ทำไมเราเพิ่งรู้จักกัน...มิยาซากิ

มิยาซากิ (Miyazaki) จังหวัดทางใต้ของเกาะคิวชู (Kyushu) ตั้งอยู่ริมทะเลฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก มีอากาศอบอุ่น นักกีฬาชื่อดังในญี่ปุ่นทั้งหลายมักจะมาเก็บตัวฝึกซ้อมกันที่จังหวัดนี้ในหน้าหนาว


มีคนญี่ปุ่นบอกเราว่าจังหวัดมิยาซากินั้นคล้ายประเทศไทยอยู่นะ เพราะมีของขึ้นชื่อคือ "มะม่วง" เหมือนกัน... แต่คราวนี้เราอยากมาแนะนำให้เพื่อนๆ รู้จักกับจังหวัดมิยาซากิมากขึ้น กับที่เที่ยวสุดลึกลับ น่าค้นหา ตั้งแต่เหนือลงใต้ ไปชมกันเลยว่ามีอะไรบ้าง




ล่องเรือชมสุดยอดน้ำตกที่ “Takachiho Gorge” (ช่องเขาทาคาชิโฮ)


ล่องเรือพายผ่าน Takachiho Gorge” ช่องเขาธรรมชาติวิวร้อยล้าน ที่เกิดจากธรรมชาติหลายแสนปี... ช่องเขากำแพงหินนี้เกิดจากลาวาที่ไหลมาจากการระเบิดของภูเขาไฟ Aso กำแพงหินริ้วแนวนอน และริ้วแนวตั้งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติแสดงให้เห็นถึงมีช่วงเวลาการระเบิดที่แตกต่างกัน


เรายังสามารถล่องเรือไปใกล้ๆ น้ำตก Manai ที่สูง 17 เมตรและได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 น้ำตกที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น แต่ต้องระวังไม่ให้พายเรือเข้าไปใกล้นํ้าตกมากเกินไปไม่อย่างงั้นจะเปียกเอาได้ ! รับรองว่าเป็นกิจกรรมที่ห้ามพลาดเลยสําหรับช่องเขาทาคาชิโฮ


นอกเหนือจากการพายเรือชมธรรมชาติอย่างใกล้ชิดแล้ว ยังมีทางให้เดินเล่นชมช่องเขา ระหว่างทางเดินเราจะพบกับหินก้อนใหญ่ มีนํ้าหนักถึง 200 ตันเลยล่ะ



เดินไปจนสุดทางจะไปเจอกับร้าน Araragi No Chaya ที่มีชื่อเสียงเรื่อง ไก่ย่างทั้งตัว เนื้อนุ่มและสาเกไม้ไผ่ อิ่มอร่อยควบคู่กับบรรยากาศเคียงแม่นํ้าธรรมชาติ




ถ้ำอามะโนะยะสึคาวาระ (Amanoyasu Kawara) ตำนานเทพเจ้าญี่ปุ่น


ต่อมาเราก็ได้เดินทางมาถึง ศาลเจ้าอามะโนะ อิวะโตะ (Amanoiwato Shrine) และเดินลงที่ถ้ำอามะโนะยะสึคาวาระ (Amanoyasu Kawara) ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าไม้ธรรมชาติและแม่นํ้าที่ไหลผ่าน เมื่อเดินไปถึงจะเห็นเสาหินโทริอิตั้งอยู่ และมีหินที่ถูกวางซ้อนเป็นชั้นๆ ล้อมรอบทั่วทั้งถ้ำ ให้ความรู้สึกลึกลับและน่าเกรงขนามมาก



จากตำนานเกี่ยวกับเทพเจ้าของญี่ปุ่น ที่นี้เป็นถ้ำที่เหล่าทวยเทพ 800 ตนมารวมตัวกันปรึกษาหารือเพื่อให้เทพดวงอาทิตย์ที่หลบซ่อนตัวอยู่นั้นออกมาส่องแสงอีกครั้ง และเชื่อกันว่าหากเราตั้งหินเป็นชั้นๆ ในจํานวนเลขคี่ เช่น 3 5 7 9 ชั้น เป็นต้น คําอธิษฐานของเราจะกลายเป็นจริง นักท่องเที่ยวมากมายจึงพากันมาขอคําอธิษฐานและตั้งหินกันเป็นชั้นๆ แนะนําให้ลองมาขอพรและตั้งหินกันที่นี่ดูนะ แต่ระวังอย่าไปเผลอทําคําอธิษฐานของคนอื่นเขาล้มลงล่ะ




 

