เหมียว เหมียว เรียกทรัพย์

เหมียวน้อยน่ารัก ไม่ว่าจะเป็นเจ้าแมวที่เราเลี้ยงไว้เป็นเพื่อน หรือจะตุ๊กตาแมวน้อยตัวโปรดของเด็กน้อย หรือแม้แต่กระทั่งแมวกวักที่กลายเป็นสิ่งมงคลนำโชคในการกวักเรียกเงินเรียกทองมาสู่คนที่มีไว้ในครอบครอง เหล่านี้ล้วนเป็นเจ้าแมวสี่ขาขี้อ้อนทั้งนั้นเลยค่ะ และเมื่อพูดถึงแมวกวักแล้ว มีที่มาที่ไปอย่างไรถึงได้กลายเป็นแมวกวักไปได้นะ แล้วมีกี่สี กี่ความหมายกันล่ะ วันนี้เราจะตอบข้อสงสัยเหล่านี้กันค่ะ ไปทำความรู้จักกับแมวเหมียวเรียกทรัพย์กันเลยค่ะ


แมวกวัก


มาเนกิเนะโกะ (Manekineko) หรือแมวกวัก มีจุดกำเนิดอยู่ในสมัยเอโดะ คือในช่วงระหว่างปี ค.ศ.1603-1868 โดยประมาณ ซึ่งเรื่องราวนั้นมีอยู่ว่า ณ วัดเล็กๆ เก่าๆ ที่ชื่อว่า วัดโกโตะคุจิ (Gotokuji) แห่งนี้มีพระชรายากจนจำวัดอยู่และท่านก็เลี้ยงแมวไว้หนึ่งตัว ให้ชื่อว่า ทามะ ถึงแม้ว่าพระท่านจะยากจนเพียงไรแต่ท่านจะแบ่งปันอาหารให้เจ้าทามะเสมอๆ

จนในวันหนึ่งที่อากาศหนาวเหน็บ พระท่านอยากดื่มชาเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น หากแต่พบว่าไม่มีใบชาเหลืออยู่เลย ด้วยความอัดอั้นท่านจึงทรุดตัวลงร้องไห้เสียใจในความยากจนนี้ ทำให้ทามะเข้าไปดูเจ้านายของมันด้วยความกังวล และยังได้ยินคำคร่ำครวญความคับข้องใจและขอให้ทามะทำบางสิ่งเพื่อให้วัดอยู่ได้ มันทำให้เจ้าทามะเกิดความกังวลและงุนงง

ในขณะเดียวกันนั้น สภาพอากาศด้านนอกวัดก็มีฝนเริ่มตกหนักและมีฟ้าผ่าลงมา ทำให้เศรษฐีผู้หนึ่งที่กำลังเดินผ่านวัดนี้ขอเข้าไปหลบฝนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ และในระหว่างที่หลบฝนอยู่นั้น เศรษฐีผู้นั้นก็เห็นเจ้าทามะที่มีท่าทางคล้ายกับกำลังกวักมือเรียกเขาอยู่ เศรษฐีผู้นั้นก็เดินเข้าไปหามัน

ขณะที่เศรษฐีผู้นั้นเดินห่างจากต้นไม้ใหญ่ที่หลบฝนอยู่เมื่อครู่เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น ก็ให้ได้ยินเสียงฟ้าผ่าลงมาที่ต้นไม้นั้นจนลุกเป็นไฟต่อหน้า เศรษฐีผู้นั้นตกใจมากและขอบคุณเจ้าทามะแมวน้อยที่ช่วยชีวิตเขาไว้ เศรษฐีจึงตามหาเจ้าของแมว จึงทำให้เขาเห็นสภาพที่แสนรันทดของพระท่าน  เศรษฐีจึงตอบแทนเจ้าทามะด้วยการให้เงินช่วยเหลือพระผู้เป็นเจ้าของทามะ และยังชักชวนให้คนอื่น ๆ มาร่วมทำบุญกันที่วัดแห่งนี้ จนทำให้วัดเจริญรุ่งเรืองและเป็นที่รู้จักขึ้นมา จนกระทั่งเจ้าทามะจากโลกนี้ไป ทางวัดจึงได้สร้างรูปปั้นแมวไว้ที่วัดเพื่อเป็นเกียรติให้แก่เจ้าทามะ


