโตเกียว

ความใฝ่ฝันนึงของคนชื่นชอบญี่ปุ่นอย่างเราคือการพักในบ้านไม้สไตล์ญี่ปุ่น ได้ลองเลื่อนบานประตูกระดาษ นั่งห้อยขาที่ชานบ้านเหมือนฉากในหนังหรือซีรีส์ญี่ปุ่นสักครั้ง ยามฤดูร้อน...ลมพัดแผ่วเบา เสียงกระดิ่งดังกรุ๋งกริ๋ง มีเสียงหรีดหริ่งจั๊กจั่น





ตอนหาข้อมูลที่พักเมื่อ ปี 2014 เสิร์ชเจอที่นี่โดยบังเอิญ และตกหลุมรักบ้านหลังนั้นทันที บ้านไม้โบราณอายุเกือบ 100 ปี ใจกลางโตเกียวถูกรีโนเวทเป็นเกสต์เฮาส์ ตอนนั้นตื่นเต้นมากที่มีงบแค่หลักร้อยก็สามารถพักบ้านในแบบที่เคยฝันได้ แต่ก็อกหักเพราะว่าห้องพักเต็มล่วงหน้าไป 3 เดือนแล้ว รู้สึกเซ็งเลย เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีโอกาสได้ไปญี่ปุ่นอีก หารู้ไม่ว่าจริงๆ แล้วเราโอกาสก็มีเสมอถ้าไม่เลิกล้ม เพราะอีก 4 ปีต่อมาเราก็ได้กลับไปโตเกียวอีกครั้ง คราวนี้โชคดีที่ห้องพักว่างอย่างไม่น่าเชื่อ อาจจะเป็นเพราะโตเกียวกำลังจะเป็นเจ้าภาพงานโอลิมปิก 2020 ก็ได้ ที่พัก ร้านอาหาร คาเฟ่ใหม่ๆ เลยเพิ่มขึ้นเยอะมาก ทำให้นักท่องเที่ยวอย่างเราๆ มีตัวเลือกที่มากขึ้น (ถึงอย่างนั้นเราก็ยังมุ่งมั่นที่จะพักโทโกให้ได้อยู่ดีน่ะ ^^)

ในที่สุดเราก็ได้อยู่ในบ้านไม้ญี่ปุ่นโบราณจริงๆ ตัวบ้านและบรรยากาศสวยงามตามภาพที่ฝันเอาไว้ แต่ในความเป็นจริง ก็มีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ได้คาดฝันเอาไว้เช่นกัน

บ้านไม้จะไม่ค่อยเก็บเสียง เวลาเดิน พูดคุย รื้อจัดข้าวของ หรือกระทั่งตอนเลื่อนบานประตู จึงต้องระมัดระวังเพื่อไม่ให้เสียงดังรบกวนคนอื่น และการดัดแปลงบ้านชั้นเดียวขนาดกะทัดรัดให้กลายเป็นห้องพักหลายๆ ห้อง ทำให้ห้องครัว โต๊ะอาหารและห้องน้ำ (สุขา) ถูกบีบมารวมในพื้นที่เดียวกัน เดินออกจากสุขาปุ๊บก็เป็นโต๊ะกินข้าวกับห้องครัวเลย เวลามีคนอื่นนั่งอยู่ในช่วงที่เราต้องทำธุระ(โดยเฉพาะธุระหนัก)มันก็จะเกร็งๆ หน่อย





