ออกตัวก่อนเลยว่างานนี้เรามาเป็นผู้เก็บบรรยากาศติดตามนักวิ่งมาเท่านั้น ไม่ได้มาวิ่งเองนะคะ บอกตรงๆ ว่า แค่เดิน 3 กิโลก็ลิ้นห้อยแล้ว แต่!! งานนี้ทำให้เราได้เดินเกือบ 20 โล และมันสนุกมากๆ ได้เชียร์นักวิ่งคนไทย ได้เป็นกำลังใจให้ งานวิ่งนี้ทำให้เรามีแรงบันดาลใจหลายอย่างเลยค่ะ ใครที่ยังลังเลอยู่ว่าจะมาดีไหม จะดีเหรอ หรือว่ากลัวการเดินทาง บอกเลยค่ะว่าคันไซเป็นภูมิภาคที่เดินทางง่ายที่สุดในทุกภูมิภาคแล้วค่ะ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 7 แล้วที่มาคันไซ มากี่ครั้งก็อบอุ่นใจ
ขอเริ่มที่รายละเอียดของงานวิ่งโอซาก้ามาราธอนก่อนเลย งานนี้เป็นงานวิ่งที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดโอซาก้า และจัดเป็นงานวิ่งมาราธอนขนาดใหญ่รองจากงานวิ่งที่โตเกียวและมีชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลกด้วยค่ะ เวลา Cut-off จะอยู่ที่ 7 ชั่วโมง คือเริ่มปล่อยตัวตั้งแต่ 9:00 น. และจะจบที่ 16:00 น.
การสมัคร
มี 2 ช่องทาง คือ ลุ้นผลล๊อตโต้เองกับสมัครผ่าน Agent
1. สำหรับคนที่อยากลุ้นผลล๊อตโต้เอง ต้องบอกว่างานนี้เป็นรายการที่ใหญ่มากจริงๆ ค่ะ คนสมัครเป็นแสน แต่รับแค่หลักหมื่น เพราะงั้นต้องมาสู้กับคนหลักแสน ใครที่อยากลุ้นดวงก็สามารถสมัครได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้ค่ะ
http://www.osaka-marathon.com/index_en.html
2. สมัครผ่าน KNT THAILAND สำหรับคนที่ไม่อยากลุ้น แต่มีเป้าหมายว่าต้องไปวิ่งให้ได้ สามารถสมัครผ่านที่นี่ได้เลยค่ะ บริษัทนี้เป็นสาขาที่ไทยของบริษัท Kintetsu International ที่เป็น Official Sponsors ของงานวิ่งนี้ เขาการันตีบิบได้วิ่ง 100% ซึ่งที่นี่จะขายแบบเป็นแพคเกจ ที่พัก 4 วัน 3 คืน พร้อมบิบวิ่ง ในชื่อของเราเองเลยค่ะ สามารถติดต่อได้ที่
https://www.facebook.com/knttravelthailand
ก่อนที่เราจะไปวิ่งได้ แน่นอนว่าเราต้องมารับอุปกรณ์กันก่อนค่ะ สำหรับงาน Expo Osaka Marathon ทุกปีจะต้องมารับที่ Intex Osaka นะคะ ซึ่งปีนี้ก็เช่นกัน งานจะมีก่อนวันวิ่ง 2 วันค่ะ อย่างของปี 2019 จะสามารถมารับอุปกรณ์และบิบวิ่งได้ในวันที่ 29 และ 30 พฤศจิกายน ตั้งแต่เวลา 11:00 - 19:30 น.
