คอนนิจิวะค่ะทุกคน วันนี้แอดจะพาทุกคนข้ามน้ำข้ามทะเลไปเที่ยวกันที่ญี่ปุ่น แต่ครั้งนี้จะไม่ใช่สถานทีท่องเที่ยวทั่วไปที่เราจะได้เห็นกันบ่อยๆ ตามเว็บ แต่แอดจะพาไปดูนวัตกรรมใหม่ๆ และเทคโนโลยีที่ก้าวไกล กันที่ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ มิไรคัง (Miraikan) หรือชื่อเต็มๆ คือ The National Museum of Emerging Science and Innovation พิพิธภัณฑ์นี้ตั้งอยู่ที่โอไดบะ (Odaiba) ซึ่งไม่ไกลจากโตเกียวมากนัก สามารถเดินทางไป one day trip ได้
การเดินทางไปพิพิธภัณฑ์
ราคา
(สำหรับผู้มาเป็นกลุ่ม)
เวลาเปิด-ปิด : 10:00 - 17:00 น.
เดินมาจะเห็นตึกอย่างชัดเจนเลย พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ค่อยข้างมีพื้นที่ใหญ่ และกว้างขว้างมาก โดยรอบจะมีสนามหญ้า และลานโล่งแจ้ง จะมีผู้คนมาเดินเล่นกันอย่างเยอะแยะเลย
และแล้วเราก็เข้ามาถึงตัวอาคารกันแล้ว แวะซื้อตั๋วให้เรียบร้อยแล้ว พุ่งตัวเข้าไปกันเลยค่ะ (ราคาแอดได้แจ้งไปแล้วในตอนแรกนะคะ)
เข้ามาถึงเลย แอดรู้สึกตกใจกับความอลังการของรูปโลกมากเลย มีขนาดใหญ่และอยู่ในจุดที่เด่นชัด เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี้ได้เลย ความพิเศษของลูกโลกนี่คือ สามารถแสดงสภาพปัจจุบันในแต่ละพื้นที่ให้เราได้เห็น เช่น อุณหภูมิ พื้นดิน หรือแม้กระทั้งโอโซนของโลก โดยลูกโลกจะมีการอัพเดทข้อมูลเป็นวันต่อวัน ทำให้เราได้รับขอมูลที่แน่นอน รอบๆของลูกโลกจะมีบันไดวนสำหรับขึ้นไปแต่ละชั้น ทำให้เราได้มองเห็นลูกโลกได้แบบ 360 องศา
มาต่อกันที่โซนที่เด็กๆชื่นชอบเป็นพิเศษก็คือ......เจ้าหุ่นยนต์ ASIMO จาก HONDA
เจ้าหุ่นยนต์ ASIMO ตัวนี้ สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้เหมือนคน ไม่ว่าจะวิ่งหรือเดิน อีกทั้งยังสามารถสื่อสารด้วยระบบเสียง และท่าทาง อีกทั้งยังมีการแสดงเล็กน้อยจากเจ้า ASIMO ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชม ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็ก การที่ได้เห็นหุ่นยนต์ ASIMO นี้ทำให้แอดคิดว่า โลกเรานี้พัฒนาไปได้ไกลมากแล้วจริงๆ
มาที่โซนต่อไปที่แอดชอบเป็นพิเศษ
นั้นก็คือ หุ่นจำลองแมวน้ำตัวนี้นี่เอง ความพิเศษของเจ้าแมวน้ำตัวนี้สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้เหมือนของจริง มีเสียงด้วยนะ แอดเห็นแล้วอยากจะแอบเอากลับมาไทยด้วยเลยย
เดินดูมาหลากหลายโซนมาแล้ว แต่ละโซนก็จะมีความหลากหลาย และทำให้ได้เห็นความก้าวหน้าของเทคโนโลยีของญี่ปุ่น และเปิดมุมมองใหม่ๆสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆ แอดสังเกตได้ว่าที่นี่จะให้ความสำคัญแก่เด็กๆ ให้ความรู้และให้ลองทำ เพื่อเด็กโตขึ้นจะได้มีคุณภาพที่ดี
หากเดินมาเหนื่อยๆ ชั้นล่างสุดจะเป็นที่พักผ่อน สามารถนั่งพัก หรือให้เด็กๆได้วิ่งเล่น มีเก้าอี้ โซฟาไว้รองรับด้วยนะ
หมดเวลาของการทัศนศึกษาแล้ว ถือว่าลองเปลี่ยนรูปแบบการท่องเที่ยวจากช็อปปิ้ง มาดูความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี หากใครมีโอกาสขอให้ได้มาลองสัมผัสด้วยตัวของคุณเองนะคะ ติดตามครั้งหน้าว่าแอดจะพาไปตะลุยที่ไหนอีก เกาะจอเตรียมรอกันเลยนะ
สำหรับใครที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ดูได้ที่นี่: https://www.miraikan.jst.go.jp/en/
การเดินทางไปพิพิธภัณฑ์
- นั่งรถไฟสายวงกลม สีเขียวอ่อน Yamanote line มาลงสถานี Shimbashi แล้วต่อรถไฟสาย Yurikamome line มาลงสถานี Fune-nokagakukan หรือมาลงสถานี Telecom Center เดินต่อไปอีกประมาณ 4-5 นาที (ตลอดทางจะมีป้ายบอกทางไปพิพิธภัณฑ์ ไม่ต้องกลัวหลงเลยค่ะ)
ราคา
- อายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป ราคา 620 เยน / คน
- อายุ 18 ปี หรือต่ำกว่า 18 ปี ราคา 210 เยน / คน
(สำหรับผู้มาเป็นกลุ่ม)
- อายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป ราคา 490 เยน / คน
- อายุ 18 ปี หรือต่ำกว่า 18 ปี ราคา 210 เยน / คน
เวลาเปิด-ปิด : 10:00 - 17:00 น.
