ค่ำคืนดีๆ ที่เหมาะแก่การสังสรรค์ ร้านกินดื่มสไตล์ญี่ปุ่นหรือที่เรียกกันว่า "อิซากายะ (Izakaya)" เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยสำหรับใครที่กำลังมองหาร้านนั่งบรรยากาศอบอุ่น พรั่งพร้อมไปด้วยเมนูอาหารและเครื่องดื่มหลากหลาย ระยะหลังๆ มานี้ ในกรุงเทพฯ มีร้านอิซากายะยกขบวนความอร่อยมาเปิดให้บริการมากมายก็จริง แต่ถ้าจะให้พูดถึงร้านที่ขึ้นชื่อเรื่องบรรยากาศแบบดั้งเดิมในสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ต้องมาที่...Yumeji มนต์ขลังอิซากายะแห่งย่านอโศก
Yumeji เป็นร้านอิซากายะเล็กๆ ขนาดประมาณ 1 คูหา ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 19 ใจกลางอโศก หนึ่งในย่านธุรกิจและการค้าสำคัญ มีจุดเด่นอยู่ที่บรรยากาศแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของร้านที่ยังคงรักษาไว้ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่เริ่มเปิดให้บริการ
บรรยากาศภายในร้าน
ตั้งแต่ก้าวแรกที่เปิดประตูบานเลื่อนไม้เข้าไปในร้านก็พบกับ "มนต์ขลัง" ความเป็นร้านอิซากายะแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่ซ่อนตัวอยู่ในย่านธุรกิจแสนศิวิไลซ์อย่างอโศกมนตรี ตัวร้านมีทั้งหมด 3 ชั้น เน้นการตกแต่งแบบเรียบง่าย ธรรมดาที่สุด แต่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง
หลังจากขึ้นบันไดไม้เล็กๆ ไปที่ชั้น 2 แล้ว ทางด้านซ้ายมือจะพบกับโซนที่นั่งแบบเคาท์เตอร์บาร์ มีม่านญี่ปุ่นกั้น พร้อมเสียงต้อนรับอย่างอารมณ์ดีจากเชฟเจ้าของร้าน ส่วนทางด้านขวามือบนทางเดินแคบๆ จะมีชั้นวางการ์ตูนและหนังสือนับร้อยเล่มให้เลือกอ่านกันได้สะดวก
สุดทางเดินจะเป็นบันไดขึ้นสู่ชั้น 3 ชั้นนี้เป็นที่นั่งสำหรับลูกค้ากลุ่มใหญ่หรือต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ละโต๊ะจะเป็นโต๊ะหลุมแบบญี่ปุ่น มีคอกไม้เล็กๆ กั้นแบ่งแต่ละส่วนออกจากกัน ให้ความรู้สึกไปรเวทดี
เมนูแนะนำ
ที่ร้าน Yumeji มีเมนูให้เลือกหลากหลายมากๆ ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม หลายเมนูก็เป็นเมนูเฉพาะที่ไม่ค่อยเห็นในร้านอิซากายะทั่วไป ที่นี่ดังเรื่องของเมนูของย่างเสียบไม้ หรือที่เรียกกันว่า คุชิยากิ มีให้เลือกหลากหลายเมนู เลือกได้ตามสะดวกเลย ราคาเริ่มต้นที่ไม้ละ 40 บาท
แต่ถ้ายังไม่รู้ว่าจะเลือกจิ้มๆ จากเมนูไหนก่อนดี แนะนำให้สั่ง Kushiyaki Mori เซ็ตของย่างรวมมิตรที่เอาเมนูยอดนิยมของร้านมาจัดรวมไว้ด้วยกัน
