เริ่มต้นสิ่งดีๆ ด้วยการสักการะขอพรจะเทพพระเจ้าแห่งชัยชนะ เพื่อความเป็นสิริมงคลแห่งชีวิตกันที่ศาลเจ้าชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น อย่างที่ศาลเจ้าคาชิมะ ณ จังหวัดอิบารากิ กันดีกว่าค่ะ
ศาลเจ้าคาชิมะจินกุ เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดอีกแห่งหนึ่ง และยังถูกจัดเป็นหนึ่งในสามของศาลเจ้าแห่งญี่ปุ่นในเขตตะวันออกที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว โดยศาลคาชิมะแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 660 ก่อนคริสตศักราช และยังเป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคคันโตอีกด้วย ศาลเจ้าแห่งนี้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นศาลเจ้าที่พลังวิญญาณแก่กล้าที่สุดในภูมิภาคคันโต จัดเป็นศูนย์รวมพลังสูงสุดในการขอพรจากเทพเจ้าแห่งชัยชนะ นั่นคือ คาเคมิคาสุจิ โนะ โอคามิ (Kakemikazuchi no okami) เป็นเทพประจำศาลเจ้าที่เป็นที่นับถือของทั้งชาวญี่ปุ่นและเหล่านักท่องเที่ยว โดยส่วนใหญ่แล้วจะมุ่งหน้ามาขอพรเพื่อให้เกิดความรุ่งโรจน์ด้านการค้าขาย การเกษตร และดลบันดาลด้านการขอลูก คลอดลูก รวมถึงสมหวังในความรัก และเสริมสิริมงคลรับพลังที่จะทำให้ก้าวผ่านอุปสรรคและก้าวเดินไปข้างหน้าระหว่างช่วงผันเปลี่ยนของชีวิตไปได้ด้วยดีนั่นเองค่ะ
โดยภายในศาลเจ้าคาชิมะจินกุแห่งนี้ก่อสร้างขึ้นในปี 1619 จากเงินบริจาคของ ฮิเดตาดะ โทกุงาวะ โชกุนที่สองแห่งยุคเอโดะ นอกจากอาคารทั้งสี่ของศาลเจ้าแล้ว อีกหนึ่งสถานที่ที่ขึ้นชื่อก็คือห้องโถงหลัก หรือ Honden ของศาลเจ้า ซึ่งในส่วนของห้องโถงหลักนี้มีการกล่าวกันว่าเป็นลมหายใจจากวิญญาณแห่งนิงิมิทามะ วิญญาณอันสงบสุขของเทพเจ้าแห่งชัยชนะ และทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางหลักของศาลเจ้าคาชิมะ ที่สร้างด้วยไม้ทั้งหลังและได้รับการแกะสลักอย่างประณีตสวยงามและเรียบง่าย อาคารแห่งนี้ยังเป็นที่รู้จักกันในนามศูนย์รวมพลังถ่ายทอดชัยชนะและพละกำลัง มอบความกล้าให้ก้าวข้ามไปข้างหน้าและเปิดทางให้แก่ผู้คนที่กำลังจะเผชิญกับความท้าทายใหม่ด้วยการเริ่มต้นได้อย่างสดใสและราบรื่นอีกด้วยค่ะ
นอกจากอาคารห้องโถงหลักแล้ว ที่นี่ก็ยังมีประตูโรมัน (Romon) ประตูโรมันไม้ที่เคลือบเงาด้วยสีแดง สง่างามและสวยสดงดงามทั้งบาน ประตูบานหนานี้โดดเด่นสะดุดตา ราวกับเป็นตัวแทนในการรวมพลังทั้งหมดเข้าสู่ศาลเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ และเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นและมุมเก็บภาพที่จะพบเห็นได้จากทางเข้าศาลเจ้า ซึ่งประตูโรมันนี้สร้างในปี 1634 ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในสามประตูที่เยี่ยมยอดที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ก่อสร้างขึ้นโดยโยชิมาซะ ซาคางามิ ปรมาจารย์ด้านช่างไม้จากครอบครัวช่างฝีมือซาคางามิ และสำหรับประตูไม้แล้วนั้นเมื่อย้อนเวลากลับไปในยุคคามากุระ ประตูที่มีโครงสร้างที่สวยงามไม่ได้เป็นเพียงแค่ส่วนประกอบของตัวอาคารศาลเจ้าเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งอ้างอิงทางประวัติศาสตร์อันล้ำค่าด้านสถาปัตยกรรมของช่างไม้ได้อีกด้วย
ที่ศาลเจ้าคาชิมะแห่งนี้ ตั้งแต่ประตูและอาคารต่างๆ ของศาลเจ้าคาชิมะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่นไปเรียบร้อยแล้วค่ะ ซึ่งในทุกๆ ปีจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวผู้เลื่อมใสมากกว่า 6 แสนคนเดินทางไปสักการะขอพรในช่วงปีใหม่ เพื่อให้มีทักษะการกีฬาด้านศิลปะการต่อสู้ที่ดีขึ้น ขอพรให้ชนะการแข่งขันต่างๆ การขอให้คลอดลูกอย่างปลอดภัย ขอให้ประสบความสำเร็จกับสิ่งที่หวัง และขอให้เจริญรุ่งเรืองด้านธุรกิจ เป็นต้น อย่างไรเสียหากได้ไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นกันละก็ต้องไปสักการะและขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันที่ศาลเจ้าคาชิมะจินกุกันนะคะ
ข้อมูลจาก
