สัมผัสญี่ปุ่นที่แท้จริงกับการดื่มชาเขียวชั้นยอด

ว่ากันว่าจะสัมผัสความเป็นญี่ปุ่นอย่างแท้จริงต้องไม่พลาดในการละเลียดชาญี่ปุ่นรสเลิศ หลายคนอาจจะคิดว่าไอ้การดื่มชานั้นมันก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา ไม่ได้มีอะไรวิเศษมากมายกันเสียเท่าไหร่ แต่จริงๆ แล้วถ้าเกิดได้ศึกษาลงลึกไปแล้วมันมีเรื่องราวและความน่าสนใจอยู่มากมายเลยทีเดียว ไม่ใช่อะไรที่แบบว่าซื้อเป็นขวดๆ เป็นชาหวานๆ ตามร้านสะดวกซื้อแต่อย่างใด เมื่อเร็วๆ นี้ผู้เขียนก็ได้มีโอกาสได้ไปสัมผัสกับการดื่มชาแบบต้นตำรับที่แท้จริงที่ร้านแห่งหนึ่งในเมืองคิตะคิวชู จังหวัดฟุกุโอกะ แล้วก็ได้ความรู้ติดไม้ติดมือกลับมานิดหน่อยก็เลยจะนำมาบอกเล่าให้ได้อ่านกันจ้า

IMG_9730

ร้านนี้มีชื่อว่า Tsujiri เป็นร้านชาแห่งหนึ่งที่อยู่ที่ย่านร้านค้าในเขตโคคุระของเมืองคิตะคิวชู เข้ามาที่ร้าน เราจะเห็นได้ว่ามีชาอยู่มากมายหลายประเภทวางเรียงรายอยู่ในร้าน แน่นอน ว่าคนที่มาเลือกซื้อชาหวังจะกลับไปดื่มที่บ้านนั้นเลือกไม่ถูกกันอย่างแน่นอน ไม่ใช่ว่าอันที่แพงที่สุดจะเป็นชาที่ถูกใจเรามากที่สุด เราก็เลยต้องมาเรียนรู้กันสักนิดหน่อย โดยทางเจ้าของร้านก็รับอาสาที่จะมาอธิบายเรื่องควรรู้น่าสนใจมาให้ฟังกัน

อย่างแรกเลย ทำมาชาญี่ปุ่นถึงมีสีเขียวล่ะ นั่นก็เพราะว่าใบชาไม่ได้ผ่านกระบวนการหมักแม้แต่นิดเดียว ซึ่งจะนำไปอบเลยทันที จึงยังทำให้ใบชานั้นยังมีสีเขียวอยู่ ญี่ปุ่นนั้นได้รับวัฒนธรรมในเรื่องชามาจากจีนมาตั้งแต่ปี ค.ศ. ​1080 ซึ่งตอนที่นำเข้ามานั้นใบชามันยังมีสีเขียวอยู่ ก็เลยนำมาอบทั้งๆ อย่างนั้น ดังนั้นเองชาวญี่ปุ่นก็เลยคุ้นเคยกับการทานชาที่เป็นสีเขียวตั้งแต่บัดนั้นจนถึงปัจจุบัน ส่วนชาฝรั่งเริ่มเข้ามาในสมัยเอโดะ จึงได้รับความนิยมที่น้อยกว่านั่นเอง

ชาที่ปลูกในแต่ละพื้นที่นั้นก็จะให้รสชาติที่แตกต่างกันตามสถาวะแวดล้อมที่ปลูกชา ซึ่งจังหวัดที่มีการปลูกชาที่เยอะที่สุดในประเทศญี่ปุ่นนั่นก็คือจังหวัดชิสุโอกะ ซึ่งพันธุ์ต่างๆ นั้นมีด้วยกันอยู่หลายพันธุ์เลยทีเดียว จะให้พิมพ์รายชื่อทั้งหมดคงอ่านจนนํ้าลายย้อยพล่อยหลับกันอย่างแน่นอน งานที่ยากของเจ้าของร้านชาร้านนี้ก็คือการคัดเลือกใบชาที่ดีที่สุดจากหลากหลายที่มาให้ลูกค้าได้ลิ้มรสกัน

