ถ้าพูดถึงการไปเที่ยวทะเลที่ญี่ปุ่นก็ต้องเป็น เกาะโอกินาว่า (Okinawa) และถ้าพูดถึงโอกินาว่า ทุกคนคงนึกถึงหน้าร้อนที่ใครๆก็ไปเที่ยวทะเลใช่มั้ยล่ะ แต่ช่วง high season ค่าที่พักและตั๋วเครื่องบินก็แรงจนน่ากลัวเนอะ วันนี้เราเลยจะมาพาทุกคนไปลองเที่ยวโอกินาว่าแบบหลบ high season กันจ้า ซึ่งนอกจากราคาจะถูกกว่าอย่างเห็นได้ชัดแล้ว สถานที่ก็ไม่พลุกพล่านแบบที่เดินเที่ยว ถ่ายรูปได้สบายเลย และที่สำคัญ อากาศก็ไม่ร้อนแบบจะฆ่ากันด้วยนะ ครั้งนี้เราไปโอกินาว่าช่วงต้นเดือนตุลาคม จ้า แบบหลบจากแดดร้อนมาและได้ปะทะกับลมหนาวนิดๆ จะเป็นยังไงไปดูกันเลย
ก่อนอื่นเพื่อนๆรู้รึเปล่าว่าเกาะโอกินาว่าอยู่ตรงไหนของประเทศญี่ปุ่น คำตอบคือใต้สุดจ้า โดยเกาะโอกินาว่าเป็นเกาะที่แยกออกมาจากเกาะคิวชูทางใต้ของญี่ปุ่นลงมาอีกที ไกลจากเกาะใหญ่ถึงขั้นบางคนนับโอกินาว่าเป็นอีกที่ ที่มีเชื้อชาติ ภาษา วัฒนธรรม ภูมิประเทศ อากาศและบรรยากาศที่แตกต่างกับญี่ปุ่นส่วนอื่นๆเลย
เราสามารถนั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบิน Naha ที่อยู่ทางใต้ของเกาะได้เลย (แอบกระซิบว่ามีสายทางบินประหยัดมาลงด้วยนะ) ซึ่งจากตัวสนามบินจะมีรถไฟโมโนเรลชื่อ Yui-rail วิ่งเข้าตัวเมือง เราเลือกพักแถวสถานีชื่อ Asahibashi ซึ่งใกล้สนามบินแบบที่นั่งรถไฟสิบกว่านาทีก็ถึง และที่สำคัญ สถานีนี้เป็นท่ารถบัสด้วย สะดวกในการเดินทางประมาณนึงเลย
เอาล่ะค่ะ มาโอกินาว่าทั้งทีก็ต้องไปรู้จักที่มาที่ไปของเมืองกันก่อนเนอะ เราขอเสนอที่นี้เลย Okinawa Prefectural Museum & Art Museum พิพิธภัณฑ์ที่มีรวมทั้งศิลปะและประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชาวโอกินาว่าไว้ด้วยกัน สามารถนั่งรถโมโนเรลลง Omoromachi แล้วเดินต่อ หรือรถบัสมาจากตัวท่าบัส Naha สาย 3,7,10 แล้วลงที่ Hakubutsukan Mae ที่เราพักอยู่ก็ได้จ้า
ตึกสวยแปลกตามากๆ ซึ่งข้างในก็ตกแต่งสวยไม่แพ้กัน แล้วบอกเลยว่าระหว่างทางเดินคือบรรยากาศไม่เหมือนอยู่ญี่ปุ่นเลยทุกคน มันเหมือนอยู่ไทยมากๆ ทั้งอากาศ ลมทะเล พืชพรรณดอกไม้ใดๆแบบ ชบาหางนกยูง สีสันของตึกที่นี่ไม่ได้ถูกคลุมโทนเหมือนเมืองอื่นในญี่ปุ่น ทำให้มันพิเศษและแตกต่างมากเลยแหละ
ส่วนด้านนอกมีบ้านโบราณของโอกินาว่าให้เราลองเข้าไปชมด้วยนะ ด้านในส่วนของประวัติศาสตร์ก็มีตั้งแต่วัตถุโบราณ ชิ้นส่วนเรือ ความเป็นมาของอาณาจักรริวกิว (Ryukyu) แต่ส่วนของงานศิลปะเค้าไม่ให้ถ่ายรูปนะ เจ้าหน้าที่ค่อนข้างโหดเลยแหละ
หลังจากเริ่มได้ยินชื่ออาณาจักรนี้บ่อยขึ้น เราก็ไปตามรอยประวัติศาสตร์กันหน่อยที่หนึ่งในมรดกโลกอย่างปราสาทชูริ (Shuri) ที่เคยยิ่งใหญ่มากๆ บางคนอาจจะเคยได้ยินชื่อเมื่อสองสามปีก่อน เพราะมันเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ไป