วัดโกโตะคุจิ


เรื่องนี้ได้ถูกเล่าส่งต่อแบบปากต่อปากกันมาในหมู่ชาวญี่ปุ่นด้วยกันจึงทำให้เชื่อว่าแมวกวักนำมาซึ่งความโชคดีและความมั่งคั่งร่ำรวย ผู้คนจึงนำรูปแมวกวักมาวางไว้ที่หน้าบ้านหรือร้านค้า เพื่อนำความมั่งคั่งมาสู่ชีวิตของพวกเขาเหมือนกับที่ทามะนำความมั่งคั่งมาสู่พระ และที่ได้บอกเล่ากล่าวมาในข้างต้นนี้ก็เป็นที่มาของเจ้าแมวกวักนั่นเองค่ะ


รูปปั้นแมวภายในวัด


นอกจากแมวกวักจะเป็นสิ่งนำโชคต่างๆ มาสู่เจ้าของแล้ว แมวกวักยังเป็นตัวแทนของศิลปะตามแบบฉบับญี่ปุ่น อันเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลกในฐานะเครื่องรางนำโชค ซึ่งในไทยเราเองก็คงมีโอกาสได้เห็นความน่ารักของมาเนกิเนะโกะแบบนี้กันอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ และด้วยความน่ารักและเป็นมงคลนั่นเองค่ะ จึงทำให้แมวกวักมีการนำเสนอออกมาในรูปแบบต่างๆ และหลากหลายสีสันด้วยกันค่ะ


แมวกวักในรูปแบบต่างๆ


โดยแมวกวักจะมีลำตัวเป็นสีขาว มีลายจุดสีดำบนพื้นสีน้ำตาลอ่อน หรือสีส้ม ซึ่งถือเป็นแบบฉบับของแมวหางกุดสายพันธุ์โบราณที่หายากในญี่ปุ่น เพราะเชื่อกันว่าสีสันและลวดลายแบบนั้น เป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งความโชคดีที่หาได้ยากค่ะ



โดยเรามาทำความรู้จักกับสีแมวกวักและความหมายดีๆ ที่แฝงมาด้วยกันเลยค่ะ เริ่มที่แมวกวักสีขาวสีของความบริสุทธิ์ ที่จะนำพาให้พบแต่ความสุข, สีดำจะช่วยในเรื่องการป้องกันความเจ็บป่วย ช่วยให้สุขภาพดี ปัดเป่าสิ่งไม่ดี สิ่งชั่วร้ายได้, สีเขียวช่วยให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุทั้งปวง, สีน้ำเงินหรือสีฟ้าจะนำพาความสำเร็จด้านวิชาการและการศึกษามาให้, สีแดงช่วยคุ้มครองและป้องกันสิ่งชั่วร้ายได้, สีม่วงจะช่วยมอบพลังแห่งศิลปะและความงามให้ , สีเหลืองช่วยให้คู่รักรักกันได้ยืนยาวและไม่ทะเลาะกัน, สีทองจะช่วยเรียกเงินเรียกทอง นำพาความมั่งคั่งและความร่ำรวยมาให้, สีชมพูจะช่วยดึงดูดความรักให้เข้ามาหา, สีเงินช่วยในเรื่องสุขภาพร่างกายแข็งแรงและอายุยืนยาว เป็นต้นค่ะ

