Nifrel เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 10:00 - 20:00 (เปิดให้เข้ารอบสุดท้ายเวลา 19:00)
ราคาบัตรเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ 2000 yen / เด็กโต 1000 yen / เด็กเล็ก 600 yen / อายุต่ำกว่า 3 ขวบ เข้าชมฟรี
ภายในอาคารแบ่งโซนจัดแสดงทั้งหมดออกเป็น 8 โซน เราไปมาเมื่อปี 2018 ตอนนั้นมีอยู่เพียงแค่ 7 โซน ทางพิพิธภัณฑ์เพิ่งจะเพิ่มโซนใหม่เข้ามาภายหลังชื่อว่า mimic ให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสการซ่อนแอบของบรรดาสัตว์ต่างๆ ที่จัดแสดง ส่วนโซน shape ที่เคยไปมาครั้งก่อนนั้นก็ถูกเปลี่ยนเป็นโซน swim แทนไปแล้วจ้า
swim / colors / wonder moments
ตรงบริเวณจัดแสดงโซน wonder moments จะมีลูกโลกขนาดใหญ่จัดแสดงงานศิลปะแบบ interactive ไว้อยู่กลางห้องให้เรามองเห็นกันแบบ 360 องศา ผลงานนี้ถูกออกแบบโดยศิลปินชาวญี่ปุ่นชื่อว่า Takahiro Matsuo ใครที่ชอบถ่ายรูปเช็คอิน แนะนำตรงนี้เลยค่ะ เพราะจะได้รูปมุมสวยๆ แปลกตาดีมาก
waterside / mimic
ในโซน waterside ตัวเต็งไฮไลท์เด่นของโซนนี้ต้องยกให้ พี่เสือขาวตัวใหญ่ น้องฮิปโปแคระตัวอ้วน และคุณลุงจระเข้ตัวยาว นอกจากดาราเด่น 3 ตัวนี้ ก็ยังมีสัตว์หายากตัวอื่นๆ ให้ได้ชมกันในนี้อีกด้วย และเป็นที่น่าเสียดายมาก เพราะตอนที่เราไปพี่เสือขาวกำลังนอนแอบอยู่พอดี โผล่มาให้เห็นก็แต่หาง เอาไว้ถ้ามีโอกาสได้ไปโอซาก้ารอบหน้าอีกค่อยไปแก้ตัวพร้อมกับเข้าชม mimic โซนใหม่ด้วยซะเลย" abilities " โซนนี้คือสวยมาก เหมือนกับว่ากำลังเดินอยู่ในแกลเลอรี่งานศิลปะเลย ตลอดเส้นทางการจัดแสดงคือมีอะไรให้เราได้ทึ่งอยู่ตลอดเวลาที่เดินชม ภายในโซนนี้เราจะได้ชมลักษณะท่าทางที่เป็นเอกลักษณ์ของสัตว์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฝังตัวเองในทราย พ่นน้ำจับเหยื่อ เปลี่ยนสีตัวเองให้กลมกลืนกับธรรมชาติ
" behavior " เป็นโซนที่เราชอบและประทับใจมากที่สุดในบรรดาโซนทั้งหมดที่จัดแสดง เพราะได้ชมพวกสัตว์ต่างๆ ในระยะที่ใกล้ชิดมากๆ แบบว่าห่างกันเพียงแค่ไม่กี่เซนฯ โดยที่ไม่มีกรงหรือกระจกกันระหว่างเรากับสัตว์พวกนี้เลย ให้อารมณ์เหมือนกับอยู่ในสนามเด็กเล่นของสัตว์ที่สามารถเดิน กระโดด บินเล่นไปมาได้อย่างอิสระเสรี หลังเดินออกจากโซนนี้ก็จะพบกับโซนสุดท้ายที่จัดแสดง " biodiversity " ซึ่งจะมีภาพ 3 มิติแบบไดนามิกฉายผ่านหน้าจอขนาดใหญ่ ให้เราได้ชมกันค่ะ
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Osaka Monorail มาลงที่สถานี Bampuku-Kinen-Koen ตัวพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ภายในอาคาร Expo City เดินออกจากสถานีมาก็สามารถมองเห็นได้ง่ายๆ ไม่ต้องกลัวหลงที่สำคัญทริปนี้เราใช้บัตร Kansai Thru Pass ซึ่งครอบคลุมการใช้งาน Osaka Monorail อยู่แล้วทำให้เดินทางจาก Osaka Aquarium KAIYUKAN มาเที่ยวที่นี้ต่อได้สะดวกสบายมาก !!!