ชิราคาวาโกะ เมืองเล็กๆ ท่ามกลางขุนเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะหนา เมืองในฝันของนักท่องเที่ยวที่ในชีวิตนี้หากไปญี่ปุ่นก็ขอไปเยือนให้ได้สักครั้งหนึ่ง ชิราคาวาโกะ ได้รับเลือกให้เป็น World Cultural Heritage หรือเมืองมรดกโลกจากยูเนสโกด้วยค่ะ 
ในครั้งนี้เราบินมาลงสนามบิน นาโกย่า เซนแทร์ พักค้างคืนในนาโกย่าหนึ่งคืน วันต่อมาก็ต่อรถไฟไปลง สถานี Takayama จองที่นั่งรถบัสเรียบร้อยแล้วเราก็ต่อรถบัสไปลงที่หมู่บ้านชิราคาวาโกะเลยค่ะ นักท่องเที่ยวหลายๆ คนอาจจะไปแบบวันเดียวกลับมานอนทาคายาม่า แต่เพราะเราต้องการเดินเล่นแบบชิลๆ พร้อมนอนเรียวกัง จึงตัดสินใจพักที่นี่หนึ่งคืนค่ะ ระหว่างทางรถไฟก็เริ่มจะเห็นหิมะหนาขึ้นเรื่อยๆ สองข้างทาง สวยงามมากค่ะ
สถานีรถบัสของหมู่บ้านชิราคาวาโกะนั้นเล็กมากๆ ค่ะ เราหยิบแผนที่แจกฟรีมาด้วย มีหลายภาษาเลยค่ะ ไม่แน่ใจว่าตอนนี้มีภาษาไทยหรือยังค่ะ หมู่บ้านนี้มีถนนสายหลักหนึ่งสายเท่านั้น เราก็เดินไปตามถนน จะเจอทุ่งหิมะขาวโพลนเต็มไปหมด แวะถ่ายรูปได้ค่ะ แต่ขอเตือนว่าอย่าไปยืนใต้บริเวณชายหลังคานะคะเพราะมีไอน้ำแข็งเป็นลิ่มแหลม อาจจะทำให้ได้รับบาดเจ็บได้ค่ะ
ถ้าเราสังเกตจะเห็นว่าบ้านในหมู่บ้านชิราคาวาโกะจะมีหลังคาเป็นรูปสามเหลี่ยมที่ค่อนข้างสูงชัน ที่เป็นแบบนี้เพราะเมืองนี้นั้นมีหิมะตกหนักมาก บางครั้งหนาประมาณ 2-4 เมตรเลยทีเดียว เพื่อไม่ให้หลังคาบ้านรับน้ำหนักหิมะจนเกินไป จึงต้องสร้างหลังคาให้ลาดชันค่ะ
นอกจากจะเป็นเมืองท่องเที่ยวแล้ว ที่นี่ก็ยังมีบ้านคนที่มีคนอาศัยจริงๆ อยู่เยอะมาก เพราะฉะนั้นถ้าแวะถ่ายรูปหน้าบ้านใครอย่าเผลอเดินเข้าไปในบ้านเขานะคะ แต่ก็อาจจะแยกลำบากนิดหน่อยเพราะบ้านแทบทุกหลังในนี้ภายนอกยังคงสภาพแบบดั้งเดิมไว้ เพราะรัฐบาลญี่ปุ่นเขาให้ความช่วยเหลือในการบูรณะบ้านทุกหลังที่นี่ค่ะ
สถานที่ที่น่าแวะเที่ยวในนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นบ้านเก่า ที่ตอนนี้นำมาทำเป็นพิพิธภัณฑ์เช่น Wada House, Nagase House, Kanda House, Tajima House Museum of Silk Culture ที่ยังคงรูปแบบบ้านแบบโบราณ และยังมีการแสดงให้เห็นถึงโครงสร้างหลังคาแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่เรียกว่า "สะสุ" ด้วยค่ะ
บรรยากาศเดินตามถนนในหมู่บ้านยามเย็น
แม่น้ำที่ไหลไปทั่วเมืองชิราคาวาโกะ แค่เห็นก็หนาวยะเยือกแล้ว โดยอุณหภูมิที่นี่บางครั้งหนาว -13 องศาเลยค่ะ ควรเตรียมเครื่องแต่งกายให้พร้อม ทั้งหมวกและถุงมือด้วยค่ะ