Kushiyaki Mori ราคา 230 บาท
ในเซ็ตมีทั้งหมด 5 ไม้ ได้แก่ เบคอนห่อไข่นกกระทา หมูสามชั้น หมูห่อต้นหอม ไก่ย่าง แล้วก็ลูกชิ้นไก่
แต่ละไม้เสิร์ฟมาให้ร้อนๆ พร้อมกลิ่นหอมของซอสทาระ ทางร้านย่างมาให้กำลังดีเลยค่ะ ไม่ฉ่ำเกินไป ไม่แห้งเกินไป เนื้อนุ่มและอร่อยมาก แนะนำให้ลองบีบมะนาวแกล้มสักหน่อย รสชาติจะเข้ากัน กลมกล่อมยิ่งขึ้น
จานต่อมาเป็นเมนูเด็ดประจำร้านอิซากายะ Tebasaki Karaage ปีกไก่ทอดสไตล์ญี่ปุ่น ราดด้วยซอสเทบาซากิเข้มข้น ตัวปีกไก่ทอดกรอบแต่เนื้อด้านในยังคงชุ่มฉ่ำ ตัวซอสก็เข้มข้น รสชาติออกเปรี้ยวๆ เค็มๆ กลิ่นหอมและอร่อยมาก แนะนำให้สั่งเครื่องดื่มเย็นๆ มาแกล้มด้วยค่ะ แล้วจะค้นพบว่ามันฟินมากจริงๆ
Tebasaki Karaage ราคา 90 บาท
มาดูเมนูหม้อร้อนกันบ้าง เลือกสั่งเป็น Kimchi Nabe เสิร์ฟร้อนมาในหม้อขนาดกลางๆ สำหรับ 2-3 ที่ ตัวน้ำซุปค่อนข้างใส ไม่ค่อยรู้สึกถึงรสกิมจิเท่าไร คล้ายๆ นาเบะธรรมดาแล้วเติมกิมจิลงไปมากกว่า
Kimchi Nabe ราคา 150 บาท
แต่โดยรวมรสชาติกลมกล่อมคล่องคอดี เครื่องเยอะ หอมกลิ่นโชยุ แล้วรสชาติก็ไม่จัดเกินไป สามารถซดแก้เลี่ยนได้เรื่อยๆ ถ้าไม่คาดหวังความจัดจ้านเผ็ดร้อนมากก็ขอแนะนำเลย
มาถึงเมนูไฮไลท์ประจำร้านที่ขอติดดาวความฟินไว้รัวๆ สำหรับคนรักเนื้อ Baguette: Cream Cheese and Roast Beef เป็นเมนูสไตล์ตะวันตกที่เอาขนมปังฝรั่งเศสมาหั่นเป็นชิ้นๆ แล้วโปะด้วยครีมชีสกับเนื้อย่างชิ้นหนาที่ระดับความสุก Medium Rare
Baguette: Cream Cheese and Roast Beef ราคา 220 บาท
ตัวเนื้อนุ่มมากกกกก (ก.ล้านตัว) เข้ากันดีสุดๆ กับครีมชีสและขนมปังบาแก็ตกรอบๆ ด้านบนเป็นซอสสูตรพิเศษของทางร้าน รสชาติออกเปรี้ยวๆ เค็มๆ บอกไม่ถูก แต่ว่าเข้มข้นใช้ได้ ถ้าจะมีใครบอกว่าทุกส่วนประกอบของเมนูนี้ถูกมาสรรค์สร้างมาเพื่อรวมตัวกันก็เชื่อเถอะ เพราะมันอร่อยกลมกล่อมและดีงามมากจริงๆ เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ขอแนะนำเลย
นอกจากของทานเล่นเบาๆ และเครื่องดื่มหลากหลายชนิดตามสไตล์ร้านอิซากายะแล้ว ใครกำลังหิวจัดๆ อยากแวะมาหาของอร่อยจัดหนักให้อิ่มท้อง ทางร้าน Yumeji ก็มีเมนูข้าวเป็นเซ็ตๆ ให้บริการเหมือนกัน รับรองว่าทั้งคุณภาพและรสชาติ อร่อยคุ้มค่าในทุกเมนูแน่นอน
ถ้ากำลังมองหาร้านอิซากายะต้นตำรับ บรรยากาศดีๆ บริการกันเอง ให้ฟีลเหมือนวาบไปสังสรรค์อยู่ญี่ปุ่นก็ลองแวะไปใช้บริการกันได้นะคะ ร้านอยู่ในซอยสุขุมวิท 19 ติดกับ BTS อโศกเลย