จุดชมวิว “The Sea Cross” ขอพรให้ความฝันเป็นจริง  


เราขับรถลงใต้มาเรื่อย จนมาแวะพักที่จุดชมวิว “The Sea Cross” ที่ๆ ความฝันจะเป็นจริง เพราะนํ้าทะเลที่แทรกตัวผ่านโขดหินนั้นมีรูปทรงคล้ายกับตัวอักษรคันจิ「叶」ซึ่งมีความหมายว่า “คําอธิษฐานกลายเป็นจริง” คนส่วนใหญ่จึงมาที่นี่เพื่อขอพรและสั่นกระดิ่งเพื่อให้พรที่ขอไว้เป็นจริง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เหมาะมากๆ สําหรับคู่รักที่มาเที่ยวจังหวัดมิยาซากิ และถือเป็น Power spot อีกที่นึงของมิยาซากิ


ย่านกินดื่ม Nishitachi ตัวเมืองมิยาซากิ


พักหายเหนื่อยแล้ว ขับลงใต้ไปต่อจนถึงตัวเมืองมิยาซากิ ทานมื้อเย็นกันที่ ย่าน Nishitachi ที่นี่มีร้านอาหารสไตล์อิซากะยะ กว่า 1,500 ร้าน ให้คุณได้ชิมอาหารท้องถิ่นของมิยาซากิ ได้อย่างเต็มที่ เช่น ไก่นัมบัง(ไก่ทอดราดซอสทาร์ทา], นิคุมากิ(ข้าวปั้นพันหมูย่าง) ที่เป็นอาหารที่มีถิ่นกำเนิดจากมิยาซากิ


สองข้างทางริมถนนนี้ที่การประดับโคมไฟสีโทนเหลือง-แดง ให้ความรู้สึกอบอุ่นเมื่อได้มาเยือน



 

ขอพรความรัก ที่ศาลเจ้าอาโอชิมะ (Aoshima Shrine)


เช้าวันถัดมา เราแวะไปเยือน 2 ศาลเจ้าชื่อดัง คือที่ศาลเจ้าอาโอชิมะ (Aoshima Shrine) ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะอาโอชิมะ มีสะพานสามารถเดินข้ามไปยังศาลเจ้าได้ ระหว่างที่เดินเข้าไปเราจะเห็นโขดหินเรียงกันเป็นเส้นๆ หินเหล่านี้เกิดจากการกัดกร่อนของคลื่นทะเลมานับหลายแสนปี คนญี่ปุ่นจินตนาการเรียกลายหินเหล่านี้เป็นDevil’s Washboard” หรือ “กระดานซักผ้าของยักษ์”


ศาลเจ้าอาโอชิมะแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องความรัก เมื่อเข้ามาในศาลเจ้าจะเห็นเครื่องรางและการขอพรเจาะจงเกี่ยวกับเรื่องความรักมากมาย เช่น เซียมซีรูปลูกศรความรัก ด้ายสีแดงไว้ผูกกับเชือกต้นตาลคู่สําหรับความรัก เป็นต้น



เมื่อเดินต่อเข้ามาด้านใน รอดอุโมงค์แผ่นไม้ที่ผู้คนมาเขียนขอพรเรื่องความรักแล้ว จะมีอีกจุดนึงให้เราได้ขอพรกันอีก



ด้านในเราจะพบจานดินเผาขอพร ให้เราถือขึ้นมาตรงหน้าและกระซิบขอพรใส่จาน จากนั้นลองพยายามโยนให้เข้าช่อง หากโยนเข้า สิ่งที่ขอพรจะเป็นจริง แต่ถ้าโยนไม่เข้าแล้วจานดินเผาแตก จะได้รับความโชคดีกลับบ้าน เรียกได้ว่าจะโยนจานดินเผาขอพรเข้าหรือไม่เข้าก็ไม่ผิดหวังแน่นอน




ศาลเจ้าริมทะเล อุโดะจิงกู (Udo Jingu Shrine)


ที่ศาลเจ้าอุโดะจิงกู (Udo Jingu Shrine) แห่งนี้เป็นศาลเจ้าริมหน้าผา หันหน้าเข้าทะเล ดังนั้นทางเดินไปยังตัวศาลเจ้าเป็นทางริมทะเลให้เราได้เดินชมไปเพลินๆ ตัวศาลเจ้าจะตั้งอยู่ในถํ้าที่อยู่ริมหน้าผาทะเลให้ได้ไหว้และขอพรกัน



