ชมมรดกโลก กรุ่นกลิ่นชาเขียว ที่เมืองอุจิ

ภูมิภาคคันไซ ถือเป็นเขตที่ค่อนไปทางกลางของประเทศญี่ปุ่น มีจังหวัดและแหล่งท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ท่านๆ ได้ไปเที่ยวชมกันอยู่มากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ เมืองอุจิ จังหวัดเกียวโต ทำให้วันนี้เราจะไปทำความรู้จักกับเมืองอุจิ หนึ่งในเมืองท่องเที่ยวของจังหวัดเกียวโตกันค่ะ


อุจิ (Uji) เมืองเก่าเล็กๆ แห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่างเกียวโตและนะระ โดยมีแม่น้ำอุจิ (Uji river) ไหลผ่าน โดยยังคงความสงบเงียบและมีมนต์ขลังเอาไว้ได้ และที่เมืองอุจิแห่งนี้นี่เองที่มีศาลเจ้าและวัดวาอารามอยู่เป็นจำนวนมาก และยังสามารถคงความสมบูรณ์ทางสถาปัตยกรรมที่สวยงามของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เอาได้อย่างดี จึงทำให้สถานที่หลายแห่งในเมืองอุจิได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เช่น ศาลเจ้าอุจิกามิ (Ujigami shrine)



ศาลเจ้าแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่เจ้าชายผู้สละชีวิตของตนเองเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งในการขึ้นครองราชย์ โดยที่ศพของเจ้าชายองค์นี้และคนอื่นๆ ในรางวงศ์ถูกเก็บไว้ที่หอหลักของศาลเจ้าแห่งนี้ ซึ่งมีศาลเจ้าเล็กๆ 3 ศาลอยู่ภายในหลังคาเดียวกัน นับว่าเป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ศาลเจ้าอุจิกามินี้ตั้งอยู่ตรงข้ามกับวัดเบียวโดอิน โดยมีแม่น้ำอุจิกั้นกลางไว้ค่ะ



เรามาต่อกันที่ วัดเบียวโดอิน (Byodoin temple) วัดที่มีอายุยาวนานมากว่าพันปี โดยวัดถูกสร้างขึ้นในสมัยเฮอัน และในเวลาต่อมาได้มีการเปลี่ยนให้วัดแห่งนี้เป็นวัดในศาสนาพุทธ และเริ่มก่อสร้างวิหารหลัก ที่ตั้งอยู่ใจกลางของวัด เรียกว่า โฮโอโด (Hoodo) โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ลักษณะการสร้างที่คล้ายกับนก



โดยมีอาคารตรงกลางเป็นส่วนลำตัวนก และมีปีกของอาคารทั้งสองข้างเหมือนนกกำลังกางปีกสยายออก ซึ่งเรียกกันว่า ศาลนกอมตะ และถ้าเราเห็นเงาของอาคารที่ปรากฏบนผิวน้ำในสระขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าแล้วละก็ จะทำให้รู้สึกราวกับว่านกตัวใหญ่นี้กำลังจะบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างไรอย่างนั้นเลยละค่ะ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ หอแห่งนกอมตะ ทำให้ภาพนี้กลายเป็นภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น จึงทำให้ไปปรากฏอยู่บนด้านหลังเหรียญ10 เยนนั่นเองค่ะ



โดยภายในอาคารเป็นที่ประดิษฐานพระอมิตาภพุทธะ พระพุทธรูปไม้แกะสลักที่ประทับนั่งอยู่บนดอกบัว กลีบบัวทำด้วยโลหะ และพระรัศมีแกะสลักเป็นกรอบอยู่หลังองค์พระ งานละเอียดและสวยงามมาก จึงทำให้ใน ปี ค.ศ. 1994 วัดเบียวโดอินได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก และหากใครมีโอกาสได้ไปท่องเที่ยวที่วัดเบียวโดอิน เราขอแนะนำให้ไปในช่วงปลายเดือนเมษายนจนถึงต้นเดือนพฤษภาคมนะคะ เพราะอาจจะได้เห็นดอกฟูจิโนะฮานะ (Fuji No Hana) หรือดอกวิสทีเรีย (Wisteria) ที่กำลังชูช่ออวดดอกสีม่วง ห้อยเป็นพวงระย้า ซึ่งดอกวิสทีเรียนี้มีอายุยาวนานมากกว่า 200 ปีเลยทีเดียวค่ะ