ตัวพื้นที่คือยิ่งใหญ่อลังการมากเลยนะ เพราะมันเป็นเนินสูงที่สามารถเห็นวิวเมืองได้ อาณาเขตของปราสาทก็ใหญ่ แต่น่าเศร้ามากที่ตอนเราไป ได้เห็นเพียงซากปรักหักพังของปราสาทจ้า เห็นได้ชัดว่าเค้ากำลังทะนุบำรุงแหละ หวังว่าตอนที่ทุกคนไปปราสาทจะซ่อมเสร็จแล้วนะคะ
เอาล่ะทุกคน หลังจากได้สาระกันไปแล้ว เราย้ายไปเที่ยวชิคๆสไตล์วัยรุ่นญี่ปุ่น อเมริกันกันดีกว่า ไม่ว่าใครก็ต้องไปที่นี่เลย American village สถานที่แห่งสีสันที่เป็นศูนย์รวมของทุกอย่าง โรงหนัง โรงแรม ห้างร้านอาหาร ร้านค้า ของที่ระลึก ใครที่ชอบศิลปะหรือสีสันสดใสจะต้องหลงรักที่นี่แน่ๆค่ะ
ร้านนี้เราชอบมากๆ และเท่าที่ถามมาก็ยังไม่มีใครที่ตอบว่าไม่ชอบที่นี่นะ555 มันคือร้านขายของคริสต์มาส ไม่ว่าอากาศข้างนอกจะร้อนหรืออยู่ท่ามกลางแดดร้อนขนาดไหน พอเข้าไปในร้านนี้เราจะเหมือนหลุดเข้าไปในช่วงเทศกาลคริสต์มาส แอร์เย็นฉ่ำ เสียงเพลงวันคริสต์มาสเปิดคลอ และของขวัญเครื่องประดับที่ละลานตาจนต่อให้คนที่ไม่อินกับคริสต์มาสยังวนอยู่เป็นชั่วโมง อยู่ดีๆก็มีคำถามขึ้นมาในหัวว่า คริสต์มาสปีนี้ชั้นมีของตกแต่งรึยังนะ แล้วของขวัญจะซื้ออะไรให้ใครดี ถ้ารู้สึกว่าเราเล่าเว่อร์ไป ขอแนะนำให้ลองไปพิสูจน์ค่ะ
มาโอกินาว่า ร้านที่ต้องไปกินเลยคือไอติม Blue seal ค่ะ มันคือร้านไอศกรีมจากโอกินาว่าที่ดังชนิดที่ว่าไม่ว่าจะไปเปิดที่ส่วนไหนของญี่ปุ่น คนก็จะต่อแถวยาวมากๆ soft serve นี่รส salty milk เนื้อละมุนมาก มีความเค็มของเกลือโอกินาว่ามาตัดความหวาน เป็นรสที่ขายดีของเค้าเลย ส่วนอีกอันเป็นรสน้ำตาลอ้อยหวานหอมถูกใจสายหวานเลยล่ะ แล้วไม่ใช่ทุกรสที่นี่จะมีขายที่อื่นทั้งหมดนะ
เช้าวันรุ่งขึ้นเราเดินทางไกลขึ้นไปทางเหนือของเกาะแบบยาวๆ ขึ้นรถบัสจาก Naha bus terminal นั่งรถ Yanbaru express bus สาย 117 มาลงที่ Ocean expo park ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงกว่า แต่บอกเลยว่าวิวระหว่างทางคือสวยมาก ผ่านหาดทราย ชายฝั่ง ทะเลสวยๆ น้ำใสๆ บรรยากาศดีมากๆ แดดจ้าฟ้าใสแบบหน้าร้อนเลยแหละ แต่ร้อนน้อยกว่าช่วงหน้าร้อนแน่ๆ
Churaumi aquarium ถือว่าใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เลยนะ ใครมาโอกินาว่าแล้วไม่มาอควาเรียมนี้ถือว่ามาไม่ถึง คนทุกคนต้องมาที่นี่ คนก็เลยเยอะอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งเราสามารถเดินจาก Ocean expo park ได้เลยนะ ถึงมันจะไม่ได้ใกล้มาก แต่เหมือนเราเดินสวนสาธารณะริมทะเล บรรยากาศดีมากๆเลย