จุดชมวิวบนเขา Tenshukaku มีบริการรถบัสจากในหมู่บ้านมาที่นี่ทุกๆ ครึ่งชั่วโมง มีค่ารถด้วยค่ะ แต่ไม่แพงมาก ขอบอกว่าต้องมาให้ได้นะคะ เพราะว่าคุ้มมากกกก วิวสวยแบบสุดๆ เลยค่ะ
ในครั้งนี้เราบินมาลงสนามบิน นาโกย่า เซนแทร์ พักค้างคืนในนาโกย่าหนึ่งคืน วันต่อมาก็ต่อรถไฟไปลง สถานี Takayama จองที่นั่งรถบัสเรียบร้อยแล้วเราก็ต่อรถบัสไปลงที่หมู่บ้านชิราคาวาโกะเลยค่ะ นักท่องเที่ยวหลายๆ คนอาจจะไปแบบวันเดียวกลับมานอนทาคายาม่า แต่เพราะเราต้องการเดินเล่นแบบชิลๆ พร้อมนอนเรียวกัง จึงตัดสินใจพักที่นี่หนึ่งคืนค่ะ ระหว่างทางรถไฟก็เริ่มจะเห็นหิมะหนาขึ้นเรื่อยๆ สองข้างทาง สวยงามมากค่ะ
สถานีรถบัสของหมู่บ้านชิราคาวาโกะนั้นเล็กมากๆ ค่ะ เราหยิบแผนที่แจกฟรีมาด้วย มีหลายภาษาเลยค่ะ ไม่แน่ใจว่าตอนนี้มีภาษาไทยหรือยังค่ะ หมู่บ้านนี้มีถนนสายหลักหนึ่งสายเท่านั้น เราก็เดินไปตามถนน จะเจอทุ่งหิมะขาวโพลนเต็มไปหมด แวะถ่ายรูปได้ค่ะ แต่ขอเตือนว่าอย่าไปยืนใต้บริเวณชายหลังคานะคะเพราะมีไอน้ำแข็งเป็นลิ่มแหลม อาจจะทำให้ได้รับบาดเจ็บได้ค่ะ
ถ้าเราสังเกตจะเห็นว่าบ้านในหมู่บ้านชิราคาวาโกะจะมีหลังคาเป็นรูปสามเหลี่ยมที่ค่อนข้างสูงชัน ที่เป็นแบบนี้เพราะเมืองนี้นั้นมีหิมะตกหนักมาก บางครั้งหนาประมาณ 2-4 เมตรเลยทีเดียว เพื่อไม่ให้หลังคาบ้านรับน้ำหนักหิมะจนเกินไป จึงต้องสร้างหลังคาให้ลาดชันค่ะ
นอกจากจะเป็นเมืองท่องเที่ยวแล้ว ที่นี่ก็ยังมีบ้านคนที่มีคนอาศัยจริงๆ อยู่เยอะมาก เพราะฉะนั้นถ้าแวะถ่ายรูปหน้าบ้านใครอย่าเผลอเดินเข้าไปในบ้านเขานะคะ แต่ก็อาจจะแยกลำบากนิดหน่อยเพราะบ้านแทบทุกหลังในนี้ภายนอกยังคงสภาพแบบดั้งเดิมไว้ เพราะรัฐบาลญี่ปุ่นเขาให้ความช่วยเหลือในการบูรณะบ้านทุกหลังที่นี่ค่ะ
สถานที่ที่น่าแวะเที่ยวในนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นบ้านเก่า ที่ตอนนี้นำมาทำเป็นพิพิธภัณฑ์เช่น Wada House, Nagase House, Kanda House, Tajima House Museum of Silk Culture ที่ยังคงรูปแบบบ้านแบบโบราณ และยังมีการแสดงให้เห็นถึงโครงสร้างหลังคาแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่เรียกว่า "สะสุ" ด้วยค่ะ
บรรยากาศเดินตามถนนในหมู่บ้านยามเย็น
แม่น้ำที่ไหลไปทั่วเมืองชิราคาวาโกะ แค่เห็นก็หนาวยะเยือกแล้ว โดยอุณหภูมิที่นี่บางครั้งหนาว -13 องศาเลยค่ะ ควรเตรียมเครื่องแต่งกายให้พร้อม ทั้งหมวกและถุงมือด้วยค่ะ
จุดชมวิวบนเขา Tenshukaku มีบริการรถบัสจากในหมู่บ้านมาที่นี่ทุกๆ ครึ่งชั่วโมง มีค่ารถด้วยค่ะ แต่ไม่แพงมาก ขอบอกว่าต้องมาให้ได้นะคะ เพราะว่าคุ้มมากกกก วิวสวยแบบสุดๆ เลยค่ะ
