สัญลักษณ์แห่งความใฝ่รู้ นิโนะมิยะ คินจิโร่

หากได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมโรงเรียนของประเทศญี่ปุ่น เราจะพบเห็นสิ่งหนึ่งที่จะปรากฏสู่สายตาเราในแถบทุกโรงเรียน นั่นก็คือ รูปปั้นของเด็กหนุ่มในชุดยูคาตะที่กำลังขะมักเขม้น ด้วยเพราะหลังที่แบกกองฟืนเอาไว้ มือที่กำลังถือหนังสือ และสายตาที่จับจ้องอยู่กับหนังสืออยู่ เด็กหนุ่มคนนั้นก็คือ นิโนะมิยะ คินจิโร่ นั่นเองค่ะ


บุคคลสำคัญที่กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุตสาหะและความใฝ่รู้ใฝ่ศึกษา นิโนะมิยะ คินจิโร่ (Ninomiya Kinjiro) โดยในเรื่องของประวัติได้มีการบันทึกถึงคินจิโร่เอาไว้ว่า เขามีชีวิตอยู่ระหว่าง ปี ค.ศ. 1787-1856 ซึ่งคินจิโร่เกิดและเติบที่เมืองโอดาวาระ เขตอาชิงาราคามิ จังหวัดซางามิ เป็นลูกชายของครอบครัวชาวนาที่มีฐานะยากจน เมื่ออายุได้ 14 ปี พ่อของคินจิโร่ก็เสียชีวิต และหลังจากนั้นมาอีกสองปี แม่ของเขาก็เสียชีวิตจากไปอีกคน ทำให้คินจิโร่จำเป็นจะต้องย้ายไปอยู่กับลุงของเขา และที่นี่เองทำให้คินจิโร่ได้ช่วยลุงของเขาทำงานเกษตร

โดยในระหว่างที่ช่วยงานนั้นคินจิโร่จะอ่านหนังสือไปด้วยตลอด เขามีความสนใจและศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองทุกครั้งที่มีโอกาสและมีช่วงเวลาที่เอื้ออำนวย ซึ่งเขาก็ได้นำความรู้มาใช้ในการทำงานเกษตรของเขา จนกระทั้งทำให้ที่ดินของลุงที่แต่เดิมนั้นว่างเปล่ากลายเป็นไร่นาที่สมบูรณ์ และเมื่อคินจิโร่มีอายุได้ 20 ปี ก็ประสบความสำเร็จในงานด้านเกษตรอย่างมาก หลังจากนั้นมา คินจิโรก็ร่ำรวย มั่งคั่งขึ้นอย่างมาก และเริ่มต้นซื้อที่ดินเปล่าเพื่อใช้ทำการเกษตรเพิ่มขึ้น



ด้วยความสามารถของคินจิโร่นี่เองได้เลื่องลือไปถึงทางการ แล้วจึงได้เชิญเขาไปเป็นผู้ว่าราชการส่วนท้องถิ่นเพื่อแก้ไขปัญหาด้านการเงินและการเกษตรในตอนนั้น ซึ่งหลังจากที่คินจิโรได้รับตำแหน่ง เขาก็เริ่มถ่ายทอดความรู้แก่ชาวนา รวมไปถึงกลุ่มซามูไร จนกระทั่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูเศรษฐกิจการเงินและการเกษตรของท้องถิ่นที่เป็นปัญหาได้สำเร็จ



คินจิโรได้นำความรู้ด้านต่าง ๆ มาเผยแพร่และพัฒนาบ้านเมือง อาทิ เรื่องดอกเบี้ยทบต้น ระบบภาษี และการพัฒนาที่ดิน ยังรวมทั้งได้สร้างสถาบันการเงินขึ้นเป็นแห่งแรก คือ Gojoukou หรือก็คือสหกรณ์นั่นเองค่ะ ชื่อเสียงของคินจิโร่เป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง ทั้งในเรื่องของการเกษตร การปรัชญา และการพัฒนาเศรษฐกิจ และเมื่อเรื่องทราบถึงโชกุน ท่านทรงรู้สึกชื่นชมในความสามารถคินจิโร่ เพราะจากชาวนาแต่หมั่นขยันศึกษาหาความรู้จนได้เป็นผู้ปกครองเขต ท่านโชกุนจึงตั้งชื่อใหม่ให้กับคินจิโร่ว่า นิโนมิยะ ซนโตคุ (Ninomiya Sontoku)

เนื่องด้วยผลของคุณประโยชน์ที่ทำให้กับประเทศและบ้านเมืองนี้ ทำให้รูปปั้นนิโนมิยะเป็นเสมือนตัวแทนของความสำเร็จในด้านการศึกษา ทั้งยังเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่เด็กๆ แต่ก็อาจจะเพราะด้วยที่คินจิโร่นั้นเป็นบุคคลที่เป็นเหมือนตำนาน จึงทำให้รูปปั้นของนิโนะมิยะ คินจิโร่ กลายเป็นหนึ่งในเรื่องราวลึกลับประจำโรงเรียนและเรื่องลึกลับระดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่นไปเลยก็ว่าได้



เพราะมีการเล่าเรื่องราวของเขาต่อๆ กันมาว่า ในยามค่ำคืนที่เงียบสงบ ได้มีผู้พบเห็นรูปปั้น นิโนะมิยะ คินจิโร่เคลื่อนที่ไปตามจุดต่างๆ รอบโรงเรียนในเวลากลางคืน และเมื่อใกล้รุ่งเช้า รูปปั้นก็จะกลับมาอยู่ในตำแหน่งที่ตั้งเดิมและท่าเดิมราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ที่เป็นอย่างนั้นเพราะมีการคาดเดากันว่าในช่วงวัยเด็กของเขาที่ใช้ชีวิตอยู่กับการอ่านหนังสือหาความรู้และทำงานเท่านั้น จึงทำให้นิโนมิยะ คินจิโร่ที่ไม่ได้มีเวลาออกไปเที่ยวเล่นอย่างเด็กคนอื่นๆ ทำให้เขาออกเดินสำรวจโรงเรียน ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เราๆ ท่านๆ เข้าใจกันว่ารูปปั้นของนิโนะมิยะ คินจิโร่ออกเดินไปเที่ยวเล่นเวลากลางคืนนั่นเองค่ะ

นิโนมิยะ คินจิโร่นั้น เป็นบุคคลสำคัญทางด้านการศึกษาของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ค่ะ เป็นบุคคลตัวอย่างที่สำคัญเลยด้านความขยันที่เล่าขานกันมาเป็นตำนานของนิโนมิยะ คินจิโร่ เด็กผู้ใฝ่เรียน ด้วยเหตุนี้เองนิโนมิยะ คินจิโร่จึงถูกยกย่องให้เป็นบุคคลเป็นแบบอย่างที่เห็นความสำคัญและให้ความสำคัญกับการศึกษาเป็นอย่างมาก นับว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในทุกโรงเรียนของประเทศญี่ปุ่นจะมีรูปปั้นนิโนะมิยะ คินจิโร่อยู่ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กนักเรียนในเรื่องการมีความรับผิดชอบต่อการเรียน มีความขยันหมั่นเพียร และความไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคในการศึกษาหาความรู้ เพราะการเรียนรู้เพื่อเพิ่มพูนความรู้นั้นไม่มีวันหมดอายุค่ะ

ข้อมูลจาก

http://www.tpapress.com/knowledge_detail.php?k=65
https://storylog.co/story/5b747d1657592991455b3116