Kusatsu Onsen เมืองเล็ก แต่น่ารัก

Kusatsu เป็นเมืองเล็กๆ อยู่ในจังหวัดกุนมะ(Gunma) มีชื่อเสียงในเรื่องของการเป็นเมืองออนเซ็น ที่ติด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น จุดเด่นของเมืองนี้จะมีบ่อน้ำแร่ร้อนจากธรรมชาติอยู่ใจกลางเมืองที่เรียกว่า Yubatake จ้ะ

วิธีการเดินทาง เราเดินทางถึงสนามบินนาริตะประมาณ 9 โมงเช้า แล้วก็เดินทางไปเมือง Kusatsu ทันที ความตื่นเต้นก็คือ รถไฟไปเมืองนี้ แบบเดินทางสะดวก รวดเร็ว และรวดเดียวถึงมีน้อย (ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองไปที่นี่ 2 ชั่วโมงครึ่ง) และเที่ยวสุดท้ายหมดแค่รอบเวลา 12.15 เท่านั้น หากพลาดหมายถึงเราต้องนั่งรถไฟท้องถิ่น ซึ่งใช้เวลา 3 ชั่วโมงครึ่งกว่าจะถึง (ยังไม่นับรถบัสที่วิ่งขึ้นเขา) นั่นจึงทำให้ทุกขั้นตอนหลังจากลงเครื่องบินมา พลาดไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว และโชคดีที่เรามาถึงเร็วกว่ากำหนด ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ผ่าน ตม. มาได้ แต่มานานตรงการต่อคิวซื้อพาส เรียกได้เวลาใช้เวลาได้พอดีมากๆ เพราะเราไปถึงอุเอโนะก่อนเวลารถไฟเที่ยวสุดท้ายจะออกครึ่งชั่วโมง

อ่อลืมบอกไปว่า ทริปนี้ผมใช้ JR Wide Pass - สำหรับเดินทางแถบคันโตทั้งหมด ข้อดีของ Pass นี้ก็คือ สามารถนั่ง N'ex เข้าเมืองได้เลย สามารถจองที่นั่งรถไฟขบวน Rapid ได้ 4 ครั้ง และสามารถขึ้นรถไฟของ JR ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งในระยะเวลา 3 วัน

วิธีการเดินทาง : จากสนามบินนาริตะ นั่งรถไฟไปลงสถานีอุเอโนะ จะมีรถไฟด่วนพิเศษสายคุซัตสึ (Limited Express Kusatsu) วิ่งตรงไปยังสถานีนากาโนะฮาระคุซัตสึกุจิ (Naganohara-Kusatsuguchi) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที จากนั้นต่อรถบัสเพื่อไปลงที่สถานีรถบัสคุซัตสึออนเซ็นอีก 25 นาที


ถึงแล้ว สถานี Naganohara-Kusatsuguchi



บริเวณรอบๆ สถานี



มาสคอตประจำเมือง



ต่อรถบัสเพื่อไปลงที่สถานีรถบัสคุซัตสึออนเซ็น



มาถึงสถานีรถบัสคุซัตสึออนเซ็นแล้ว จากนั้นก็รอรถบัสจากโรงแรมมารับอีกทีครับ



มีบ่อน้ำร้อนเล็กๆ ให้แช่เท้าด้วย


เราพักที่ Onsen Hotel Village ความดีงามของที่นี่ก็คือ เป็นโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดที่นี่ มีห้องพักหลายแบบ และมีรถมารับส่งถึงสถานี




อีตอนแรกเราก็อยากจะได้ความเป็นส่วนตัว ก็เลยจองที่พักแบบ Cottage ในรูปแบบของกระท่อมไว้ แต่พอฟัง พนง. โรงแรม อธิบาย ก็สัมผัสได้ถึงความยากในการพักที่นี่ กล่าวคือ ห้องที่ผมจอง มันไม่ได้อยู่ในตัวโรงแรม ถ้าเราอยากจะออกไปไหน เราต้องโทรมาหาส่วนกลาง เพื่อขอรถไปรับ อยากจะมาแช่ออนเซ็นแบบ outdoor ของโรงแรม ก็ต้องโทรให้เค้ามารับ เลยตัดสินใจ เรียบๆ เคียงๆ ถามว่า ... ขอเปลี่ยนห้องได้ไหม ... พนง. ดูอึ้งนิดๆ น่าจะคิดในใจว่า ถ้ามึงจะขอเปลี่ยนแบบนี้ กูะอธิบายให้ยืดยาวทำไม แต่เค้าก็ยิ้มตอบรับ และยินยอมให้เราเปลี่ยนห้องในราคาเท่ากันแต่โดยดี



ซึ่งพอขึ้นไปบนห้องแล้ว โอ้โห ห้องกว้างมาก กว้างในระดับที่พักโตเกียวไม่มีแบบนี้ในราคาแบบนี้แน่นอน ที่สำคัญไฮไลท์ของ รร. นี้ก็คือ บ่อแช่ออนเซ็นกลางแจ้ง ซึ่งเราหมายมั่นปั้นมือไว้ว่าต้องมาแช่ให้ได้ แต่ก็อยากรอให้คนน้อยๆ เลยกะรอซัก 4 ทุ่ม ค่อยลงไปแช่กัน ระหว่างนั้นก็ไปเที่ยวในเมืองก่อน ซึ่ง รร. ก็มีรถรับส่งให้ด้วย


บรรยากาศด้านหลังห้องพัก



ร้านออนเซ็นมีให้เลือกมากมาย



มาสคอตประจำเมือง Kusatsu



เมื่อมีมาสคอต ก็ต้องมีฝาท่อ 555



บ่อน้ำแร่ร้อนจากธรรมชาติ Yubatake ที่อยู่ใจกลางเมืองเลย





วิวจากมุมสูงบ้าง




หิมะเริ่มตกหนักแล้ว ก็ได้เวลากลับโรงแรม

กลับมา รร. รอคอยเวลาลงไปแช่ออนเซ็น เวลาที่เราลงไปคิดว่าดึกแล้วพอสมควร (เกือบ 5 ทุ่ม) ก็ไม่คิดว่าจะมีใครมาแช่ แต่ผิดคาดครับ ... คนเยอะมากกกกก คนญี่ปุ่นล้วนๆ เดินโชว์กันอล่างฉ่างๆ ไอ้เราคนไทยตัวดำๆ ก็ค่อยๆ กระมิดกระเมี้ยน ย่องๆ เข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายก่อน แล้วค่อยๆ ย่องลง ระหว่างแช่ก็สงสัยทำไมมีแต่คนเดินออกไปข้างนอก ก็เลยเดินตามไป โอ้โห ... มันคือบ่อแช่ออนเซ็นกลางแจ้ง แช่น้ำร้อนๆ ท่ามกลางหิมะตกๆ นี่น่าจะฟิน แต่ผม อด!!เพราะคนเยอะมาก เยอะจนไม่มีที่จะให้เราแทรกลงไป ถึงมีที่ก็ไม่กล้าลงไปหรอกฮะ บอกตรงๆ สุดท้ายก็ได้แช่แค่ด้านใน และครั้งเดียวเท่านั้น

สำหรับรีวิวการไปเที่ยว Kusatsu ของผมในครั้งนี้ก็จะประมาณนี้ครับ ไว้ครั้งหน้ามีโอกาสไปเมืองอื่นๆ ของญี่ปุ่นที่ไหนอีก ก็จะมาเขียนรีวิวให้อ่านกันอีกนะครับ

ขอบคุณมากครับ