http://www.pref.ibaraki.jp/bugai/kokusai/tabunka/th/index.html
https://www.ana.co.jp/th/th/japan-travel-planner/ibaraki/0000001.html
ศาลเจ้าคาชิมะจินกุ เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดอีกแห่งหนึ่ง และยังถูกจัดเป็นหนึ่งในสามของศาลเจ้าแห่งญี่ปุ่นในเขตตะวันออกที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว โดยศาลคาชิมะแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 660 ก่อนคริสตศักราช และยังเป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคคันโตอีกด้วย ศาลเจ้าแห่งนี้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นศาลเจ้าที่พลังวิญญาณแก่กล้าที่สุดในภูมิภาคคันโต จัดเป็นศูนย์รวมพลังสูงสุดในการขอพรจากเทพเจ้าแห่งชัยชนะ นั่นคือ คาเคมิคาสุจิ โนะ โอคามิ (Kakemikazuchi no okami) เป็นเทพประจำศาลเจ้าที่เป็นที่นับถือของทั้งชาวญี่ปุ่นและเหล่านักท่องเที่ยว โดยส่วนใหญ่แล้วจะมุ่งหน้ามาขอพรเพื่อให้เกิดความรุ่งโรจน์ด้านการค้าขาย การเกษตร และดลบันดาลด้านการขอลูก คลอดลูก รวมถึงสมหวังในความรัก และเสริมสิริมงคลรับพลังที่จะทำให้ก้าวผ่านอุปสรรคและก้าวเดินไปข้างหน้าระหว่างช่วงผันเปลี่ยนของชีวิตไปได้ด้วยดีนั่นเองค่ะ
โดยภายในศาลเจ้าคาชิมะจินกุแห่งนี้ก่อสร้างขึ้นในปี 1619 จากเงินบริจาคของ ฮิเดตาดะ โทกุงาวะ โชกุนที่สองแห่งยุคเอโดะ นอกจากอาคารทั้งสี่ของศาลเจ้าแล้ว อีกหนึ่งสถานที่ที่ขึ้นชื่อก็คือห้องโถงหลัก หรือ Honden ของศาลเจ้า ซึ่งในส่วนของห้องโถงหลักนี้มีการกล่าวกันว่าเป็นลมหายใจจากวิญญาณแห่งนิงิมิทามะ วิญญาณอันสงบสุขของเทพเจ้าแห่งชัยชนะ และทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางหลักของศาลเจ้าคาชิมะ ที่สร้างด้วยไม้ทั้งหลังและได้รับการแกะสลักอย่างประณีตสวยงามและเรียบง่าย อาคารแห่งนี้ยังเป็นที่รู้จักกันในนามศูนย์รวมพลังถ่ายทอดชัยชนะและพละกำลัง มอบความกล้าให้ก้าวข้ามไปข้างหน้าและเปิดทางให้แก่ผู้คนที่กำลังจะเผชิญกับความท้าทายใหม่ด้วยการเริ่มต้นได้อย่างสดใสและราบรื่นอีกด้วยค่ะ
นอกจากอาคารห้องโถงหลักแล้ว ที่นี่ก็ยังมีประตูโรมัน (Romon) ประตูโรมันไม้ที่เคลือบเงาด้วยสีแดง สง่างามและสวยสดงดงามทั้งบาน ประตูบานหนานี้โดดเด่นสะดุดตา ราวกับเป็นตัวแทนในการรวมพลังทั้งหมดเข้าสู่ศาลเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ และเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นและมุมเก็บภาพที่จะพบเห็นได้จากทางเข้าศาลเจ้า ซึ่งประตูโรมันนี้สร้างในปี 1634 ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในสามประตูที่เยี่ยมยอดที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ก่อสร้างขึ้นโดยโยชิมาซะ ซาคางามิ ปรมาจารย์ด้านช่างไม้จากครอบครัวช่างฝีมือซาคางามิ และสำหรับประตูไม้แล้วนั้นเมื่อย้อนเวลากลับไปในยุคคามากุระ ประตูที่มีโครงสร้างที่สวยงามไม่ได้เป็นเพียงแค่ส่วนประกอบของตัวอาคารศาลเจ้าเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งอ้างอิงทางประวัติศาสตร์อันล้ำค่าด้านสถาปัตยกรรมของช่างไม้ได้อีกด้วย
ที่ศาลเจ้าคาชิมะแห่งนี้ ตั้งแต่ประตูและอาคารต่างๆ ของศาลเจ้าคาชิมะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่นไปเรียบร้อยแล้วค่ะ ซึ่งในทุกๆ ปีจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวผู้เลื่อมใสมากกว่า 6 แสนคนเดินทางไปสักการะขอพรในช่วงปีใหม่ เพื่อให้มีทักษะการกีฬาด้านศิลปะการต่อสู้ที่ดีขึ้น ขอพรให้ชนะการแข่งขันต่างๆ การขอให้คลอดลูกอย่างปลอดภัย ขอให้ประสบความสำเร็จกับสิ่งที่หวัง และขอให้เจริญรุ่งเรืองด้านธุรกิจ เป็นต้น อย่างไรเสียหากได้ไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นกันละก็ต้องไปสักการะและขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันที่ศาลเจ้าคาชิมะจินกุกันนะคะ
ข้อมูลจาก
http://www.pref.ibaraki.jp/bugai/kokusai/tabunka/th/index.html
https://www.ana.co.jp/th/th/japan-travel-planner/ibaraki/0000001.html