เที่ยว Kanazawa - Shirakawa go - Takayama - Kamikochi - สนามบินชูบุเซ็นเเทรร์

บทความก่อนหน้านี้ เราเดินทางจาก สนามบินชูบุเซ็นเเทรร์ นาโกย่า ไปเกียวโต ด้วยรถบัส Meihan Kintetsu Bus และนอนที่เกียวโต คืน วันนี้การเดินทางของเราจะเดินทางจากเกียวโตไปเมืองคานาซาวะ (Kanazawa) จากนั้นเราจะไปเที่ยว หมู่บ้านชาวนาที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น ชิราคาวาโกะ (Shirakawa go) และเดินทางไปนอนที่เมืองทาคายาม่า (Takayama) วันสุดท้ายเราจะพาไปสัมผัสกับธรรมชาติ สวยติดอันดับต้นๆของญี่ปุ่น คามิโคจิ (Kamikochi) แล้วเดินทางกลับเมืองไทย นั่งบัสตรงจากทาคายาม่า (Takayama) ไปสนามบินชูบุเซ็นเเทรร์ การเดินทางในช่วงนี้วันคืน 

 



ส่วนที่สะดุดตาชอบมากที่สุดในเส้นทางนี้คือ การนั่งรถบัสไปเที่ยว ชิราคาวาโกะ (Shirakawa go) และ คามิโคจิ (Kamikochi)  ซึ่งเดินทางเที่ยวง่ายมากๆ ด้วยรถบัสของโนฮิบัส (Nouhi Bus) ในราคาที่คุ้มค่าจริงๆ ได้เที่ยวสถานที่ในฝันที่เห็นจากภาพถ่ายยังตกหลุมรัก แต่ได้มาเห็นของจริงแบบนี้ทำเอาอยากอยู่ต่อนานๆ 



จากเกียวโต เรานั่งรถไฟตรงมายังเมืองคานาซาวะ (Kanazawa) ราคาตั๋วคนละ 7,100 เยน ขึ้นรถไฟตอน 14.10. ถึง คานาซาวะ (Kanazawa) 16.30. เรารีบเอากระเป๋าไปเก็บที่โรงแรมที่จองไว้ก่อนเลย เพราะเดินจากสถานีคานาซาวะ ไม่ไกล 5 นาทีก็ถึงเป็นช่วงที่เช็คอินได้พอดี เอากระเป๋าไปเก็บ แล้วจะได้รีบออกไปสำรวจเมืองกัน คืนนี้เรานอนกันที่โรงแรม Hotel Mystays Premier Kanazawa ค่าที่พักคืนนี้ 9,000 เยน ประมาณ 2,700 บาท 



ที่สถานีคานาซาวะ (Kanazawa Station) มีสถาปัตยกรรมที่ใครมาก็มักจะมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เพราะเปลี่ยนเหมือนประตูเมืองคานาซาวะเลยละครับ นั้นคือ ประตู Tsuzumi-mon Gate สร้างเป็นประตูเมืองขนาดใหญ่ ด้วยแนวคิดจากกลอง Tsuzumi ซึ่งเป็นกลองโบราณที่ใช้สำหรับการเล่นประกอบการแสดงละครโนห์และคาบูกิ ซึ่งการแสดงโนห์ เป็นเหมือนการแสดงสำคัญของเมืองนี้ รูปแบบสถาปัตยกรรมนี้จึงพิเศษและบอกเล่าเรื่องราวของเมืองคานาซาวะ (Kanazawa) ได้อย่างดี 





นอกจากประตู Tsuzumi-mon ที่แนะนำให้มาถ่ายรูปกันแล้ว เราจะนั่งรถเมล์ ไปเที่ยวหมู่บ้านเก่าแก่ ในเมืองคานาซาวะกัน ประมาณ 10 นาที เราก็มาถึง 







หมู่บ้านฮิงาชิ ชายะ (Higashi Chaya district) เป็นหนึ่งในหมู่บ้านโรงน้ำชาและแหล่งผลิตชาชายะ ในสมัยเอโดะที่นี่ยังเป็นเหมือนแหล่งรื่นเริงบันเทิงของนักเดินทางที่มาเยือนเมืองคานาซาวะ มาร้องเพลง เต้นรำ ชมการแสดงเกอิชา ปัจจุบันที่นี่จึงกลายเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือน ชมสถาปัตยกรรม บ้านเก่าแก่ในย่านนี้  แนะนำให้รีบมาก่อนห้าโมงเย็น เพราะร้านต่างๆจะเริ่มทยอยปิดร้าน