IMG_9735

IMG_9739

ชาที่นี่มีให้เลือกกันมากมายหลายเกรด ซึ่งเกรดที่ดีที่สุดอย่างชาเกียวกุโระก็มีให้เลือกมากมาย ซึ่งทางผู้จัดการร้านเองก็ได้กล่าวว่าร้านชาที่ดีนั้นจะต้องให้ลูกค้าได้ลองชิม ซึ่งก็จริงของเขานั่นแหละ ชาที่แพงที่สุดไม่ได้หมายความว่าจะเป็นชาที่อร่อยที่สุดเสมอไป เกิดหน้ามืดตามัวซื้อไปแล้วจะมาโวยวายหาว่าโดนหลอกกันอีก ยิ่งใครที่ได้ประเทศจีนบ่อยๆ ก็จะโดนหลอกมานักต่อนักจนเริ่มรู้ทันพี่จีนแล้ว

IMG_9749

อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากๆ เลยก็คือก็คือวิธีการชงนี่แหละ บางคนเลือกชาจนถูกใจ ซื้อกลับบ้านไปแต่ว่าชงไม่เป็น จากชาชั้นยอดก็สามารถเปลี่ยนเป็นนํ้าล้างเท้าได้โดยง่ายได้ ด้วยความเอาใจใส่ของคุณเจ้าของร้าน ก็เลยต้องมีการสอนวิธีชงชาอย่างถูกต้องให้กับเราสักหน่อย เพื่อที่จะได้ลิ้มชาได้อย่างเต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์กันล่ะ

IMG_9755

ขั้นตอนการชงนั้นก็ไม่ได้ง่ายดายนัก แต่ก็ไม่ได้ลำบากแสนเข็นชวนอารมเสียพาลเขวี้ยงกานํ้าชาใส่หัวสุนัขที่บ้านแต่อย่างใด ทางร้านบอกว่าที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ ห้ามชงชาด้วยนํ้าเดือด (100 องศาเซลเซียส) เป็นอันขาด เพราะว่าจะทำให้ชาดีๆ นั้นเสียคุณค่าและรสชาติไป แต่ว่าเราก็ไม่ได้ถึงขนาดว่าต้องเอาเทอร์โมมิตเตอร์ไปยืนวัดให้มันลำบากขนาดนั้น เพราะเขามีวิธีง่ายๆ ก็คือ ให้เราต้มนํ้าเดือดตามปกตินี่แหละ จากนั้นก็นำนํ้าเดือดมาเทใส่ภาชนะตวง ขั้นตอนนี้นี่เองจะทำให้อุณหภูมินํ้าลดลงไปประมาณ 5 องศา แล้วจากนั้นก็ให้เรานำนํ้าที่อยู่ในภาชนะตวง ไปใส่ในถ้วยที่เราจะใช้ดื่มชา จากนั้นค่อยนำนํ้าที่อยู่ในถ้วยชาใส่เข้าไปในกาที่มีชาใส่อยู่ ซึ่งก็จะทำให้นํ้ามีอุณหภูมิลงลดอีกหน่อยหน่อย กลายเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมในการชงชาแล้ว จากนั้นก็รอประมาณ 1 นาที ขยับกานํ้าชาให้นํ้ากับใบชามันเข้ากันสักเล็กน้อยแล้วก็เทดื่มได้ทันที บอกเลยว่ารสชาตินั้นหอมแล้วรสก็สุดยอดมาก สมกับเป็นชาระดับเกียวกุโระ ดื่มไปฟินไปละทีนี้ สามารถชงซํ้าได้ประมาณ 3 รอบ