ไฮไลท์ของที่นี่คงหนีไม่พ้นฉลามวาฬตัวใหญ่ วิธีจัดตู้ปลาของที่นี่จะต่างกับที่อื่นตรงที่ว่า ทางอควาเรียมจะไม่จัดวางของตกแต่งในตู้จำพวก ก้อนหิน ปะการัง ทำให้เราเห็นน้องปลาได้ชัดเจนมากๆ แปลกไปอีกแบบ
หลังจากเต็มอิ่มกับอควาเรียมกันแล้ว เราสามารถเดินไปหาดข้างๆ ที่ชื่อว่า Emerald beach ได้อีกนะ ถ้าแปลเป็นไทยก็คือ หาดมรกต หาดทรายสีขาวละเอียดที่ยื่นเข้าไปในทะเล เห็นสีน้ำมรกตแบบนี้น้ำทะเลคือใสมาก แถมหาดนี้ลงไปเล่นน้ำได้ด้วย มีร้านขายชุดว่ายน้ำ หรือจะใส่ชุดปกติลงเล่นก็ได้ มีห้องอาบน้ำให้บริการฟรี ต่อให้มาแบบไม่ได้ตั้งใจมาเล่นน้ำแบบเราก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกจนเล่นได้จ้า หาดมีสองฝั่งให้เล่น ฝั่งในรูปคือสวยมากเพราะรับแดดไปเต็มๆ เราเลยหลบแดดไปอีกฝั่งนึง ซึ่งร่มกว่า แต่น้ำจะลึกกว่านะ ถ้าใครว่ายน้ำไม่แข็งต้องระวังด้วยจ้า
พอเล่นน้ำเสร็จเราก็สามารถเดินมาขึ้นรถบัสที่ป้ายของโรงแรม Hotel Orion Motobu Resort&Spa ได้เลย ตอนนั้นพระอาทิตย์กำลังตกพอดี บรรยากาศดีมากเลย แต่เราแอบหนาวนิดหน่อย เพราะลมแรงมากๆ
ถึงแม้จะมาเที่ยวทะเล เราก็ยังสลัดความเป็น dark tourist ของตัวเองไม่ได้จริงๆ ซึ่งมันก็เห็นๆอยู่นะว่าเกาะนี้มีร่องรอยของสงครามมากขนาดไหน ที่สหรัฐอเมริกายังตั้งฐานทัพไว้จนถึงทุกวันนี้ เหล่า dark tourist ต้องไม่พลาดจ้า กับ Okinawa Prefectural Peace Memorial Museum หรือพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สันติภาพประจำจังหวัดโอกินาว่า วันนี้เราจะลงไปส่วนใต้ของเกาะกัน
การเดินทางคือต้องใจสู้ประมาณนึงเลยกว่าจะไปถึง คือต้องนั่งรถบัสเบอร์ 89 จาก Naha bus terminal ไปต่อรถบัสเบอร์ 82 ที่ Itoman bus terminal มาลงที่ Heiwakinendo-iriguchi ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง จริงๆโซนนี้ของเกาะมีสถานที่แนวนี้อีกหลายที่เลยอย่าง Former Navy underground headquarters ที่เปิดอุโมงค์ใต้ดินช่วงสงครามให้เราเข้าไปชม ซึ่งมันอยู่ในแถบนี้แหละ แต่จากที่พิพิธภัณฑ์นี้ไม่ใช่ได้เดินทางไปได้ง่ายๆ เราเลยยอมแพ้จ้า
บอกก่อนว่าข้างในพิพิธภัณฑ์ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปนะ แต่คือคุ้มค่ามาก นิทรรศการจัดแสดงตั้งแต่ชีวิตของคนโอกินาว่าที่อยู่ดีๆก็ถูกชาวญี่ปุ่นเกาะใหญ่มารุกรานและควบรวม ถือเป็นหนึ่งสงครามในประวัติศาสตร์ของที่นี่เลย รวมไปถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่สองมาจนถึงปัจจุบัน นิทรรศการจะพาเราเข้าไปโผล่กลางสมรภูมิรบ หลบเข้าถ้ำไปกับพวกทหาร ใครอินกับเรื่องพวกนี้พลาดไม่ได้จริงๆ