การเดินทางสามารถนั่งใต้ดินสาย Chuo มาลงที่สถานี Cosmosquare แล้วเดินต่อมาได้เลย หรือ ถ้าใครไม่อยากเดินเยอะจะต่อ New Tram มาลงที่สถานี Nakafuto ก็ได้ค่ะ
แต่เราเลือกที่จะลงสถานี Cosmosquare เพราะอยากเดินเก็บบรรกาศชิลๆ มาเริ่มกันเลยค่ะ
ให้เดินออกมาทางออกที่ 3 นะคะ แต่เอาจริง แค่ออกจากสถานีมาก็หาง่ายแล้วค่ะ ใครๆ ก็ไปงานนี้ แถมเดินออกมาเจอสตาฟถือป้ายบอกทางตลอด ยังไงก็ไม่หลงแน่นอน
เราก็อาศัยเดินตามๆ เค้ามาเหมือนกัน
ยังไม่ทันเลยจุดแรกมาก ก็เจอสตาฟยืนถือป้ายบอกทางอีกแล้วค่ะ
มีสตาฟอยู่ทุกที่จริงๆ ค่ะ
เดินมาสักพัก ก็เจอป้ายอยู่ไกลๆ ใกล้ถึงแล้ววว
แถวนี้ต้นแปะก๊วยเยอะมาก เหลืองอร่ามเลยทีเดียว
ถึงแล้วค่ะ ทางเข้างาน Expo เข้าไปกันเลย
เข้ามาก็จะเจอจุด Information ก่อนเลยค่ะ เจ้าหน้าที่พูดภาษาอังกฤษได้แต่ข้อมูลพวกแผ่นพับตรงจุดนี้จะเป็นภาษาญี่ปุ่นนะคะ แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่มักจะถามว่ามาจากที่ไหน พอบอกว่าประเทศไทยก็จะบอก สวัสดีค่า น่ารักมากๆ เลยค่ะ
เรามาถึงก่อนเวลาเปิดก็จะต้องต่อแถวรอเวลาก่อน ซึ่งข้างในกำลังทำพิธีเปิดอยู่ค่ะ
ตรงนี้เป็นข้อความจากอาสาสมัคร เราแอบเห็นภาษาไทยด้วยค่ะ คิดว่าเค้าน่าจะใช้กูเกิ้ลทรานมา แต่ลายมือน่ารักมากๆ
แน่นอนว่าคนเยอะมากค่า ซึ่งเมื่อเราเกิดมาสูงไม่มาก ก็ต้องเขย่งกันไป ได้มาแค่นี้จริงๆ เราต้องรอให้คนซาก่อนถึงจะเดินเข้าไปได้
พอคนซาแล้วเราก็จะเห็นเส้นทางสายรุ้งค่า สวยมากๆ
แอบเจอคนดังของญี่ปุ่น เป็นพิธีกรเปิดงานในครั้งนี้ค่ะ
ตรงจุดนี้ สำหรับใครที่มีปัญหา ถ้าเกิดกรอกชื่อหรือนามสกุลผิด วันเดือนปีเกิดผิด สามารถมาขอแก้ที่จุดนี้ได้เลยค่ะ
สำหรับนักวิ่งต่างชาติทุกคนไม่ว่าจะเลือกชาริตี้สีอะไรมา ก็ต้องมาที่บูธนี้ทุกคนนะคะ เพราะที่แยกตามสีจะเป็นเฉพาะคนญี่ปุ่นเท่านั้น ให้เดินถือพาสปอร์ตและ QR โค้ดเลขบิบมายื่นกับเจ้าหน้าที่ได้เลยจ้า
หลังจากรับอุปกรณ์และบิบเรียบร้อยแล้ว ให้เดินหันหลังเบี่ยงเส้นทางนิดนึงไปรับเสื้อ ตามไซส์ที่เราระบุไว้ได้เลย แอบบอกว่า ให้เลือกไซส์กันดีๆ นะคะ เพราะของญี่ปุ่นจะเล็กกว่าบ้านเราไซส์นึง ซึ่งหากเลือกผิดจะไม่สามารถเปลี่ยนได้ค่ะ
สำหรับใครที่เลือกซื้อสินค้าชาริตี้เพิ่มเติมเอาไว้ หลังจากรับเสื้อแล้วก็เดินทะลุมาจะเจอเลย
หลังจากรับอุปกรณ์และเสื้อเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็มาเดินเล่นและละลายทรัพย์กัน ทำไมถึงบอกว่าละลายทรัพย์มาดูกัน
เหรียญสวยมาก อยากได้เอง แต่วิ่งไม่ไหวจริงๆ มีใครอยากให้เราไหมคะ 555
ปีนี้เป็นครั้งแรกที่โอซาก้าเปลี่ยนเส้นทางการวิ่งค่ะ และก็จัดมาเป็นปีที่ 9 แล้ว