แต่เพราะความเล็กกะทัดรัดนี่แหละที่ทำให้ยังไงเราต้องเดินสวนกับใครสักคน ด้วยบรรยากาศสบายๆ ของบ้านไม้ มองเห็นธรรมชาติในสวนสวย ความเงียบสงบของชุมชนโดยรอบ ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย รู้สึกเปิดใจ และเกิดความรู้สึกเป็นมิตรโดยอัตโนมัติ เราส่งยิ้มให้ทุกคนที่เดินผ่านกัน กล้าเริ่มชวนแขกคนอื่นพูดคุยก่อน ทั้งที่ตัวเองเป็นคนชอบสันโดษ มีโลกส่วนตัวสูง เคยพักโฮสเทลและเกสต์เฮ้าส์มาหลายที่ ทำให้รู้สึกเลยว่าสภาพแวดล้อมของที่พักแต่ละแห่งมีอิทธิพลที่ทำให้เราคิดจะสร้างกรอบขึ้นมาหรือทะลายกรอบที่กั้นตัวเองออกไป

ซึ่งการได้มาพักที่นี่ ทำให้เราได้แลกเปลี่ยนบทสนทนากับคนแปลกหน้า ต่างเพศ ต่างภาษา และต่างวัย ที่นำพาให้เราไปพบกับเรื่องราวน่าสนใจของคนที่เราได้พูดคุยด้วย

#1 สาวเกาหลี ผมบ็อบดัดลอนหยิก ใส่แว่น ดูเนิร์ดๆ เราถามคำ เธอตอบคำ พูดภาษาญี่ปุ่นคล่องมากแต่ภาษาอังกฤษไม่ได้เลย มาเที่ยวคนเดียวและพักอยู่ที่เกสต์เฮ้าส์นี้มา 1 เดือนแล้ว!

#2 เบีย (หรือบีอาทริซ) นักศึกษาสาวสวยผมทองจากโปรตุเกสวัย 20 ต้น กำลังเรียนด้านภาพยนตร์ เป็นติ่งญี่ปุ่นที่เพิ่งเดินทางมาต่างประเทศครั้งแรกและเป็นมังสวิรัติ ได้คุยตอนเช็คอิน แต่เรามาถึงก่อน พอฝากกระเป๋าแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก่อนออกไปข้างนอกเลยให้กล้วยที่ซื้อจากร้านผักผลไม้ (ของคุณลุงโคบูเนะผู้ใจดี) ให้เธอได้รองท้องด้วยความเอ็นดู เพราะเรารู้ว่าไม่ง่ายที่จะหาร้านอาหารมังสวิรัติในญี่ปุ่น และอาจจะไม่คุ้มกับการเสียเงิน เสียเวลาเดินทางเพื่อไปหาร้านที่ขายอาหารแนวนี้โดยเฉพาะ



#3 เด็กหนุ่มญี่ปุ่นวัย 22 ปี ชื่อโทโมะ พูดภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันลื่นไหลมาก พอคุยกันถึงได้รู้ว่า เมื่อ 2 ปี ก่อนเคยเป็นพนักงานที่นี่ แล้วลาออกไปเรียนภาษาที่อเมริกา ช่วงนี้กลับมาเที่ยวญี่ปุ่นเลยถือโอกาสมาเยี่ยมเยียนพี่ๆ พนักงาน ปีหน้าเขาวางแผนไว้ว่าจะให้เป็น gap year ของตัวเองด้วยการไป work & travel ที่ประเทศนิวซีแลนด์

#4 เช่นเดียวกับผู้จัดการเกสต์เฮาส์ “อาโออิ” เธอชื่นชอบการท่องเที่ยว เดินทางไปหลายประเทศทั่วโลกแล้ว ชอบประเทศไทยและบางครั้งก็ทำอาหารไทยกินเอง เมนูโปรดคือข้าวมันไก่ (เท่าที่เคยคุยกับคนญี่ปุ่นมาคือเกือบทุกคนจะบอกว่าชอบข้าวมันไก่) เธอวางแผนไว้ว่าปีหน้าจะลาออกจากงานที่นี่แล้วเดินทางไปกับสามีเพื่อ work & travel ที่ประเทศนิวซีแลนด์ (ตอนนี้ “นิวซีแลนด์” กำลังฮิตหรือยังไง เจอคนญี่ปุ่นจะไป work & travel ติดๆ กันเลย ใครรู้บอกที)



