ODAIBA มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด

ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นก่อนว่า โอไดบะกลายเป็นสถานที่ที่เราเห็นได้ตามทัวร์ โฆษณาบ่อยมาก เรียกได้ว่าไปโตเกียวยังไงก็ต้องไปโอไดบะ จนหลังๆ เนี่ยทั้งตัวเราและคนรอบข้างเริ่มสงสัย แบบว่า โอไดบะมีอะไรบ้าง นอกจากกันดั้มและช้อปปิ้งมอลล์ ในใจเราก็แอบคิดว่าจะน่าเบื่อมั้ยนะ แต่มาอยู่โตเกียวแล้วก็ไปลองซะหน่อย

ยูนิคอร์นกันดั้ม ห้าง Diver City Tokyo Plaza โอไดบะ

เริ่มที่แรก เมนหลักของเรา ห้าง Diver City Tokyo Plaza และเจ้ากันดั้ม เราเรียกว่า Unicorn เพราะเปิดปิดเขาได้ 555 ทุกๆชั่วโมง ก็จะมีโชว์กันดั้มทั้งแสง สี เสียง จะมีคนมามุงดูเยอะมาก เราว่าน่าตื่นเต้นดีนะ เหมือนได้กลับไปเป็นเด็ก ตอนดูฮีโร่แปลงร่าง ในใจแอบคิดถ้าเราเข้าไปในกันดั้มได้จริงๆ ก็ดีสิ เจ้ากัมดั้มก็สตรองมาก เพราะทนกับพายุฮากิบิสมาได้ ทุกคนแอบเป็นห่วงนะ ข้างๆ มีร้าน Gift Shop เล็กๆ สำหรับกันดั้มที่มีขายสินค้า Limited Edition ด้วยนะ ต่อมาที่ในห้าง เป็นอะไรที่ใหญ่มากจริงๆ เราว่า 1 วันก็ไม่พอสำหรับช้อปปิ้ง ทั้งของกิน ขนม อาหาร เสื้อผ้า ที่นี่คือมีร้านครบครันมาก ขนาดร้านที่แอบหายากอย่าง Hollister ที่มีแค่ 3-4 สาขาในญี่ปุ่น ก็มาอยู่ที่โอไดบะ ชิบูย่ายังไม่มีเลย แถมแบรนด์เนมต่างๆ ร้าน Outlet สายช้อปปิ้งก็อย่าพลาดเด้อ

เทพีเสรีภาพ Rainbow Bridge โอไดบะ

นอกจากห้าง วิวก็สวยไม่แพ้กัน ทั้งเทพีเสรีภาพ Rainbow Bridge ที่ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืนก็โดดเด่น เราว่าทุกคนต้องสงสัย ทำไมต้องมีเทพีเสรีภาพ ของทำเลียนแบบรึเปล่า จริงๆ ไม่ใช่นะ ของแท้จ้า ฝรั่งเศสได้มอบให้ญี่ปุ่นสำหรับสานความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศ แต่แค่รูปปั้นนี้เป็นชิ้นที่ 2 เท่านั้นเอง ชิ้นแรกที่ได้มาคือรูปปั้นที่เป็นต้นแบบของที่นิวยอร์ค ทางฝรั่งเศสเลยส่งกลับมาให้ใหม่แต่เล็กลงกว่าเดิม แต่ก็ใหญ่อยู่ดี จะมีคนมุ่งถ่ายรูปเยอะมาก เราก็ขอถ่ายอยู่ห่างๆ อย่างสวยงามละกัน

ริมอ่าวโตเกียวที่มีวิว Rainbow Bridge เป็นพื้นหลัง

เดินลงเนินมาหน่อยนึงก็จะเจอกับอ่าวโตเกียวที่มีวิว Rainbow Bridge เป็นพื้นหลัง ก็จะมีคนมาปิคนิคเดินเล่นกัน ข้างๆ ก็มีสวนให้ปิ้งบาร์บีคิวด้วย เราก็เดินเล่นไปตามหาด มีทราย มีเด็กมาเล่นน้ำบ้าง เดินไปสุดอ่าวมีเกาะที่เคยใช้เป็นที่กำบังทางสงคราม มีปืนใหญ่ และซากตั้งแต่สมัยก่อนสงครามโลกอีก เราก็ไปนั่งกินลมชมวิวได้ จะแอบบอกว่าเราเดินข้าม Rainbow Bridge ไปอีกฝั่งของโตเกียว (ว่างจัด) เราก็จะได้เห็นวิวอีกแบบนึง มีเรือล่องไปมา จริงๆ อยากประหยัดค่ารถไฟกลับบ้านด้วยและเดินประมาณโลกว่าๆ เอง แต่พอเดินลงไปอีกฝั่งก็จะช๊อคไปนิดหน่อย เพราะมันเงียบมาก ร้างคน แต่เดินไปสักพักก็จะเจอร้านค้า เซเว่น Ichiran Ramen เอง แต่สะพานก็จะมีเวลาเปิดปิด ห้ามขี่จักรยานด้วย