ทั้งหมดบริเวณนี้จะเป็นบูธของ Mizuno หมดเลยค่ะ มีทั้งสินค้าลิมิเต็ด และ สลักชื่อลงบนรองเท้ากับเสื้อได้เลย
ทะลุมาอีกฮอลล์นึงก็จะเจอกับหลายๆ บูธเลยค่ะ อย่างรถไฟใต้ดินก็เป็นผู้สนับสนุนในการเดินทาง มีรถไฟที่เป็นขบวนงานมาราธอนด้วย และ ตั๋วรถไฟราคาพิเศษจำหน่าย
บูธของโตโยต้า ถ้ามาร่วมเขียนคำให้กำลังใจ จะได้เสื้อคลุมใสๆ แบบสตาฟใส่ด้วยค่ะ
ตรงนี้จะให้เขียนคำให้กำลังใจลงแผ่นป้ายเอมะที่เป็นกระดาษค่ะ ข้างๆ เป็นบูธของมิสเตอร์โดนัทที่ซื้อแล้วได้เครื่องรางและกล่องจะเป็นลายโปเกม่อน เราก็มัวแต่ซื้อเพราะกล่องโปเกม่อน ลืมถ่ายมาให้ดูเลย
บูธของมหาลัยคันไซ เราเห็นนักวิ่งของมหาลัยลงวิ่งเยอะมากๆ เลยค่ะ แถมบูธนี้จะแจกถุงใส่น้ำสำหรับใช้ตอนวิ่งด้วย จะมีตะขอเกี่ยวได้ด้วย ดีมากๆ เลยค่ะ
ตรงนี้เป็นโซนของที่ระลึกงาน โอซาก้ามาราธอนค่ะ พนักงานขายเชียร์ดีมาก เสียตังค์ไปหลายอย่างเลย
เสื้อวิ่งชาริตี้ของแต่ละสี สวยมากๆ เลย อันนี้ต้องซื้อตอนที่สมัครวิ่งนะคะ ไม่มีจำหน่ายในงานจ้า มีแต่ตัวอย่างให้ดู
แอบเจอบูธงานวิ่งในไทย เจ้าหน้าที่พนักงานเป็นคนไทยเลยค่ะ ถ้าเกิดสแกนเป็นเพื่อนทางไลน์ รับไปเลยจ้า สปายจากเมืองไทย หรือจะเลือกเป็นอาหารกระป๋องก็ได้
หมดแล้วจ้า จริงๆ มีอีกเยอะเลย แต่อยากให้ทุกคนได้ลองมาสัมผัสบรรยากาศด้วยตัวเองในปีหน้านะคะ
ขากลับเราเลือกเดินมาทางสถานี Nakafuto เพื่อขึ้น New Tram ค่ะ ใบไม้เปลี่ยนสีสวยมากๆ
ในที่สุดวันวิ่งก็มาถึง สำหรับปี 2019 งานวิ่งจะตรงกับวันที่ 1 ธันวาคมค่ะ อากาศวันนี้เรียกว่าดีมากๆ ไม่หนาวและร้อนจนเกินไป ตอนแรกที่เช็คพยากรณ์คาดว่าจะมีฝนด้วย แต่สุดท้ายก็ไม่มี มีแต่แดดจ้ามากกกก
เพิ่งรู้ว่าแถวโรงแรมเป็นจุดเชียร์ด้วย ที่นี่เค้าปิดถนนวิ่งกันเลยนะคะ เราเริ่มเห็นเค้ากั้นถนนกันตั้งแต่ 7 โมงเช้า หลังจากที่นักวิ่งผ่านไปหมด เค้าถึงจะเริ่มทยอยเปิดถนนค่ะ
ตอนแรกว่าจะนั่งบัสไป แต่ออกสายเค้าเริ่มปิดถนนแล้ว เลยต้องเปลี่ยนแพลนไปนั่งใต้ดินแทน เรานั่งใต้ดินไปลงที่สถานี Temmabashi ค่ะ จากสถานีเดินไปนิดเดียวประมาณ 1 กม แนะนำสำหรับนักวิ่ง เลือกพักโรงแรม Osaka Hotel ค่ะ ดีมากก เดินไปจุดสตาร์ทนิดเดียวเอง โรงแรมบรรยากาศข้างหน้าเป็นแม่น้ำดี๊ดี แถมใต้โรงแรมก็เป็นสถานีใต้ดินด้วย
เหมือนเดิมค่ะ เราใช้ทริคเดินตามนักวิ่งเอา 555 นักวิ่งเดินไปทางไหนเราก็ตามเค้าไป แล้วเราก็เจอปราสาทโอซาก้าค่ะ
มาถึงก็เจอเค้ากำลังซ้อมกันเลยค่ะ
มีวงโยตั้งแถว รอเปิดงานกันค่ะ
พอใกล้ปล่อยตัว วงโยและดรัมก็จะเริ่มตั้งแถวเพื่อเปิดงานกันค่ะ
จุดปล่อยตัว
แอบมาส่องนักวิ่งบล๊อค A นักวิ่งกำลังนั่งรอปล่อยตัวเลยค่ะ
มาสคอตของงานวิ่งนี้เป็นนกฮูกค่ะ น่ารักมากกก
