” No planned trip and spent most of the time randomly strolling in one of the world’s most memorable cities “
ก่อนอื่นคงต้องขอบคุณเพื่อนๆ ที่มาหาที่ทำให้ทริปนี้เกิดขึ้น ถ้าไม่มีทริปนี้เราคงจะไม่ได้ออกไปไหน นอนกลิ้งอยู่ที่ห้อง และกล้องก็คงอยู่บนโต๊ะเหมือนเดิม
หลังจากที่ไปรับเพื่อนที่สนามบินฟุกุโอกะแล้ว เราก็เลยแพลนกันว่านางาซากิจะเป็นเมืองแรกที่พวกเราจะไป
นางาซากิเป็นเมืองท่าที่สำคัญของญี่ปุ่นในสมัยก่อนเลยทำให้มีวัฒนธรรมจากหลายๆ ชาติปะปนกัน ไม่ว่าจะเป็นจีนหรือยุโรป และที่สำคัญเลยคือเป็นเมืองที่สำคัญเมืองหนึ่งในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นเมื่อตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 การเดินทางก็แสนง่ายใช้เวลาแค่ประมาณ 2 ชม. จากสถานี JR Hakata ก็ถึงแล้ว
สำหรับใครที่มาเที่ยวคิวชู การเดินทางไปเมืองต่างๆ ไปโดยรถไฟจะสะดวกที่สุด การซื้อตั๋ว JR Kyushu pass เลยคุ้มมาก เพราะสามารถนั่งรถไฟได้เกือบทุกแบบและไปได้ทุกสถานี (แต่พวกขบวนพิเศษต้องจองและจ่ายเพิ่ม) มีทั้งแบบ 3 days และ 5 days ใครที่คิดจะไปเที่ยวแค่ทางเหนือ อย่างจังหวัด ซากะ คิตะคิวชู นางาซากิก็ซื้อแค่แบบ Kyushu north พอนะ แต่ถ้าคิดจะไปเหนือยันใต้เลยก็ต้องซื้อแบบทั้งหมดไป

รถไฟที่เราขึ้นเป็นรถไฟ limited express ในโบกี้รถไฟคนเยอะมาก กว่าพวกเราจะเข้าไปที่นั่งก็เกือบเต็มหมดแล้ว โชคดีที่ยังมีที่นั่งให้เราหลับเอาแรงระหว่างทางไปนางาซากิ ถ้าไม่มีก็คงต้องยืนยาวๆ

we arrived… เดินออกมาจากรถไฟอย่างสะลึมสะลือหลังจากงีบมาประมาณ 2ชั่วโมงเต็ม ทั้งๆ ที่รู้สึกเหมือนเพียงแปปเดียวเอง
การเดินทางในตัวเมืองนางาซากิ เราไปไหนโดยรถรางตลอดทั้งทริป มันสะดวกมากๆ เพราะมันครอบคลุมในตัวเมืองและพวกสถานที่ท่องเที่ยว
ไม่ว่าจะลงสถานีไหนก็จ่าย 130 เยนทุกสถานี
แต่ถ้าใครไปเที่ยวเยอะหรืออยากขึ้นลงแทรมบ่อยๆ แนะนำให้ซื้อเป็นแบบ one day pass tram ราคา 500 เยน ขึ้นลง 4-5 ครั้งก็คุ้มแล้ว
ซื้อได้ที่ tourist information center ตรงสถานีรถไฟ Nagasaki
รถรางในเมืองนางาซากิมีอยู่ 4สาย (1,3,4,5) จะขึ้นสายไหน ขบวนไหนให้ดูที่ป้ายและก็ตัวเลขที่อยู่ด้านหน้ากับด้านข้างรถรางนะ เวลาอยู่ในรถรางให้ดูเป็นหมายเลขว่าเราจะลงสถานีเบอร์ไหน
เดี๋ยวแปะลิงค์แผนที่รถรางให้


อาจะดูไม่เหมือนกับเยาวราชที่ไทยซึ่งมันจะคึกคักทั้งกลางวันและกลางคืน แต่ที่นี่ก็จะไม่วุ่นวาย คนไม่พลุกพล่าน เหมือนเป็นชุมชนคนจีนเล็กๆ

ซาลาเปาหมูสามชั้น หรือ kakuni manjyu ของกินเล่นที่หาได้ง่ายๆ ในนางาซากิ
ที่นางาซากิอาหารที่ขึ้นชื่อคงไม่พ้นอาหารเส้นที่มีความผสมระหว่างอาหารญี่ปุ่นและอาหารจีน ก็คือชัมปงและซาระอุด้ง
ชัมปงจะมีหน้าตาคล้ายๆ กับราเมน แต่จะใส้ทอปปิ้งเป็นพวกซีฟู้ด ผัก
ส่วนซาระอุด้งจะเป็นเส้นหมี่กรอบแล้วก็ใส่ผักและก็เนื้อสัตว์ น้ำจะข้นกว่า แนวๆ ประมาณหมี่กรอบราดหน้า

Dejima เกาะเล็กๆ ที่สร้างโดยฝีมือมนุษย์ เมื่อก่อนเป็นที่อยู่ของชาวต่างชาติที่เข้ามาในนางาซากิ เกาะนี้เป็นเหมือนประตูทางผ่านรับวิวัฒนาการจากโลกภายนอก แต่เอาจริงๆ เหตุผลที่สร้างขึ้นเลยหลักๆ เลยก็คือ กันไม่ให้ต่างชาติมาเผยแพร่ศาสนาและจำกัดชาวต่างชาติให้อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่กำหนดนั่นแหละ
ค่าเข้าผู้ใหญ่จะอยู่ที่ 510เยน
location : 6-1 Dejimamachi, Nagasaki, 850-0862


โบสถ์ Oura โบสถ์คริส์ที่เก่าแก่สุดในญี่ปุ่น สร้างขึ้นสมัยยุคเอโดะ ปี 1864
ข้างในตัวโบสถ์ตกแต่งด้วยกระจกสเตนเลสที่มีอายุมากกว่า 100 ปีและไม่โดนระเบิดปรมาณู ยังได้รับการขึ้นชื่อเป็นสมบัติของชาติด้วย
ตึกข้างๆ โบสถ์ก็จะเป็นนิทรรศการแสดงความเป็นมาของโบสถ์นี้รวมถึงการเข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในประเทศญี่ปุ่น

หลังจากออกจากโบสถ์ Oura ก็เลยเดินไปตามทางชันข้างๆ
จะเป็น Glover garden ประตูรั้วเขียวและมีบันไดเลื่อนให้เราเสี่ยงไปดู ว่าสวนนี้ข้างในมันจะมีอะไร เพราะตอนแรกที่เห็นชื่อเลยนึกว่าเป็นแค่สวนธรรมดาๆ
Glover garden หรือ สวน Glover เคยเป็นบ้านพักสไตล์ยุโรปของชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ในนางาซากิที่ยังหลงเหลืออยู่
location : 8-1 Minamiyamatemachi, Nagasaki, 850-0931


เลยนั่งรถรางไปจนถึงสถานีปลายทาง เบอร์ 51. ishibashi แล้วก็เดินไปตามที่google map บอก

นั่งดูพระอาทิตย์ตก อากาศเย็นสบาย มีลมพัดมาบ้าง ผู้คนน้อยจนแทบนับคนได้
Comment here
You must be logged in to post a comment.