เดินมาจะเห็นตึกอย่างชัดเจนเลย พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ค่อยข้างมีพื้นที่ใหญ่ และกว้างขว้างมาก โดยรอบจะมีสนามหญ้า และลานโล่งแจ้ง จะมีผู้คนมาเดินเล่นกันอย่างเยอะแยะเลย
และแล้วเราก็เข้ามาถึงตัวอาคารกันแล้ว แวะซื้อตั๋วให้เรียบร้อยแล้ว พุ่งตัวเข้าไปกันเลยค่ะ (ราคาแอดได้แจ้งไปแล้วในตอนแรกนะคะ)
เข้ามาถึงเลย แอดรู้สึกตกใจกับความอลังการของรูปโลกมากเลย มีขนาดใหญ่และอยู่ในจุดที่เด่นชัด เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี้ได้เลย ความพิเศษของลูกโลกนี่คือ สามารถแสดงสภาพปัจจุบันในแต่ละพื้นที่ให้เราได้เห็น เช่น อุณหภูมิ พื้นดิน หรือแม้กระทั้งโอโซนของโลก โดยลูกโลกจะมีการอัพเดทข้อมูลเป็นวันต่อวัน ทำให้เราได้รับขอมูลที่แน่นอน รอบๆของลูกโลกจะมีบันไดวนสำหรับขึ้นไปแต่ละชั้น ทำให้เราได้มองเห็นลูกโลกได้แบบ 360 องศา
มาต่อกันที่โซนที่เด็กๆชื่นชอบเป็นพิเศษก็คือ......เจ้าหุ่นยนต์ ASIMO จาก HONDA
เจ้าหุ่นยนต์ ASIMO ตัวนี้ สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้เหมือนคน ไม่ว่าจะวิ่งหรือเดิน อีกทั้งยังสามารถสื่อสารด้วยระบบเสียง และท่าทาง อีกทั้งยังมีการแสดงเล็กน้อยจากเจ้า ASIMO ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชม ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็ก การที่ได้เห็นหุ่นยนต์ ASIMO นี้ทำให้แอดคิดว่า โลกเรานี้พัฒนาไปได้ไกลมากแล้วจริงๆ
มาที่โซนต่อไปที่แอดชอบเป็นพิเศษ
นั้นก็คือ หุ่นจำลองแมวน้ำตัวนี้นี่เอง ความพิเศษของเจ้าแมวน้ำตัวนี้สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้เหมือนของจริง มีเสียงด้วยนะ แอดเห็นแล้วอยากจะแอบเอากลับมาไทยด้วยเลยย
เดินดูมาหลากหลายโซนมาแล้ว แต่ละโซนก็จะมีความหลากหลาย และทำให้ได้เห็นความก้าวหน้าของเทคโนโลยีของญี่ปุ่น และเปิดมุมมองใหม่ๆสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆ แอดสังเกตได้ว่าที่นี่จะให้ความสำคัญแก่เด็กๆ ให้ความรู้และให้ลองทำ เพื่อเด็กโตขึ้นจะได้มีคุณภาพที่ดี
หากเดินมาเหนื่อยๆ ชั้นล่างสุดจะเป็นที่พักผ่อน สามารถนั่งพัก หรือให้เด็กๆได้วิ่งเล่น มีเก้าอี้ โซฟาไว้รองรับด้วยนะ
หมดเวลาของการทัศนศึกษาแล้ว ถือว่าลองเปลี่ยนรูปแบบการท่องเที่ยวจากช็อปปิ้ง มาดูความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี หากใครมีโอกาสขอให้ได้มาลองสัมผัสด้วยตัวของคุณเองนะคะ ติดตามครั้งหน้าว่าแอดจะพาไปตะลุยที่ไหนอีก เกาะจอเตรียมรอกันเลยนะ
สำหรับใครที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ดูได้ที่นี่: https://www.miraikan.jst.go.jp/en/