พอเวลา 9:00 เป๊ะ ก็เริ่มปล่อยตัวเลยค่ะ นักวิ่งออกตัวกันเร็วมากๆ ถ่ายรูปไม่ทันจริงๆ ภาพเบลอหมดเลย T T เลยได้ถ่ายเป็นภาพนักวิ่งของบล๊อคอื่นแทน เค้าจะปล่อยตัวกันเป็นบล๊อคๆ ไปเลยค่ะ นักวิ่งบล๊อคหลังๆ ก็จะเดินขึ้นมาเรื่อยๆ
นักวิ่งบล๊อค E กำลังเดินมาที่จุดปล่อยตัว
โดยนักวิ่งปิดท้ายจะเป็นกลุ่มคุณหมอค่ะ ส่วนสวิปเปอร์เราเห็นเดิน ผสมไปกับนักวิ่งเลยค่ะ จะคอยเดินเก็บขยะตามทางด้วย
หลังจากที่ปล่อยตัวนักวิ่งกันหมดแล้ว เราก็มาเดินอยู่ในปราสาทโอซาก้าค่ะ แน่นอนว่าช่วงนี้สวยมาก ทั้งใบเมเปิ้ล และ แปะก๊วย แอบมีร่วงไปแล้วนิดหน่อย
จากนั้นเราก็ดูเส้นทางเพื่อไปเชียร์นักวิ่งต่อ ปรากฏว่าจุดที่เล็งไว้ นักวิ่งวิ่งผ่านไปหมดแล้วค่ะ เลยเปลี่ยนแพลนไป กม.ที่ 29 แทน เจอกัปตันด้วยค่ะ เท่มาก นักวิ่งแฟนซีรายการนี้เยอะมากๆ เลย คนที่นี่เค้าจริงจังกันเรื่องนี้มากเลยค่ะ เจอคุณลุงคนนึงมาพร้อม Sousaphone ด้วย ไม่ธรรมดาตรงที่ วิ่งไปเป่าไปด้วย เจ๋งมากก เรามัวแต่ดูกับปรบมือ เลยไม่ได้ถ่ายมา คือทึ่งมากๆ เลยค่ะ แถมคุณลุงวิ่งจบก่อนคัทออฟด้วย เราเจออีกทีตรงจุดก่อนเข้าเส้นชัย
เจอนักวิ่งคนไทยหลายท่านเลยค่ะ
อันนี้เราอยู่จุดใกล้เข้าเส้นชัยแล้ว อีกไม่กี่กิโลเท่านั้น คนจะเยอะมากๆ เลยค่ะ และจะมีพยาบาลคอยช่วยเหลือตลอดเวลาที่มีคนได้รับบาดเจ็บ ทั้งเส้นยึด เส้นพลิก หรืออื่นๆ บางคนก็ยังวิ่งต่อได้ บางคนคุณหมอบอกให้หยุดเลยค่ะ เพราะถ้าวิ่งต่อต้องเจ็บหนักแน่ๆ สำหรับคนที่หมอบอกให้หยุดก็ต้องนั่งรอเพื่อขึ้นรถไปเส้นชัยแทนค่ะ
ตรงจุดกม.ที่ 41 เป็นช่วงโค้งก่อนทางสะพานเข้าปราสาทโอซาก้าค่ะ
อันนี้โค้งเข้าปราสาท ตรงจุดนี้เราชอบมากค่ะ เพราะเป็นเส้นใบแปะก๊วยตลอดทางเลยค่ะ สวยมาก คุยกับนักวิ่งคนไทยหลายท่านก็ชอบตรงจุดนี้มากเลย
ตรงนี้เป็นจุดสุดท้ายเข้าปราสาทแล้วค่ะ เข้าได้เฉพาะนักวิ่งเท่านั้น คนทั่วไปจะเข้าได้หลังจากที่นักวิ่งหมดแล้วเท่านั้น
ถึงเส้นชัยแล้ว ตลอดระยะทางที่เราได้ตามนักวิ่ง เราเห็นทั้งนักวิ่งบาดเจ็บ เห็นบางคนเริ่มหมดแรง แต่ทุกคนก็ฮึดสู้วิ่งต่อ เราคิดว่านักวิ่งทุกคนสุดยอดมากๆ เลยค่ะ สำหรับนักวิ่งที่วิ่งไม่จบ อย่าเพิ่งยอมแพ้นะคะ ปีหน้ามาแก้มือใหม่กันค่ะ :)
ขอปิดท้ายด้วยภาพปราสาทโอซาก้า ตอน 16:30 น. ค่ะ
บันทึกประสบการณ์ ณ วันที่ 29 พฤศจิกายน และ 1 ธันวาคม 2019
ขอเริ่มที่รายละเอียดของงานวิ่งโอซาก้ามาราธอนก่อนเลย งานนี้เป็นงานวิ่งที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดโอซาก้า และจัดเป็นงานวิ่งมาราธอนขนาดใหญ่รองจากงานวิ่งที่โตเกียวและมีชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลกด้วยค่ะ เวลา Cut-off จะอยู่ที่ 7 ชั่วโมง คือเริ่มปล่อยตัวตั้งแต่ 9:00 น. และจะจบที่ 16:00 น.
