สำหรับเหล่าผู้ที่ชื่นชอบราเม็งนั้นจะทราบกันดี ว่าที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นมีราเม็งอยู่มากมายหลายประเภทมากๆ ตอนนี้ที่ไทยเองก็มีร้านราเม็งอร่อยๆ อยู่มากมายจนนับไม่ไหว และหลายร้านก็เริ่มสร้างความแตกต่างด้วยการนำเสนอราเม็งเฉพาะทางมากยิ่งขึ้น (แทบจะทุกภูมิภาคแล้ว) หนึ่งในนั้นก็คือร้านราเม็งที่ตั้งอยู่ในย่านพร้อมพงษ์ที่เปิดให้บริการมาได้ไม่นานนัก นำเอาราเม็งจากฮอกไกโด มาให้ชาวไทยได้ลิ้มรสกัน

ร้านนี้มีชื่อว่า Naruto เป็นร้านราเม็งร้านเล็กๆ ที่อยู่ระหว่างซอยสุขุมวิท 24 และสุขุมวิท 26 (ข้างๆ ธนาคาร UOB) ซึ่งที่นี่ได้เลือกเสิร์ฟราเม็งอาซาฮิคาวะ ของดีจากฮอกไกโด จริงๆ แล้วฮอกไกโดนั้นมีราเม็งอยู่ด้วยกันสามชนิด ซึ่งจะแตกต่างกันที่นํ้าซุปนั่นเอง อย่างแรกเลยคือซัปโปโรราเม็งจะเป็นนํ้าซุปมิโสะ, ฮาโกะดาเตะจะเป็นซุปเกลือ และอาซาฮิคาวะจะเป็นซุปโชยุนั่นเอง ซึ่งที่นี่ได้นำราเม็ง Asahikawa มาทำการประยุกต์ให้มีความหลากหลายของรสชาติมากยิ่งขึ้น

บรรยากาศภายในร้าน

บรรยากาศในร้านตกแต่งเป็นโทสีอ่อน ไม่ได้ตกแต่งอย่างหรูหรา แต่ให้ความรู้สึกที่สบายๆ มีการตกแต่งน่ารักๆ ให้ความรู้สึกเป็นญี่ปุ่น มีที่นั่งประมาณ 35 ที่นั่ง แบ่งเป็นโต๊ะยาว, โต๊ะ 4 ที่นั่ง และมีห้องส่วนตัวด้วยเช่นกัน

เมนูแนะนำ

อาซาฮิคาวะ โชยุราเม็ง 185 บาท

มาถึงที่นี่กันแล้ว แน่นอนว่าเมนูอาซาฮิคาวะราเม็งนี่ล่ะจ้า โดยเลือกเป็นนํ้าซุปโชยุ (หลายคนอาจจะงงว่า อ่าว ในเมื่อมันต้องเป็นโชยุแล้วจะเลือกโชยุทำไม เดี๋ยวมาเฉลย อิอิ) โดยตัวนํ้าซุปนั้นจะได้จากการเคี่ยวกระดูกหมูและปลา เป็นนํ้าซุปที่กลมกล่อม รสไม่จัดมาก ซดคล่องคอสบายๆ

ตัวนํ้าซุปค่อนข้างมัน เป็นวิธีเก็บความร้อนของนํ้าซุปแบบดั้งเดิม

ตัวเส้นเป็นแบบเส้นหนา ลวกนุ่มๆ กรึบๆ เคี้ยวสนุกดีทีเดียว

เอาล่ะ มาว่ากันต่อว่าทำไมนํ้าซุปถึงต้องเลือก ทั้งๆ ที่อาซาฮิคาวะเป็นซุปแบบโชยุ นั้นก็เพราะว่าร้าน Naruto ได้เพิ่มความหลากหลายของเมนูเข้าไปให้ลูกค้าได้ลิ้มรสชาติที่มากกว่าอาซาฮิคาวะแบบเดิม โดยมีเพิ่มซุปแแบบมิโสะแล้วก็ชิโอะเข้าไปด้วย และทุกซุปสามารถเพิ่มบัตเตอร์คอร์นแบบซัปโปโรแล้วก็สไปซี่ได้อีกด้วย

ชิโสะเกี๊ยวซ่า 95 บาท

อันนี้ถือว่าเป็นเมนูที่หาทานได้ไม่บ่อยนัก เป็นการนำไส้เกี๊ยวซ่ามาทำการห่อด้วยใบชิโสะแทนแป้งเกี๊ยว จากนั้นก็นำไปทอด ได้เกี๊ยวซ่าที่มีความกรุบกรอบแล้วหอมใบชิโสะเอามากๆ อร่อยทานเพลินหมดไม่รู้ตัวทีเดียวล่ะ

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบราเม็งจากทางแดนเหนือ ก็ขอแนะนำว่าไปลองลิ้มรสกันได้ที่ร้าน Naruto จ้า