สำหรับคนที่เดินทางมาท่องเที่ยวฮอกไกโด (Hokkaido) เมืองที่ไม่ควรพลาดในการมาเยือนอีกเมืองหนึ่งคือ โอตารุ (Otaru) ด้วยการเดินทางแสนง่าย ใช้เวลาเดินทางด้วยรถไฟฟ้าไม่ถึงครึ่งชั่วโมง สุดชิว สโลว์ไลฟ์ จะมาครึ่งวัน-เต็มวัน-ค้างคืนก็แสนสะดวก



เรามาในช่วงปลายเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงปลายหนาวของที่ญี่ปุ่น อุณหภูมิราวๆ 4-10 องศาเซลเซียส สำหรับเราคืออากาศกำลังดี ไม่หนาวเหน็บขนาดที่ไม่อยากออกไปไหน แต่ก็ได้บรรยากาศของหน้าหนาวสมใจ^^ และเลือกที่จะค้าง 1 คืนที่โอตารุ เพราะอยากเก็บบรรยากาศของเมืองในยามค่ำคืน

เริ่มต้นที่อาหารเช้าแถวย่านซาคาอิมาจิโดริ (Sakaimachi Dori) มีร้านขายอาหารเรียงรายเต็มไปหมด เลือกตามใจชอบเลย เดินมาเรื่อยๆชิวๆก็จะมาถึงย่านช็อปปิ้ง ซึ่ง 2 ข้างถนนจะมีร้านเรียงรายไปหมด ทั้งร้านขายของที่ระลึก ร้านเครื่องแก้ว ร้านขนมหวาน เมืองนี้อนุรักษ์ตึกเก่าๆของเค้าให้ดูดี มีจุดถ่ายรูปแทบจะทุกๆ 10 เมตร ใครเป็นสายเช็คอิน สายโซเชียล มีรูปให้อัพ Facebook/ IG เยอะจนเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว สำหรับเราสายของหวานก็ปลื้มปริ่มไม่แพ้กัน เพราะขนมหวานขวัญใจของคนไทยก็มีต้นกำเนิดอยู่ที่นี่



LeTAO คนญี่ปุ่นเรียกว่า "เลอทาว" ชีสเค้กเจ้าดังที่ใครไม่แวะมาเหมือนมาไม่ถึง เพียงแค่ย่างก้าวเข้ามาก็มีของให้ชิมแทบทุกรายการ (อันนี้ชอบมากให้ชิมแบบไม่หวงของ) ชั้น 1 จะเป็นร้านขายของ ส่วนชั้น 2 จะเป็นพาเฟ่ท์แบบนั่งทานที่ร้าน เรามาแค่แวะซื้อ Otaru Rue Ironai Fromage Cookie คุกกี้ชีสที่ข้างในเป็นครีมชีสแสนละมุน ซื้อกลับมาหลายกล่องเลย ก่อนออกจากร้านยังอดใจไม่ไหวที่จะซื้อชีสเค้กก้อนใหญ่ (เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง555)



ไก่ทอดนารุโตะ ไก่ทอดสูตรลับที่ใครมาต้องลิ้มลองรสชาติ สำหรับเราก็โอเคนะ แต่ไม่ถึงกับว้าว



ไอติมเมล่อน Popura Farm ด้วยความที่เมล่อนเป็นของขึ้นชื่อของฮอกไกโดอยู่แล้ว พอเสริฟคู่กันมาพร้อมกับซอฟท์ครีม ก็ทำให้ได้รสชาติแปลกใหม่ เข้ากันได้ดี



เรนโบว์ซอฟท์ครีม 8 สี (ตอนนี้ไม่รู้ว่ามีถึงกี่สีแล้วนะ!!) มาถึงที่นี่ก็ต้องลองสักหน่อย แต่ละสีก็คือรสชาติที่ต่างกันออกไป นั่นก็คือ เชสนัท องุ่น สตรอเบอร์รี่ ชาเขียว เมลอน ช็อคโกแลต นม และลาเวนเดอร์ ไอติมเย็นๆกับอากาศหนาวๆ ช่างเข้ากันจริงๆ^^



Denuki Koji สำหรับใครที่ไม่มีเวลาตามหาของอร่อยก็แวะมาที่นี่ได้เลยค่ะ แหล่งรวมของอร่อยแบบไม่ต้องเดินหา มาที่นี่ก็ได้เกือบครบละ



Otaru Music Box Museum (พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี) เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินสำคัญของโอตารุ เริ่มกันตั้งแต่ทางเข้าเลยจะมีนาฬิกาน้ำโบราณซึ่งพ่นไอน้ำทุกๆ 15นาทีอยู่ด้านหน้า เค้าว่ากันว่าเหลือแค่ 2 เรือนบนโลกใบนี้ เข้ามาด้านในจะมีสารพัดรูปแบบของกล่องดนตรี ทั้งเซรามิค แก้ว ตุ๊กตา ไม้ ละลานตาจริงๆ เหมาะกับการซื้อเป็นของฝาก-ของสะสม ใครมีเด็กๆมาด้วยต้องระวังกันหน่อยนะคะ พลาดท่าล้มใส่ อาจได้เหมากลับบ้านกันไป55



DIY Music Box ที่นี่เราจะสามารถผลิตกล่องดนตรีกล่องเดียวในโลก ออกแบบเอง เลือกวัสดุเอง เลือกเสียงเพลงที่ถูกใจเอง และประกอบมันขึ้นมาเองค่ะ เลือกกันตั้งแต่ฐานวางกล่องดนตรี มีทั้งแบบเหลี่ยม วงรี วงกลม หลายวัสดุ จัดไปตามจินตนาการเลยค่ะ  ที่สนุกสุดก็คือการเลือกท็อปปิ้งแต่งหน้า มากันเป็นสวนสัตว์เลย หมี หมา นก ปลา แมว กระต่าย เต่าทอง นกฮูก ละลานตาจริงๆ แต่ละตัวราคาไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับขนาดและวัสดุ นอกจากนั้นยังมีของตกแต่งอีกเพียบ ต้นไม้ ใบหญ้า ดอกไม้ ก้อนหิน เพลิดเพลินกันไปค่ะ



พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ (Antique Museum) ที่นี่จะจัดแสดงเครื่องดนตรีโบราณและกล่องดนตรีโบราณ



คลองโอตารุ จุดนี้คือที่สุดของที่นี่เลยค่ะ เดิมเป็นท่าเทียบเรือและรายล้อมไปด้วยโกดัง ปัจจุบันคลองนี้ไม่ได้ถูกใช้งานแล้ว โกดังก็ถูกผันตัวมาเป็นร้านอาหาร ร้านขายของกันไป แต่ยังเต็มไปด้วยบรรยากาศคลาสสิคไม่เปลี่ยนแปลง

เมืองที่เหมือนไม่มีอะไร แต่มีเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร ใครได้มาฮอกไกโด อย่าพลาดนะคะ