การสมัคร
มี 2 ช่องทาง คือ ลุ้นผลล๊อตโต้เองกับสมัครผ่าน Agent
1. สำหรับคนที่อยากลุ้นผลล๊อตโต้เอง ต้องบอกว่างานนี้เป็นรายการที่ใหญ่มากจริงๆ ค่ะ คนสมัครเป็นแสน แต่รับแค่หลักหมื่น เพราะงั้นต้องมาสู้กับคนหลักแสน ใครที่อยากลุ้นดวงก็สามารถสมัครได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้ค่ะ
http://www.osaka-marathon.com/index_en.html
2. สมัครผ่าน KNT THAILAND สำหรับคนที่ไม่อยากลุ้น แต่มีเป้าหมายว่าต้องไปวิ่งให้ได้ สามารถสมัครผ่านที่นี่ได้เลยค่ะ บริษัทนี้เป็นสาขาที่ไทยของบริษัท Kintetsu International ที่เป็น Official Sponsors ของงานวิ่งนี้ เขาการันตีบิบได้วิ่ง 100% ซึ่งที่นี่จะขายแบบเป็นแพคเกจ ที่พัก 4 วัน 3 คืน พร้อมบิบวิ่ง ในชื่อของเราเองเลยค่ะ สามารถติดต่อได้ที่
https://www.facebook.com/knttravelthailand
ก่อนที่เราจะไปวิ่งได้ แน่นอนว่าเราต้องมารับอุปกรณ์กันก่อนค่ะ สำหรับงาน Expo Osaka Marathon ทุกปีจะต้องมารับที่ Intex Osaka นะคะ ซึ่งปีนี้ก็เช่นกัน งานจะมีก่อนวันวิ่ง 2 วันค่ะ อย่างของปี 2019 จะสามารถมารับอุปกรณ์และบิบวิ่งได้ในวันที่ 29 และ 30 พฤศจิกายน ตั้งแต่เวลา 11:00 - 19:30 น.
การเดินทางสามารถนั่งใต้ดินสาย Chuo มาลงที่สถานี Cosmosquare แล้วเดินต่อมาได้เลย หรือ ถ้าใครไม่อยากเดินเยอะจะต่อ New Tram มาลงที่สถานี Nakafuto ก็ได้ค่ะ
แต่เราเลือกที่จะลงสถานี Cosmosquare เพราะอยากเดินเก็บบรรกาศชิลๆ มาเริ่มกันเลยค่ะ
ให้เดินออกมาทางออกที่ 3 นะคะ แต่เอาจริง แค่ออกจากสถานีมาก็หาง่ายแล้วค่ะ ใครๆ ก็ไปงานนี้ แถมเดินออกมาเจอสตาฟถือป้ายบอกทางตลอด ยังไงก็ไม่หลงแน่นอน
เราก็อาศัยเดินตามๆ เค้ามาเหมือนกัน
ยังไม่ทันเลยจุดแรกมาก ก็เจอสตาฟยืนถือป้ายบอกทางอีกแล้วค่ะ
มีสตาฟอยู่ทุกที่จริงๆ ค่ะ
เดินมาสักพัก ก็เจอป้ายอยู่ไกลๆ ใกล้ถึงแล้ววว
แถวนี้ต้นแปะก๊วยเยอะมาก เหลืองอร่ามเลยทีเดียว
ถึงแล้วค่ะ ทางเข้างาน Expo เข้าไปกันเลย
เข้ามาก็จะเจอจุด Information ก่อนเลยค่ะ เจ้าหน้าที่พูดภาษาอังกฤษได้แต่ข้อมูลพวกแผ่นพับตรงจุดนี้จะเป็นภาษาญี่ปุ่นนะคะ แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่มักจะถามว่ามาจากที่ไหน พอบอกว่าประเทศไทยก็จะบอก สวัสดีค่า น่ารักมากๆ เลยค่ะ