 

วันที่3 ของทริปการเดินทาง 




การเดินทางวันนี้ของเรา เป้าหมายอยู่ที่ หมู่บ้านมรดกโลกอันโด่งดังของญี่ปุ่น หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go Village) ซึ่งเราจองรถบัสของ Nouhi Bus ไว้ ขึ้นรถที่หน้าสถานีคานาซาวะ (Kanazawa Station) นี้ละครับ รอบรถตอน 11:10 น.  การซื้อตั๋วนะเหรอครับ ซื้อได้ที่ Bus center หน้าชานชาลาที่2 ซึ่งจะเป็นจุดที่เราไปรอขึ้นรถนั้นเอง



หลังอาหารเช้าที่โรงแรม พบคำนวณดูเวลา เรามีเวลาอยู่ที่เมืองนี้อีกประมาณชั่วโมง เท่านั้น เลยคิดว่า จะไปเที่ยว สวนชื่อดังของเมือง คือ สวน Kenroku-en แต่คิดว่าเวลาน้อยไปหน่อย เลยเลือกที่จะไปเดินช้อปปิ้งเลือกซื้อของประจำเมืองนี้ที่สถานีคานาซาวะดีกว่า ได้ของเที่เกี่ยวกับทองมาหลายอย่างเลย ซื้อทองมาใส่กาแฟด้วย ได้ลองข้าวปั้นแบบสี่เหลี่ยมแปลกดี 



พอใกล้เวลา เราก็ลากกระเป๋าเดินทางไปรอรถ เนื่องจากตั๋วระบุที่นั่งแล้ว เราจึงไม่ต้องรีบมากนัก รถมาตรงเวลาเป๊ะ Bus to Shirakawa-go คนละ 3,600 เยน ใครสนใจรายละเอียดดูได้ในเว็บไซต์ https://www.nouhibus.co.jp/english/highwaybus/





รถวิ่งตรงยาวถึง ชิราคาวาโกะ เลยครับใช้เวลา 1ชั่วโมง 15 นาที เราก็มาถึงสถานีรถบัสชิราคาวาโกะ ลงรถที่นี่ ส่วนกระเป๋าเดินทางที่ลากมาด้วย เราเอาไปฝากที่ห้องรับฝากกระเป๋าด้านหลังสถานี เขาคิด 1,000 เยน/ครั้ง เราจะฝากกี่ใบก็ 1,000 เยน และเราจะมารับกระเป๋าคืนก่อนบ่ายสาม เพราะหลังจากที่เราเที่ยวที่นี่เสร็จแล้วเราจะเดินทางไปนอนที่ทาคายามะกันครับ ไปรถเที่ยว 15:10 . เพื่อไปให้ถึงก่อนค่ำจะได้ทันเที่ยวเมืองทาคายามะด้วย ฉะนั้นเรามีเวลาเที่ยวที่ หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go Village) ประมาณชั่วโมงครึ่งครับ สบายๆ 




หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go Village) เป็นหมู่บ้านชาวนาที่มีชื่อเสียงระดับโลก ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของ UNESCO ในปี .. 1995 ด้วยวิถีวัฒนธรรม สถาปัตยกรรมที่โดดเด่น สวยงาม สวยงามมาเที่ยวได้ทุกฤดู รูปภาพที่เราเห็นกันใน IG บ่อยๆ บ้านชาวนาที่มีหลังคาทำด้วยฝางหนาๆ คุลมตัวบ้านเกือบถึงพื้น เป็นลักษณะบ้านโบราณมีหลังคาทรงสูงแบบการพนมมือที่เรียกว่า “Gassho-Zukuri (合掌造り)”  แต่ละหลังมีอายุเก่าแก่นับร้อยปี ช่วงที่เราไปเป็นหน้าร้อนของญี่ปุ่น เราเลยได้เห็นทุ่งนาสีเขียวทั่วหมู่บ้าน ภายในหมู่บ้าน มีทั้งที่พัก ร้านคาเฟ่ ร้านของฝาก อยู่หลายร้าน 





นอกจากการเดินเล่นในหมู่บ้านแล้ว ต้องไม่พลาดที่จะขึ้นไปยังจุดชมวิว ซึ่งจะมีรถ Shuttle bus รับส่ง ในราคาคนละ 200 เยน ถ้าใครไม่อยากเสียเงินก็เดินขึ้นเขาได้ ออกกำลังกาย แต่ก็ใช้เวลาหน่อยนะมันสูง รถ Shuttle bus จะมีทุกๆ 20 นาที ตั้งแต่เก้าโมงเช้า จนถึงบ่ายสามสี่สิบ เป็นเที่ยวสุดท้าย