นอกจากนี้สีสันของแมวกวักแล้ว ท่าทางการกวักของแมวก็มีความหมายที่ต่างกันออกไป อาทิ แมวที่กวักด้วยอุ้งเท้าหน้าซ้ายจะช่วยเรียกลูกค้าให้เข้าร้าน, แมวกวักด้วยอุ้งเท้าหน้าขวาจะนำความโชคดีและความมั่งคั่ง และแมวกวักด้วยอุ้งเท้าหน้าทั้งสองจะช่วยป้องกันสิ่งชั่วร้ายและโรคภัยไข้เจ็บให้แก่เจ้าของได้ค่ะ โดยทั้งนี้อุ้งเท้าที่กวักยิ่งถูกยกสูงขึ้นจะยิ่งนำมาซึ่งความโชคดีมาให้ และเมื่อกวักมือข้างไหนก่อนแล้วต่อมาก็เป็นเรื่องของความสูงจากมือกวัก มีความเชื่อกันว่ายิ่งแมวกวักยกสูงมากโชคลาภและเงินทองต่างๆ หรือแม้แต่ลูกค้าก็จะยิ่งมากขึ้นไปด้วยค่ะ


แมวกวักด้วยอุ้งเท้าหน้าทั้งสอง


จากลักษณะ สี และท่าทางการกวักแล้ว ต่อมาก็ต้องเรื่องราวของเครื่องประดับที่เราพบเห็นกันอยู่นั้นก็มีความหมายอยู่เช่นเดียวกันค่ะ เช่น ใส่ปลอกคอ อาจจะมีหลากสี ส่วนใหญ่ก็จะเป็นสีแดง และมีกระดิ่งห้อยอยู่ มีความเชื่อว่าถ้าห้อยกระดิ่งไว้แมวจะไม่หนีไปไหนและโชคลาภเองก็จะไม่หนีหายไปด้วยเช่นกันค่ะ, แมวกวักสวมผ้าพันคอ เชื่อกันว่าช่วยปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ, แมวกวักถือเหรียญทองไว้ในมือ เพื่อเรียกเงิน เรียกทอง และความโชคดี ให้มากขึ้นเเละอยู่ตลอดไปสวมปลอกคอกระดิ่ง เชื่อว่าโชคดีที่กวักเข้ามาจะไม่หนีไปไหน, แมวกวักถือปลา เชื่อกันว่าอาหารการกินจะอุดมสมบูรณ์, แมวกวักถือดารุมะ (ตุ๊กตาล้มลุกญี่ปุ่น) เชื่อว่าทำอะไรก็ประสบความสำเร็จไม่ล้มเหลว,  ค้อน เชื่อกันว่าจะนำความมั่งคั่งมาให้, แมวกวักจะพัดสิ่งชั่วร้ายออกไป พัดสิ่งดีเข้ามาแทน, แมวกวักถือถุง เชื่อกันว่า จะร่ำรวยเงินทอง มีสมบัติมากมาย,แมวกวัดถือน้ำเต้า เชื่อมีความเชื่อกันว่า จะอายุยืน เป็นต้นค่ะ 



ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้นนี้ เป็นเรื่องราวของแมวกวักตัวน้อย ในฐานะตัวแทนทางการนำความโชคดีและเงินทองให้ไหลมาเทมาสู่ผู้ที่เป็นจ้าของ โดย ณ ปัจจุบันนี้เจ้าแมวกวักได้ถูกผลิตและมีการออกแบบมาอย่างหลากหลาย และเป็นมากกว่าแค่เครื่องรางแล้วค่ะ ตัวอย่างเช่น แมวกวักในท่านอนกวัก, แมวกวักที่ตัวแมวเป็น Hello,Kitty,Doraeomon หรือจะเป็นแมวกวักกับคาแรกเตอร์การ์ตูนที่กำลังดังอยู่ในช่วงเวลานั้นมา ฯลฯ ว่าแล้วก็อย่าลืมหาซื้อน้องแมวกวัก หรือมาเนกิเนะโกะ มาเสริมดวงชะตาและเรียกโชคลาภและเงินทองกันดูนะคะ

ข้อมูลจาก

https://www.jnto.or.th/newsletter/manekineko/

https://anngle.org/th/j-culture/legend-maneki-neko.html