#5 ผู้หญิงผิวสีที่เห็นหน้าครั้งแรก ก็ด่วนตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกไปแล้วว่า “เป็นอเมริกันผิวสีชัวร์”  แต่ไม่ใช่ เธอเป็นคนดัตช์ (เชื้อสายอาฟริกัน) ที่ใช้วันหยุดพักร้อนหนึ่งเดือนเดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่นตั้งแต่เหนือจรดใต้คนเดียว เคยมาเที่ยวเมืองไทยและชอบทะเลกระบี่มาก (พร้อมเปิดรูปทะเลในมือถือโชว์)

#6 และการปรากฎตัวของหญิงญี่ปุ่นวัยกลางคน รูปร่างผอมสูง ใส่เดรสยาวคลุมเข่าสีดำสนิท ซึ่งเรารู้สึกสะดุดตาตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอเลื่อนประตูหิ้วกระเป๋าเดินทางใบเล็กเข้ามาในบ้าน ผมบ็อบสีดำสนิทกับโครงหน้าสี่เหลี่ยม แก้มตอบจนเห็นกระดูกปูดโปนชัดเจน เป็นใบหน้าที่ดูเศร้าหมองที่สุดที่เราเคยพบเห็น ราวกับว่ากำลังแบกความทุกข์โศกทั้งหมดของชีวิตเอาไว้ เสียงพูดแผ่วเบาในลำคอ รอยสักสีดำขยุกขยิกตรงข้อเท้าข้างซ้าย เหมือนตัวละครที่หลุดออกมาจากคดีฆาตกรรมใน “โคนัน” และที่สำคัญ... คุณป้าแกนอนอยู่เตียงล่างเตียงเดียวกับเรา กรี๊ดด!



ภาพบรรยากาศน่ารักๆ ในเกสต์เฮ้าส์โทโก

















ที่พักญี่ปุ่น บ้านไม้โบราณที่เกียวโต (Kyoto)



เกสต์เฮ้าส์ โทโก / Guest House toco. (Toco Tokyo Heritage Hostel) (ข้อมูลปี 2018)

ที่ตั้ง: สถานีอิริยะ [H18] Tokyo Metro Line สายฮิบิยะ (สีเทา) ทางออก A4 เดินต่อ 8 นาที

การจอง : เว็บไซต์ https://backpackersjapan.co.jp/toco/ หรือจองผ่าน https://www.hostelworld.com/hosteldetails.php/Toco-Tokyo-Heritage-Hostel/Tokyo/46418 ก็ได้แต่ต้องเตรียมเงินสด (สกุลเงินเยน) ไปจ่ายตอนเช็คอิน

เว็บไซต์เกสต์เฮาส์ : Facebook @toco.jp

Reception 9:00-20:00 / เช็คอินได้ตั้งแต่ 16:00-23:00, เช็คเอาท์ 11:00

ราคา : ห้องพักรวมชายหญิง 8 เตียง คืนละ 3,000 เยน , ห้องพักหญิงล้วน 8 เตียง คืนละ 3,200 เยน

ฟรี : เครื่องดื่มที่บาร์ 1 แก้ว ตลอดทุกวันที่เข้าพัก

หมายเหตุ:

  • ห้ามสูบบุหรี่

  • ไม่รับผู้เข้าพักอายุต่ำกว่า 7 ขวบ

  • ไม่มีร้านสะดวกซื้อใกล้ที่พัก

  • ปิดไฟตอนเที่ยงคืนเป๊ะและห้องอาบน้ำก็ใช้ได้ถึงแค่เที่ยงคืน (มีวันนึงเข้าเมืองไปช้อปปิ้งย่านชินจูกุจนดึก กลับถึงที่พักเหลือเวลาแค่ 15 นาทีจะเที่ยงคืน ต้องรีบวิ่งผ่านน้ำ ล้างหน้า แปรงฟันแบบลวกๆ ใจนี่ลุ้นมากกลัวไม่ทัน)