แต่อะไรคือสิ่งดึงดูดให้เราข้ามน้ำข้ามทะเลกลับมาอีกครั้ง มายืนที่เดิม ถ่ายรูปกับวิวเดิม นั่งมองท้องฟ้าที่เดิมๆ ด้วยหัวใจที่พองโตทุกครั้ง... เราให้คำตอบกับตัวเองได้เพียงว่า "ตกหลุมรัก" คงเป็นความรู้สึกนี้ไม่ผิดแน่
ตกหลุมรักที่ว่านี้ไม่ใช่ "หนุ่มๆ โอกินาว่า" นะคะ แต่ตกหลุมรักในบรรยากาศแบบสโลว์ไลฟ์ ล้อมรอบไปด้วยทะเลที่สวยงาม ท้องฟ้าสีคราม สถานที่ท่องเที่ยวอันหลากหลาย และการต้อนรับที่อบอุ่นของคนท้องถิ่น มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาจำนวนมากก็จริงแต่กลับให้ความรู้สึกไม่วุ่นวายหรือจอแจ จึงทำให้โอกินาวะเป็นสถานที่ที่ติดอยู่ในใจใครหลายๆคน มาแล้วก็อยากจะกลับมาอีกเหมือนเราแน่ๆ
ซึ่งจุดหมายถัดไปที่เราเดินทางไปนั้น เป็นสถานที่ยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของโอกินาว่า(Okinawa) ที่แห่งนั้นคือ "ผางวงช้าง" หรือ "Cape Manzamo" ที่เรียกว่า"ผางวงช้าง"เพราะจุดเด่น คือหน้าผาที่ยื่นออกไปเป็นรูปงวงช้างนั่นเอง เกิดจากการกัดกร่อนของน้ำทะเลและลมทำให้เกิดเป็นรูปร่างอย่างที่เราเห็น ส่วนความหมายของ "Manzamo" หมายถึง ทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ไพศาลที่สามารถจุคนนั่งได้ถึงหมื่นคน
การเดินทางมาที่นี่ถ้าจะให้สะดวกสุดคงจะเป็นการเช่ารถค่ะ เดินทางไม่ไกลมาก ห่างจากสนามบินประมาณ1 ชั่วโมงก็ถึง มีที่จอดรถเยอะมาก และที่สำคัญไม่เสียค่าที่จอด ไม่เสียค่าเข้าชมสถานที่ และไม่จำกัดเวลาเข้าชมด้วยค่ะ ดังนั้นจะมาชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น ยิงยาวไปจนถึงพระอาทิตย์ตกก็ยังได้ หรือถ้ามีเวลาจำกัดก็ชมแค่พระอาทิตย์ตกอย่างเดียวก็ได้ค่ะ รับประกันว่าจะได้เห็นความสวยงามในช่วงเวลาพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าจมหายไปในทะเลพร้อมกับวิวพาโนรามาสุดลูกหูลูกตาแน่นอนค่ะ
การเดินชมผางวงช้างใช้เวลาไม่มากก็เดินได้ทั่วค่ะ เว้นแต่เพื่อนๆคนไหนอยากจะเดินชิลๆ ชมวิวสวยๆ ก็อาจจะเดินวนซัก 4-5 รอบก็ย่อมได้ แต่เราไม่สามารถเดินเข้าไปในบริเวณส่วนของหน้าผางวงช้างได้นะคะ เขากั้นไว้ให้เราถ่ายรูปและชมความสวยงามจากระยะไกลเท่านั้น หรือถ้าใครพักโรงแรมติดริมทะเลที่ใกล้ๆกับผางวงช้าง แล้วอยากจะถ่ายรูปแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับผางวงช้างแบบเก๋ๆ ไม่ซ้ำใคร แนะนำให้เช่าเจ็ทสกีหรือเรือสปีทโบ๊ตขับมาถ่ายรูปกันได้ ลองดูนะคะ! อ้อ! วิวของผางวงช้างจะแตกต่างกันในแต่ละฤดูนะ ถ้ามาช่วงเดือนธันวาคม ต้นไม้ใบหญ้าจะออกแนวสีน้ำตาลๆ มีต้นหญ้า ดอกหญ้าสีน้ำตาลขึ้นปกคลุม แต่ถ้าคุณมาในช่วงหน้าร้อนจะได้วิวเขียวขจี ต้นไม้ใบไม้ ทุ่งหญ้า เขียวชอุ่มดูแล้วสดชื่นไปอีกแบบค่ะ