เรามาถึงก่อนเวลาเปิดก็จะต้องต่อแถวรอเวลาก่อน ซึ่งข้างในกำลังทำพิธีเปิดอยู่ค่ะ
ตรงนี้เป็นข้อความจากอาสาสมัคร เราแอบเห็นภาษาไทยด้วยค่ะ คิดว่าเค้าน่าจะใช้กูเกิ้ลทรานมา แต่ลายมือน่ารักมากๆ
แน่นอนว่าคนเยอะมากค่า ซึ่งเมื่อเราเกิดมาสูงไม่มาก ก็ต้องเขย่งกันไป ได้มาแค่นี้จริงๆ เราต้องรอให้คนซาก่อนถึงจะเดินเข้าไปได้
พอคนซาแล้วเราก็จะเห็นเส้นทางสายรุ้งค่า สวยมากๆ
แอบเจอคนดังของญี่ปุ่น เป็นพิธีกรเปิดงานในครั้งนี้ค่ะ
ตรงจุดนี้ สำหรับใครที่มีปัญหา ถ้าเกิดกรอกชื่อหรือนามสกุลผิด วันเดือนปีเกิดผิด สามารถมาขอแก้ที่จุดนี้ได้เลยค่ะ
สำหรับนักวิ่งต่างชาติทุกคนไม่ว่าจะเลือกชาริตี้สีอะไรมา ก็ต้องมาที่บูธนี้ทุกคนนะคะ เพราะที่แยกตามสีจะเป็นเฉพาะคนญี่ปุ่นเท่านั้น ให้เดินถือพาสปอร์ตและ QR โค้ดเลขบิบมายื่นกับเจ้าหน้าที่ได้เลยจ้า
หลังจากรับอุปกรณ์และบิบเรียบร้อยแล้ว ให้เดินหันหลังเบี่ยงเส้นทางนิดนึงไปรับเสื้อ ตามไซส์ที่เราระบุไว้ได้เลย แอบบอกว่า ให้เลือกไซส์กันดีๆ นะคะ เพราะของญี่ปุ่นจะเล็กกว่าบ้านเราไซส์นึง ซึ่งหากเลือกผิดจะไม่สามารถเปลี่ยนได้ค่ะ
สำหรับใครที่เลือกซื้อสินค้าชาริตี้เพิ่มเติมเอาไว้ หลังจากรับเสื้อแล้วก็เดินทะลุมาจะเจอเลย
หลังจากรับอุปกรณ์และเสื้อเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็มาเดินเล่นและละลายทรัพย์กัน ทำไมถึงบอกว่าละลายทรัพย์มาดูกัน
เหรียญสวยมาก อยากได้เอง แต่วิ่งไม่ไหวจริงๆ มีใครอยากให้เราไหมคะ 555
ปีนี้เป็นครั้งแรกที่โอซาก้าเปลี่ยนเส้นทางการวิ่งค่ะ และก็จัดมาเป็นปีที่ 9 แล้ว
ทั้งหมดบริเวณนี้จะเป็นบูธของ Mizuno หมดเลยค่ะ มีทั้งสินค้าลิมิเต็ด และ สลักชื่อลงบนรองเท้ากับเสื้อได้เลย
ทะลุมาอีกฮอลล์นึงก็จะเจอกับหลายๆ บูธเลยค่ะ อย่างรถไฟใต้ดินก็เป็นผู้สนับสนุนในการเดินทาง มีรถไฟที่เป็นขบวนงานมาราธอนด้วย และ ตั๋วรถไฟราคาพิเศษจำหน่าย
บูธของโตโยต้า ถ้ามาร่วมเขียนคำให้กำลังใจ จะได้เสื้อคลุมใสๆ แบบสตาฟใส่ด้วยค่ะ
ตรงนี้จะให้เขียนคำให้กำลังใจลงแผ่นป้ายเอมะที่เป็นกระดาษค่ะ ข้างๆ เป็นบูธของมิสเตอร์โดนัทที่ซื้อแล้วได้เครื่องรางและกล่องจะเป็นลายโปเกม่อน เราก็มัวแต่ซื้อเพราะกล่องโปเกม่อน ลืมถ่ายมาให้ดูเลย