ขึ้นมาจุดชมวิวแล้วรับรองคุ้มค่า 200 เยน แน่นอนครับ มันสวยจริงๆละนี้คือภาพที่เราอยากจะถ่ายรูปนี้มานานละ 





จากหมู่บ้านชิราคาวาโกะ ไป เมืองทาคายาม่า (Takayama) เราเลือกขึ้นรถเที่ยวบ่ายสาม เพราะว่าจะเดินทางไปถึงราวๆ สี่โมงเย็น ใช้เวลาประมาณ1ชั่วโมงในการเดินทางเท่านั้น คนละ 2,600 เยน รถมาจอดที่สถานีรถบัสของโนฮิบัส (nouhi bus) ซึ่งอยู่ข้างสถานีทาคายาม่า รถบัสรถไฟที่ญี่ปุ่นนี้เขาเชื่อมถึงกันหมดจริงๆอยู่ติดๆแบบนี้เดินทางสะดวก



เราได้ที่พักด้านหลังสถานีทาคายาม่า เดิน 5นาทีเหมือนเดิมใกล้มากๆ คืนนี้นอนที่ Hotel Kuretakeso Takayama Ekimae ราคา 11,100 เยน รีบเอาของไปเก็บครับ แล้วคราวนี้เราจะเดินไปย่านเมืองเก่ากัน (Takayama old town) เดินไปแค่ 15 นาทีก็ถึง



ย่านเมืองเก่า Takayama old town เต็มไปด้วยอาคารบ้านไม้โบราณ ซึ่งสร้างมาตั้งแต่ช่วงสมัยเอโดะ หรือเมื่อประมาณ 200 ปีก่อน และได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีจนถึงทุกวันนี้ ถ่ายรูปสวยครับ เดินช้อปปิ้ง หาของกินเพลินๆ เจอร้านทำสาเกด้วยนะ แวะกินซาลาเปาเนื้อ เห็นคนซื้อกันเยอะเลยลองมั้ง ได้กินเนื้อขึ้นชื่อของเมือง เนื้อฮิดะ ของดีเมืองทาคายามะ





วันศุกร์ วันเสาร์ช่วงเย็นๆ ที่ทาคายามะ จะมีถนนคนเดิน ที่คึกคักมาก เป็นอีกอย่างที่ไม่อยากให้พลาด เพราะของที่ขายที่นี่ถูกมากๆ เราได้ชุดยูกะตะแบบสวยๆในราคาถูเหลือเชื่อ เสื้อคลุม 300 เยน กระเป๋าเข้าชุดกับยูกะตะ 200เยน นี้ถุกกว่าที่ไปเช่าวันก่อนอีก เลยได้กลับมาคนละชุด เดินไปเจอคุณป้าขายของมือสอง โอโห้!!! ถูกมาก ถูกจนไม่อยากเชื่อ ได้ชุดแก้วน้ำสวยๆที่อยากได้มานาน 250 เยน ได้มาตั้ง5ใบ ตอนรแกนึกวว่าขายใบละ ที่ไหนได้ ขายทั้งหมดนั้นเลย เอนจอยเลยซื้อกระหน่ำเลยครับคราวนี้ เราใช้เวลาไปกับการเลือกสินค้ามือสองจุดนี้นานมากเพราะถูกอย่างกับแจกฟรี ที่สำคัญของดีมากเหมือนจะมือ1มากกว่า ไม่เคยผ่านการใช้งานเลย 





ร้านอาหารบนถนนคนเดินก็ เหมือนมาเที่ยวงานปาร์ตี้บ้านเพื่อน ทุกคนสนุกสนาน และเป็นกันเองมากๆ ของกินอร่อย เลยเดินกินโน่นกินนี้ไปเรื่อย เริ่มหลงรัก ทาคายามะเข้าแล้ว ถนนคนเดินแห่งนี้มีเฉพาะวันสุดสัปดาห์ คนทั้งเมืองจะมาร่วมตัวกันที่นี่ ทำกิจกรรมกันหลากหลาย ทั้งเต้นรำ เล่นดนตรี โชว์ความสามารถ เปิดร้านขายของถูก เป็นคือที่สนุกจริงๆ 