พอออกมาส่วนข้างนอกมีหลายส่วนมาก คือที่นี่พื้นที่กว้างใหญ่มาก มีรายชื่อระลึกถึงผู้ที่เสียชีวิตไปในช่วงสงครามแบบเรียงตามชื่อสกุล ซึ่งเยอะมากๆ และนอกจากนี้ยังมีหอที่ระลึกอีกหลายที่เลย ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ที่นี่รวมไว้ทั้งหมด
หลังจากเต็มอิ่มจากประวัติศาสตร์สงครามแล้ว เราขอตัวมาคลายเครียดกับทะเลสวยๆและแหล่งรวมวัยรุ่นฝั่งใต้ของเกาะกันหน่อย ที่ Chura-Sun Beach ซึ่งหาดนี้ในรูปคือสวยมาก แต่ตอนเราไปเมฆฝนคือน่ากลัวไม่ไหว ลมแรงแบบตัวแทบปลิว แต่ฝนไม่ตกนะ ที่แปลกในความคิดเราคือถึงแม้ฟ้าจะเทาหม่นขนาดไหน น้ำทะเลก็ยังสีฟ้าเขียวอยู่ หาดนี้มีเครื่องเล่นริมทะเลด้วยนะ แล้วข้ามถนนจากหาดไปก็จะเป็นห้างสรรพสินค้ากับอควาเรียมอีกที่จ้า
ถึงเวลามื้อเย็นแล้วสินะ นอกจากไอติม blue seal ที่ต้องกินแล้ว ก็มีร้านนี้แหละที่ไม่ว่าใครมาโอกินาว่าก็ต้องกิน เพราะมันเปิดอยู่ทั้วเกาะเลย ทั้งแบบ stand alone และในห้าง มันคือร้าน A&W จ้า จริงๆก่อนหน้านี้คนไทยอาจจะไม่ตื่นเต้นเพราะที่ไทยก็มี แต่ในญี่ปุ่นคือมีแค่ที่โอกินาว่าเท่านั้น โดยใช้ชื่อว่า A&W Okinawa since 1963 เลยนะ แต่เมนูที่เค้าขายไม่ได้เหมือนที่ไทยทั้งหมดหรอกนะ มีของหวานแค่ 1-2 อย่างเอง ซึ่งแน่นอน สายหวานอย่างเราก็ต้องไอติมกับ waffle อยู่แล้ว ขอทานให้หายคิดถึงหน่อย
สำหรับการเดินทางระหว่างพิพิธภัณฑ์มาจนถึงหาด มันเหมือนจะเป็นทางกลับไป Naha ปกติ คือขึ้นรถบัสคันเดิมมาต่อรถที่ Itoman bus terminal ซึ่งงงมากๆ แต่ถ้ามาจาก Naha ก็คือขึ้นรถบัสเบอร์ 55, 56, 88, 98 มาลงป้าย Michi no eki toyosaki น่าจะสะดวกกว่า
ส่วนวันไหนกลับไม่ดึกละก็ เราแนะนำให้ไปแวะลงบัสที่ Kokusai dori เป็นอีกย่านฮิตของวัยรุ่นและนักท่องเที่ยวเหมือนกัน คำว่า kokusai 国際 แปลว่านานาขาติ ส่วนคำว่า dori 通りแปลว่าถนน บรรยากาศที่ได้คือไม่เหมือนอยู่ญี่ปุ่นเลย เพราะคนต่างชาติเยอะมาก อารมณ์เหมือนพัทยาที่มีถนนคนเดิน ร้านชิล ร้านนั่งดื่ม แต่ร้านขายของที่ระลึกที่ยังมี ซึ่งของที่ระลึกก็เหมือนไทยมากจนเราไม่กล้าซื้อแหนะ พวกเปลือกหอย แม็กเนตติดตู้เย็น สวนขวด แต่ถ้าใครชอบชีวิตกลางคืนล่ะก็ ห้ามพลาดที่นี่เลยจ้า
เป็นยังไงกันบ้างทุกคน โอกินาว่าไปเที่ยวเดือนตุลาคมก็ยังไม่สายนะ เราไป 4 วัน เจอฝนไม่ถึงชั่วโมงก็ถือว่าไม่แย่นะ เพราะวันอื่นก็แดดได้ใจราวกับหน้าร้อนเลย ส่วนใครวางแผนจะไปดำน้ำ ต้นเดือนตุลาแบบนี้ก็ยังไม่สายนะ เพราะเพื่อนที่ไปกับเราก็ได้ดำเหมือนกัน แต่จริงๆมันขึ้นอยู่กับวันด้วยว่าจะมีฝนรึเปล่า อย่าลืมเช็ควันดีๆน้า
รวมๆเที่ยวช่วงนี้คือไม่แพง คนไม่เยอะมาก แต่อาจจะต้องลุ้นกับอากาศนิดหน่อย แต่ถ้าไม่คิดมาก เราแนะนำเลย ถ้าอยากสัมผัสบรรยากาศญี่ปุ่นแบบใหม่ๆต้องไม่พลาดที่นี่เลยนะ