งานเนื้อ NikuFest จำหน่ายคูปองเข้างานใบละ 700 เยน

อีกหนึ่งไฮไลต์ที่อยากให้ไปโอไดบะคืออออออ ที่นี่มีอีเว้นท์เยอะมากกกกกก ก.ไก่ล้านตัว คือเราไปครั้งนึงมีอีเว้นท์จัด 5 งาน ตอนเราไปคือ มีงานเนื้อจ้า NikuFest เขาจะจำหน่ายคูปองใบละ 700 เยน และให้เราไปต่อคิวตามร้านที่อยากกิน แต่ละร้านคือหอมมาก ร้านไหนยิ่งหอมคนก็ยิ่งต่อเยอะ พอคนยิ่งเยอะแสดงว่าร้านนี้ต้องอร่อยก็ต่อกันเข้าไป แต่มันอดใจไม่ไหวจริงๆ เราไปช่วงซัมเมอร์ ก็จะเป็นช่วงที่อีเว้นท์เยอะเป็นพิเศษ ในงานนอกจากเนื้อก็มีชานมไข่มุกที่ขายดีไม่แพ้กัน มีที่นั่งแถมเวทีคอนเสิร์ตตอนกลางคืน

งานเนื้อ NikuFest โอไดบะ

ถ้าไปกันหลายคนแนะนำให้มาแชร์กันก็ได้ หรือฝากซื้อกันคนละร้าน เมนูจะอยู่ที่ 700-1400 เยนไม่เกินนี้ เนื้อคุณภาพ วากิว A4 ก็ว่าได้ เนื้อนุ่มๆ ติดมัน กับราคานี้ ทำให้คนมาจำนวนมาก

งานเนื้อ NikuFest โอไดบะ

เราก็ 2 จานพอ เพราะข้างๆ ยังมี Beer Festival เหมือน Okterberfest ของเยอรมัน ที่ทั้งงานจะจำหน่ายแต่เบียร์ตั้งแต่ 10 โมงเช้าเลยจ้า คนญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องกินเบียร์ จะพลาดเบียร์คุณภาพดีราคาจับต้องได้ได้ยังไง แต่เสียดาย เราเกรงใจไม่กล้ากิน กลัวกลับบ้านไม่ถูก นอกจากนั้นยังมีพุดดิ้งเฟสติวัล จากร้านดัง แต่หาหางแถวไม่เจอ คนที่นี่คือลงทุนมาต่อคิวเพื่อพุดดิ้งตั้งแต่ห้างยังไม่เปิด ยอมใจแล้วจ้า

ก็คืออยากแนะนำว่าถ้าจะมาโอไดบะลองหาข้อมูลกอ่นก็ได้ว่าช่วงที่เรามามีงานอะไรน่าสนใจมั้ง โดยเฉพาะช่วงเมษา พฤษภางานเยอะมาก มาลองเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ดู บางทีก็มีราเมงเฟสด้วย เราไม่จำเป็นต้องมาช้อปปิ้งอย่างเดียว มาเอาบรรยากาศ หรือข้างๆ DiverCity ก็มี  AquaCity มีชิงช้าสวรรค์ จะบอกว่า โอไดบะมีอะไรให้ทำมากกว่าที่คิดจริงๆ เราไปครั้งแรกก็กลับมาอีกรอบ 2  หรือถ้าเรามาก็แวะไป Tokyo TeamLab ทั้ง Planets กับ Borderless ก็ได้ สวยงามตามท้องเรื่อง

(รีวิวโตเกียว Planets สามารถไปอ่านกันได้นะคะ)

ยังไงก็ฝากโอไดบะไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วย แวะไปให้กำลังใจพี่ยูนิคอร์นกัน