เดินเที่ยวชมความงามของศาลเจ้าแลวัดวาอาราม ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อิ่มอกอิ่มใจกันไปแล้ว เรามาเติมพลังงานในกับกระเพาะอาหารของเรากันดีกว่าค่ะ โดยที่เราจะไปเดินเล่นกันที่ถนนเบียวโดอินโอโมะเตซันโด (Byodoin omotesando) หรือถนนชาเขียว ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับวัดเบียวโดอิน ก็จะพบบรรดาร้านค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่ต่างๆ มากมาย ตลอดระยะทาง 300 เมตรของถนนเส้นนี้เลยค่ะ



และในส่วนเมนูแนะนำก็ต้องเป็นอาหารทั้งคาวและหวานที่มีส่วนผสมของอุจิมัทฉะ (Uji matcha) ชาเขียวคุณภาพดีและยังได้รับความนิยมที่สุดในประเทศญี่ปุ่นค่ะ ไม่ว่าจะเป็น โซบะชาเขียว ทาโกะยากิชาเขียว เกี๊ยวซ่าชาเขียว ดังโงะชาเขียว โครเกต์ชาเขียว ซอฟต์ครีมชาเขียว หรือการรับประทานวากาชิกับชาเขียวรสเลิศของที่เมืองอุจิก็จะฟินไปอีกแบบนะคะ



โดยกันว่าเมืองอุจิแห่งนี้ มีการเพาะปลูกชาเขียวเป็นจำนวนมากและจึงทำให้ชาเขียวของเมืองอุจิเป็นที่โด่งดัง เป็นที่นิยมไปทั่วญี่ปุ่น ไหนๆ ก็ได้มาเยือนเมืองแห่งชาเขียวคุณภาพเยี่ยมทั้งที ก็ต้องไปชมแหล่งปลูกชาโอบุบุ (Obubu Tea Plantations) และ โชโฮคุเอ็น (Shohokuen) กันค่ะ โดยทั้งสองสถานที่นี้ เปิดพื้นที่เพาะปลูกชาและโรงงานผลิตชาให้กับนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ค่ะ


อีกหนึ่งกิจกรรมที่อยากให้ทุกๆ ท่านลองไปสร้างประสบการณ์การตกปลาค่ะ อืม อาจจะ เอ๊ะ ไปตั้งไกล ไปตกปลาเนี่ยนะ มันจะไม่ธรรมดาไปหรือ ต้องบอกว่าการตกปลาที่เมืองอุจิแห่งนี้ ไม่ธรรมดานะคะ เพราะเป็นการตกปลาด้วยนกกาน้ำและโคมไฟค่ะ โดยวิธีการตกปลาแบบยูไคนี้เป็นวิธีแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น โดยในเรือแต่ละลำจะมีนกกาน้ำคนละสิบกว่าตัว



ซึ่งชาวประมงจะผูกสายจูงนกกาน้ำไว้กับเรือ โดยที่นกกาน้ำจะว่ายน้ำไปพร้อมกับเรือที่แล่นไป โดยนกกาน้ำเหล่านี้จะดำน้ำลงไปจับปลาด้วยการกลืนปลาลงไปเก็บไว้ในถุงพิเศษที่อยู่ในลำคอ จากนั้นชาวประมงจะมีวิธีการพิเศษรัดเชือกไว้ที่คอเพื่อป้องกันไม่ให้อีกากลืนกินปลาเหล่านั้นลงไป และในเรือแต่ละลำจะมีคบไฟขนาดใหญ่เพื่อส่องแสงสว่างให้นกกาน้ำจับปลา ถือว่าเป็นอีกวัฒนธรรมท้องถิ่นแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ยังคงอนุรักษ์และสืบสานต่อๆ มาจนถึงปัจจุบันค่ะ และการตกปลาแบบนี้จะเริ่มทำกันตั้งแต่เวลาหลังกกโมงเย็นเป็นต้นไปค่ะ



สำหรับเมืองอุจิ เมืองแห่งชาเขียวที่ยอดเยี่ยมที่สุดของญี่ปุ่นอย่างนี้ ของฝากที่จะหอบหิ้วกลับบ้านก็ต้องเป็นชาเขียวค่ะ และยิ่งเป็นชาเขียวที่ดังไปทั้งในประเทศและต่างประเทศแล้ว รับรองได้เลยค่ะว่า ผู้บริโภคอย่างเราๆ ท่านๆ จะได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ที่อยู่ในชาเขียวได้อย่างเต็มทีแน่นอนค่ะ อย่าลืมพาชาเขียวคุณภาพดี มีประโยชน์แพ็กใส่กระเป๋า ก่อนโบกมือลาเมืองเล็กๆ ที่ไม่ธรรมดาอย่างเมืองอุจินะคะ

ข้อมูลจาก https://www.jnto.or.th/newsletter/uji-kyoto/ , https://kyoto.travel/th , https://www.talonjapan.com/cormorant-fishing-ukai/