วันที่4 ของการเดินทาง 


วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเดินทางเที่ยวในญี่ปุ่นแล้วครับ แต่เรายังมีจุดไฮไลท์ ที่อยากจะไปกันอีก1จุด เราจะจัดเวลาช่วงเช้าจนถึงบ่ายให้กับที่นี่เลย คามิโคจิ (Kamikochi) ดินแดนที่สวยราวกับเทพนิยาย มีลำธารน้ำใสๆ ป่าสนเขารายรอบ หิมะละลายมาจากยอดเขาสูงใหญ่ เจแปนแอลป์ (Japan Alps) ภาพที่ติดตราตรึงใจชาวญี่ปุ่นมานานนับร้อยปี วันนี้เราจะได้ไปเยือนกันแล้ว 

จากตัวเมืองทาคายามะ เราเดินทางด้วยการซื้อตั๋วแพคเกจพิเศษที่ Nouhi Bus เป็นตั๋วไปกลับ Takayama - Hirayu Onsen - Kamikochi คนละ 5,040 เยน คือถ้าซื้อแยกจะแพงกว่านี้นี้ประหยัดได้เยอะเลย และไม่ต้องไปเสียเวลาต่อคิวซื้อตั๋วหลายครั้ง 

พวกเรารีบตื่นแต่เช้ากินอาหารเช้าแล้วออกมา ที่สถานีรถ Nouhi Bus กันเลย เพราะว่าไปยิ่งเช้ายิ่งดี จะได้มีเวลาเพิ่มขึ้น และเนื่องจากเป็นตั๋วแบบไม่มีจองที่นั่ง ถ้าเต็มก็ต้องรอเที่ยวต่อไป ดังนั้นมาก่อนขึ้นรถก่อนดีที่สุด 



จาก Takayama รถจะตรงไปถึง Hirayu Onsen ใช้เวลาประมาณ 1ชั่วโมง และจาก Hirayu Onsen เราจะต้องต่อรถของบริษัท Alpico bus ซึ่งเราซื้อตั๋วแพคเกจมาแล้ว จุดนี้มาถึงก็ให้รับต่อแถวเลยนะครับรอขึ้นรถ เพราะมาก่อนขึ้นก่อน ถ้ารถเต็มก็ต้องรอรอบต่อไปจะเสียเวลาอีก เราโชคดีมากที่เดินทางเช้าแล้วได้ขึ้นคนแรกๆ สายๆคนจะไปเที่ยวกันเยอะ ใช้เวลาจาก Hirayu Onsen เข้าไปที่ คามิโคจิ (Kamikochi) แค่ 25นาที มีรถทุกๆครึ่งชั่วโมงคอยให้บริการ 




คามิโคจิ (Kamikochi) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามมากๆ คนญี่ปุ่นนิยมมาเดินป่า ปีนเขา ตั้งแคมป์ กันที่นี่  กิจกรรมหลักๆของที่นี่ คือ การเดินป่าระยะสั้น (Hiking) การเดินเท้าขึ้นเขา-ลงเขาในระยะทางไกล (Trekking) หรือ การเดินทางที่เน้นการปีนเขา (Mountain climbing) อันนี้ใช้เวลาหลายวัน ระดับเราเวลาน้อยเที่ยวนี้ ก็เดินไปชมจุดชมวิวที่เป็นที่สุดก่อนเลย นั้นคือ ชมวิวสะพานคัปปะ (Kappa Bridge) ซึ่งอยู่ในระดับ ความสูง 1,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล อากาศเย็นสบาย มองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของเทือกเขาโฮทะกะ (Hotaka) และยอดเขายะเคะ (Yakedake) ได้ด้วยตาเปล่า จุดนี้เดินจากสถานีคามิโคจิ ที่เราลงรถแค่ 10 นาทีก็ถึงครับ 







คามิโคจิ (Kamikochi) เปิดให้เข้าได้ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน ถึง วันที่ 15 พฤศจิกายน ของทุกปี และมีผู้คนเดินทางมาท่องเที่ยวมากถึง 1,200,000 คนต่อปี ไว้มีเวลามากๆ เราจะมานอนกางเต็นท์ที่นี่กันบ้าง



หลังจากที่ใช้เวลาเดินป่า สำรวจธรรมชาติที่สวยงามในคามิโคจิ กันแล้ว ก่อนบ่ายโมงเราเดินทางกลับมาที่ Hirayu Onsen ด้วยตั๋วรถที่จองไว้นั้นละครับ ตั๋วไม่ได้เจาะจงเวลาหรือที่นั่ง ดังนั้นขึ้นรถตอนไหนก็ได้ กลับมาเหนื่อยๆ แนะนำ แช่น้ำแร่ที่ Hirayu Onsen ก่อน หน้าสถานี จะมีบ่อแช่เท้า จะช่วยคลายเมื่อยล้าจากการเดินป่าได้ดีที่เดียวตัวเบาเลย แล้วก่อนกลับเข้าเมือง Takayama 