บูธของมหาลัยคันไซ เราเห็นนักวิ่งของมหาลัยลงวิ่งเยอะมากๆ เลยค่ะ แถมบูธนี้จะแจกถุงใส่น้ำสำหรับใช้ตอนวิ่งด้วย จะมีตะขอเกี่ยวได้ด้วย ดีมากๆ เลยค่ะ
ตรงนี้เป็นโซนของที่ระลึกงาน โอซาก้ามาราธอนค่ะ พนักงานขายเชียร์ดีมาก เสียตังค์ไปหลายอย่างเลย
เสื้อวิ่งชาริตี้ของแต่ละสี สวยมากๆ เลย อันนี้ต้องซื้อตอนที่สมัครวิ่งนะคะ ไม่มีจำหน่ายในงานจ้า มีแต่ตัวอย่างให้ดู
แอบเจอบูธงานวิ่งในไทย เจ้าหน้าที่พนักงานเป็นคนไทยเลยค่ะ ถ้าเกิดสแกนเป็นเพื่อนทางไลน์ รับไปเลยจ้า สปายจากเมืองไทย หรือจะเลือกเป็นอาหารกระป๋องก็ได้
หมดแล้วจ้า จริงๆ มีอีกเยอะเลย แต่อยากให้ทุกคนได้ลองมาสัมผัสบรรยากาศด้วยตัวเองในปีหน้านะคะ
ขากลับเราเลือกเดินมาทางสถานี Nakafuto เพื่อขึ้น New Tram ค่ะ ใบไม้เปลี่ยนสีสวยมากๆ
ในที่สุดวันวิ่งก็มาถึง สำหรับปี 2019 งานวิ่งจะตรงกับวันที่ 1 ธันวาคมค่ะ อากาศวันนี้เรียกว่าดีมากๆ ไม่หนาวและร้อนจนเกินไป ตอนแรกที่เช็คพยากรณ์คาดว่าจะมีฝนด้วย แต่สุดท้ายก็ไม่มี มีแต่แดดจ้ามากกกก
เพิ่งรู้ว่าแถวโรงแรมเป็นจุดเชียร์ด้วย ที่นี่เค้าปิดถนนวิ่งกันเลยนะคะ เราเริ่มเห็นเค้ากั้นถนนกันตั้งแต่ 7 โมงเช้า หลังจากที่นักวิ่งผ่านไปหมด เค้าถึงจะเริ่มทยอยเปิดถนนค่ะ
ตอนแรกว่าจะนั่งบัสไป แต่ออกสายเค้าเริ่มปิดถนนแล้ว เลยต้องเปลี่ยนแพลนไปนั่งใต้ดินแทน เรานั่งใต้ดินไปลงที่สถานี Temmabashi ค่ะ จากสถานีเดินไปนิดเดียวประมาณ 1 กม แนะนำสำหรับนักวิ่ง เลือกพักโรงแรม Osaka Hotel ค่ะ ดีมากก เดินไปจุดสตาร์ทนิดเดียวเอง โรงแรมบรรยากาศข้างหน้าเป็นแม่น้ำดี๊ดี แถมใต้โรงแรมก็เป็นสถานีใต้ดินด้วย
เหมือนเดิมค่ะ เราใช้ทริคเดินตามนักวิ่งเอา 555 นักวิ่งเดินไปทางไหนเราก็ตามเค้าไป แล้วเราก็เจอปราสาทโอซาก้าค่ะ
มาถึงก็เจอเค้ากำลังซ้อมกันเลยค่ะ
มีวงโยตั้งแถว รอเปิดงานกันค่ะ
พอใกล้ปล่อยตัว วงโยและดรัมก็จะเริ่มตั้งแถวเพื่อเปิดงานกันค่ะ
จุดปล่อยตัว
แอบมาส่องนักวิ่งบล๊อค A นักวิ่งกำลังนั่งรอปล่อยตัวเลยค่ะ
มาสคอตของงานวิ่งนี้เป็นนกฮูกค่ะ น่ารักมากกก