หากเดินดูระหว่างทาง จะสังเกตได้ว่ามีรูปปั้นกระต่ายระหว่างทางมากมาย นั่นเป็นเพราะว่าศาลเจ้าแห่งนี้มีสัตว์รับใช้ประจําศาลเจ้าเป็นกระต่าย จึงพบเห็นกระต่ายอยู่ทุกมุมไหว้หรือขอพรในบริเวณนี้



มีตํานานเกี่ยวกับศาลเจ้าอุโดะจิงกูแห่งนี้ ได้กล่าวไว้ว่า มีเจ้าหญิงแห่งวังมังกรได้ขี่หลังเต่าตัวหนึ่ง เพื่อมาคลอดลูกของนางในถํ้าแห่งนี้ ซึ่งตรงริมหน้าผาจะมีหินรูปเต่าขนาดใหญ่อยู่ และโขดหินก็เป็นช่องขนาดพอดีกับขนาดของหินรูปเต่าเป็นทางเข้ามาถึงชายฝั่ง เหมือนกับว่าเต่าตัวนี้นั้นได้ว่ายน้ำผ่านช่องนี้มาเพื่อส่งเจ้าหญิงเลยก็ว่าได้ จึงทำให้ผู้คนนิยมมาไหว้ขอพรให้สมหวังเรื่องการมีบุตร และการคลอดบุตรอย่างปลอดภัย



ที่นี่ยังมีเม็ดดินเผาให้นักท่องเที่ยวได้เช่าเรียกว่า “อุนดามะ” (Undama) ไว้สำหรับโยนขอพร ให้เม็ดดินเผาตกลงในบ่อนํ้าที่อยู่บนหลังหินรูปเต่า หากโยนเข้าเชื่อว่าจะได้รับความโชคดี




 

ชมเมืองเก่า ปราสาทโอบิ (Obi Castle Town)


สุดท้ายเรามากันที่เมืองเก่าบริเวณปราสาทโอบิ (Obi Castle Town) ถึงแม้ว่าตัวปราสาทนั้นจะไม่อยู่ให้เราได้ชมแล้ว แต่บริเวณในปราสาทจะมีป่าต้นสนที่เป็นเหมือนจุด Power spot แห่งความสุขอีกด้วย



บริเวณรอบๆ ปราสาทจะมีบ้านซามูไรให้เข้าไปชมได้ และภายในท่อระบายน้ำริมทางเดินนั้น น้ำก็ใสสะอาดมากๆ ถึงขนาดมีปลาคราฟอาศัยอยู่ได้ด้วยล่ะค่ะ



 

นั่งรถไฟ Umisachi Yamasachi ตามหาความสุขของธรรมชาติ


สุดท้ายปิดทริปเที่ยวจังหวัดมิยาซากิด้วยการนั่งรถไฟกลับจากสถานี Obi เพื่อไปที่สนามบิน Miyazaki โดยการนั่งรถไฟ Umisachi Yamasachi ที่มีความหมายว่า “ความสุขของทะเล และ ความสุขของภูเขา”



รถไฟคันนี้จะมีอยู่สองตู้ขบวนด้วยกัน ความพิเศษของรถไฟขบวนนี้คือ พื้นและกําแพงทั้งด้านในและด้านนอก รวมไปถึงที่นั่งของทั้งสองตู้ ส่วนใหญ่จะถูกตกแต่งด้วยลายไม้ โดยส่วนหน้าขบวนนั้นจะถูกตกแต่งเพิ่มเติมด้วยลายทะเล และส่วนท้ายขบวนจะถูกตกแต่งด้วยลายภูเขา



ในช่วงเวลานั่งรถไฟ จะได้เห็นวิวธรรมชาติตั้งแต่ภูเขาและป่าไม้ ไปถึงทะเลและชายหาดตลอดทั้งเส้นทาง นี่จึงเป็นที่มาของชื่อรถไฟขบวนนี้นั้นเอง!!



หวังว่าบทความนี้จะทำให้ทุกท่านได้รู้จักกับที่เที่ยวต่างๆ ภายในจังหวัดมิยาซากิมากขึ้น เชื่อว่าหากใครได้มาเที่ยวแล้วจะต้องตกหลุมรักเหมือนอย่างเราแน่นอนค่ะ หากโควิดหมดแล้วอย่าลืมแวะมาเที่ยวที่นี่กันเยอะๆ นะคะ


 

ติดตามข้อมูลการท่องเที่ยวคิวชูเพิ่มเติมได้ที่

เว็บไซต์การท่องเที่ยวคิวชู

Facebook Onsen Island Kyushu - ท่องเที่ยว คิวชู