IMG_9758

IMG_9766

IMG_9770

IMG_9773

ด้วยความที่อากาศบ้านเรามันร้อนจนไม่รู้จะด่าว่ายังไงดีแล้ว บ่นไปพระอาทิตย์ก็ไม่ได้มารับรู้กับเราหรอก ทางร้านเขาก็รู้ว่าบ้านเราอาจจะไม่ได้เหมาะกับการดื่มชาร้อนทุกวัน เราก็เลยแนะนำวิธีการชงแบบเย็นให้เราได้ชมกัน ขอสารภาพอย่างจริงจังเลยว่าเกิดมามีชีวิตอยู่บนโลกมาหลายปี พึ่งจะรู้ว่าไอ้ชาเขียวแบบนี้มันสามารถชงในนํ้าเย็นได้ด้วย มีสีมีกลิ่นมีรสไม่ได้แพ้กับชงแบบร้อนๆ เลย และยังมีรสชาติดีกว่าชงแบบร้อนแล้วเอานํ้าแข็งมาเติมทีหลังด้วย เพียงแค่เติมนํ้าเย็นลงไปในชาแล้วเขย่าๆ เท่านั้นเอง แต่ว่าการชงแบบเย็นนั้นจะชงได้ประมาณ 2 รอบเท่านั้น รสก็จะจืดจางไม่เข้มข้นเหมือนกับนํ้าแรกและนํ้าที่สองแล้ว

IMG_9777

เสร็จสิ้นกระบวนการ ความฟินบังเกิดถึงขั้นสูงสุด ขั้นต่อไปก็คือการซื้อกลับไปชงดื่มเองที่บ้านล่ะ ฮ่าๆ นอกจากชาที่มีอยู่มากมายแล้วที่นี่ก็ยังมีขายพวกอุปกรณ์ชงชา, ถ้วยนํ้าชา, กานํ้าชา และอื่นๆ อีกมากมาย เรียกว่าเข้าร้านเดียว กลับบ้านก็ชงได้เลย ครบเสร็จสรรพออลอินวันไม่ต้องไปหาจากที่อื่นต่อ

และอีกหนึ่งไฮไลท์เด็ดของร้านนี้ที่เป็นที่ถูกใจหนุ่มสาวเลยก็คือ ของหวานนั่นเองจ๊ะ ที่นี่เขาก็มีของหวานมากมาย เอาล่ะมีอะไรบ้างเรามาดูกัน

IMG_9787

อย่างแรกเลยก็คือซอฟต์ครีมชาเขียวจ้า ไอศกรีมนุ่มๆ หนักแน่นรสชาเขียวกับความหวานระดับพอดี น่าปลื้มใจยิ่งนัก เพราะว่าของพวกนี้ที่ขายในประเทศไทยมักจะมีรสหวานที่เกินงาม ใครชอบทานหวานก็ดีไป ส่วนใครที่ไม่ทานหวานก็ต้องมาทานที่ญี่ปุ่นนี่แหละ

IMG_9791

อันที่สองตามมาติดๆ เลยก็คือพุดดิ้งนั่นเอง แน่นอนว่าเราอยู่ร้านชา เจ้านี่ก็เลยกลายเป็นพุดดิ้งชาหอมหวานอัดแน่นไปด้วยรสและกลิ่นชาหอมๆ ซึ่งเจ้านี้จะไม่ใช่มัตฉะ แต่เป็นโฮจิฉะซึ่งก็อร่อยดีไปอีกแบบ

IMG_9792

IMG_9799

สุดท้ายก็คือชูว์ครียมชาเขียว ส่วนตัวคิดว่าอันนี้เด็ดที่สุดในร้าน ครีมชาเขียวรสเนียนละมุนอัดแน่นเต็มๆ ชิ้นเข้มเต็มรสชาเขียว ห่อหุ่มด้วยแป้งหนากำลังดี

เรียกว่าได้งานนี้ได้ทั้งลิ้มรสชาชั้นเลิศแล้วก็ได้ความรู้ใหม่ๆ เกี่ยวกับชาติดไม้ติดมือกันมาเพียบเลยทีเดียวใครที่ได้มีโอกาสไปเข้าร้านชาก็สามารถไปหาซื้อมาลองกันได้ หรือถ้าเกิดว่ามาที่เมืองคิตะคิวชูได้ก็มาที่ร้าน Tsujiri ร้านนี้เลย เจ้าของร้านเขาโปรเรื่องชามากๆ จ้า



1 Chome-2-11 Uomachi, Kokurakita Ward, Kitakyushu, Fukuoka Prefecture 802-0006, Japan

เว็บไซต์หลัก

www.tsujiri.co.jp