ไม่น่าเชื่อครับว่าเราจะขึ้นมาเที่ยวเขาสูงขนาดนี้ ได้ในเวลาแค่ครึ่งวัน ทันเวลาที่เราจะต้องเดินทางไปสนามบินกันแล้วครับ ขากลับเราใช้ตั๋วเดินทางแบบแพคเกจของ Nouhi Bus ซื้อได้ทีสถานี สถานีรถ Nouhi Bus นั้นละครับ ใช้ตั๋ว Takayama-Centrair Kippu คนละ 3,700 เยน ซึ่งประกอบไปด้วย ตั๋วรถบัสตรงไป Takayama ถึงเมือง Gifu (Meitestu) และตั๋วรถไฟ ไปสนามบินชูบุเซ็นเเทรร์ (NGO Airport) ลงรถปุ๊บขึ้นรถไฟต่อได้เลยแบบว่าเชื่อมต่อกันเดินทางง่ายมากๆ ในราคาสบายกระเป๋า เที่ยวรถออกจากทาคายามะ 16:10 . เราถึงสนามบินชูบุเซ็นแทรร์ ตอน 19.40. มีเวลาให้เดินเล่น เที่ยวสนามบินชูบุเซ็นเเทรร์  









ท่าอากาศยานนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ (Chubu Centrair International Airport) หรือ สนามบินนาโกย่า ยังเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายในการเที่ยวช้อปปิ้งของเราในทริปนี้ด้วย ก่อนเดินทางกลับเมืองไทย เพราะเต็มไปด้วยร้านค้าปลอดภาษี คือถ้าตลอดทั้งทริปยังไม่ค่อยมีเวลาช้อปปิ้งนัก รวมมาช้อปเอาวันสุดท้ายก็ยังทัน เพราะที่นี่มีครบ ก่อนที่เราจะโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่อง เราจะใช้เวลาช้อปปิ้งที่นี่ก่อน เพราะรวมร้านดังๆ ไว้ครบ BIC CAMERA , ยูนิโค , ร้านโปเกม่อน , ร้าน hello kitty เป็นต้น 





เรื่องอาหารก็มี แถมที่นี่ยังมีฟู้ดคอร์ทขนาดใหญ่ ที่ชั้น4 ร้านดังๆหลายร้านด้วย ไก่ทอดนาโกย่า โคโค่อิฉิบันยะ (CoCoICHIBANYA) ร้านยาบาตง (Yabaton) ร้านหมูทอดราดซอสมิโซะ ร้านวากาชาจิยะ (Wakashachiya) อุด้งแกงกะหรี่สไตล์นาโกย่า



ใครเดินวันละ 10 กิโลแบบพวกเรา แนะนำ ออนเซ็นชมวิวเครื่องบิน ฟูโนะยุ (Fuu No Yu) ที่ชั้น4 เป็นออนเซ็นชมวิวเครื่องบินแห่งแรกแห่งเดียวของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วยนะ ไม่มีในสนามบินอื่นที่ได้เห็นวิวแบบนี้ เปิด 08.00 – 22.00 .


ส่วนเคาเตอร์เช็คอินเรา เปิด4ทุ่มครึ่ง ก็ได้เวลาเดินทางกลับเมืองไทยกันแล้ว 


สรุปค่าใช้จ่ายทั้งทริป 4 วัน 3 คืน

แยกเป็น ค่าใช้จ่ายสำหรับ คน ดังนี้ 

ค่าตั๋วเครื่องบิน = 16,660 × 2 = 33,320 บาท (การบินไทย)
ค่าประกันการเดินทาง =  1,055 × 2 =   2,110 บาท (MSIG Easy1)
ค่าที่พัก  = 29,740 JYP
ค่าเดินทาง = 50,360 JYP
ค่าเที่ยว = 26,488 JYP
ค่าอาหาร ขนม น้ำ = 29,966 JYP
ค่าซื้อของอื่นๆ = 40133 JYP

สรุปค่าใช้จ่ายทั้งทริป >>> 176,687 JYP(~51,000THB) + ตั๋วเครื่องบิน 33,320THB+ ค่าประกัน 2,110THB 

รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 86,430  บาท