พอเวลา 9:00 เป๊ะ ก็เริ่มปล่อยตัวเลยค่ะ นักวิ่งออกตัวกันเร็วมากๆ ถ่ายรูปไม่ทันจริงๆ ภาพเบลอหมดเลย T T เลยได้ถ่ายเป็นภาพนักวิ่งของบล๊อคอื่นแทน เค้าจะปล่อยตัวกันเป็นบล๊อคๆ ไปเลยค่ะ นักวิ่งบล๊อคหลังๆ ก็จะเดินขึ้นมาเรื่อยๆ
นักวิ่งบล๊อค E กำลังเดินมาที่จุดปล่อยตัว
โดยนักวิ่งปิดท้ายจะเป็นกลุ่มคุณหมอค่ะ ส่วนสวิปเปอร์เราเห็นเดิน ผสมไปกับนักวิ่งเลยค่ะ จะคอยเดินเก็บขยะตามทางด้วย
หลังจากที่ปล่อยตัวนักวิ่งกันหมดแล้ว เราก็มาเดินอยู่ในปราสาทโอซาก้าค่ะ แน่นอนว่าช่วงนี้สวยมาก ทั้งใบเมเปิ้ล และ แปะก๊วย แอบมีร่วงไปแล้วนิดหน่อย
จากนั้นเราก็ดูเส้นทางเพื่อไปเชียร์นักวิ่งต่อ ปรากฏว่าจุดที่เล็งไว้ นักวิ่งวิ่งผ่านไปหมดแล้วค่ะ เลยเปลี่ยนแพลนไป กม.ที่ 29 แทน เจอกัปตันด้วยค่ะ เท่มาก นักวิ่งแฟนซีรายการนี้เยอะมากๆ เลย คนที่นี่เค้าจริงจังกันเรื่องนี้มากเลยค่ะ เจอคุณลุงคนนึงมาพร้อม Sousaphone ด้วย ไม่ธรรมดาตรงที่ วิ่งไปเป่าไปด้วย เจ๋งมากก เรามัวแต่ดูกับปรบมือ เลยไม่ได้ถ่ายมา คือทึ่งมากๆ เลยค่ะ แถมคุณลุงวิ่งจบก่อนคัทออฟด้วย เราเจออีกทีตรงจุดก่อนเข้าเส้นชัย
เจอนักวิ่งคนไทยหลายท่านเลยค่ะ
อันนี้เราอยู่จุดใกล้เข้าเส้นชัยแล้ว อีกไม่กี่กิโลเท่านั้น คนจะเยอะมากๆ เลยค่ะ และจะมีพยาบาลคอยช่วยเหลือตลอดเวลาที่มีคนได้รับบาดเจ็บ ทั้งเส้นยึด เส้นพลิก หรืออื่นๆ บางคนก็ยังวิ่งต่อได้ บางคนคุณหมอบอกให้หยุดเลยค่ะ เพราะถ้าวิ่งต่อต้องเจ็บหนักแน่ๆ สำหรับคนที่หมอบอกให้หยุดก็ต้องนั่งรอเพื่อขึ้นรถไปเส้นชัยแทนค่ะ
ตรงจุดกม.ที่ 41 เป็นช่วงโค้งก่อนทางสะพานเข้าปราสาทโอซาก้าค่ะ
อันนี้โค้งเข้าปราสาท ตรงจุดนี้เราชอบมากค่ะ เพราะเป็นเส้นใบแปะก๊วยตลอดทางเลยค่ะ สวยมาก คุยกับนักวิ่งคนไทยหลายท่านก็ชอบตรงจุดนี้มากเลย
ตรงนี้เป็นจุดสุดท้ายเข้าปราสาทแล้วค่ะ เข้าได้เฉพาะนักวิ่งเท่านั้น คนทั่วไปจะเข้าได้หลังจากที่นักวิ่งหมดแล้วเท่านั้น
ถึงเส้นชัยแล้ว ตลอดระยะทางที่เราได้ตามนักวิ่ง เราเห็นทั้งนักวิ่งบาดเจ็บ เห็นบางคนเริ่มหมดแรง แต่ทุกคนก็ฮึดสู้วิ่งต่อ เราคิดว่านักวิ่งทุกคนสุดยอดมากๆ เลยค่ะ สำหรับนักวิ่งที่วิ่งไม่จบ อย่าเพิ่งยอมแพ้นะคะ ปีหน้ามาแก้มือใหม่กันค่ะ :)
ขอปิดท้ายด้วยภาพปราสาทโอซาก้า ตอน 16:30 น. ค่ะ
บันทึกประสบการณ์ ณ วันที่ 29 พฤศจิกายน และ 1 ธันวาคม 2019