มีเวลาเที่ยวก่อนกลับไทย สองวันหนึ่งคืน จะไปเที่ยวไหนดีน้าาาา… นี่คือโจทย์ที่คิดไว้ก่อนเดินทางไปเยี่ยมคุณย่าของคุณสามีที่นาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น
เกียวโต (Kyoto) และอาราชิยาม่า (Arashiyama) เมืองเล็กๆ ในเกียวโตก็แว๊บเข้ามาในหัว เพราะยังไม่เคยไปเที่ยวคันไซช่วงหน้าร้อนเลย ทริปสั้นๆ นี้เลยเกิดขึ้น
เกียวโต…อดีตเมืองหลวงเก่าแก่ของญี่ปุ่น เมืองที่มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิม และสมัยใหม่บวกรวมเข้าด้วยกัน ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่นี่มักจะเป็นจุดหมายแรกๆ ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะแวะเวียนมาชมใบไม้เปลี่ยนสีกัน เราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เคยมาชมใบไม้เปลี่ยนสีสองครั้งแล้ว ครั้งนี้เลยเป็นครั้งแรกที่มาเที่ยวเกียวโตในฤดูร้อน
บ้านคุณสามีห่างจากสนามบินนานาชาติจูบุ เซ็นแทรร์ หรือที่รู้จักกันว่า สนามบินนาโกย่า จูบุ เซ็นแทรร์ (Chubu Centrair International Airport) เพียงแค่ 20 นาที และขากลับจากเกียวโต เราต้องเดินทางกลับประเทศไทย ครั้งนี้เราสองคนเลยเลือกเดินทางกับรถบัส Meihan Kintetsu Kyoto Bus หรือ Kintetsu Non-stop Express Bus จากสนามบินฯ ไปเกียวโต และขากลับจากเกียวโต ก็ลงที่สนามบินได้เลย เฉพาะผู้โดยสารการบินไทยที่ซื้อตั๋วกับบริษัททัวร์ที่กำหนดแบบเรา สามารถโดยสารบัสนี้ได้ฟรีๆ เลยจ้า สะดวกสุดๆ เลย… ส่วนคุณสามีซึ่งไม่ได้เดินทางกลับประเทศไทยพร้อมกันในรอบนี้ ก็ต้องซื้อตั๋วรถบัสที่ตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ บริเวณด้านล่างอาคาร ใกล้ชานชาลาค่ะ ราคาตั๋วเที่ยวละ 4,000 เยน (ประมาณ 1,200 บาท) (ให้บริการถึงวันที่ 17 มีนาคม 2563)
ตอนเช้า เวลา9:00น. ของวันที่ 27 สิงหาคม เราสองคนก็มาถึงสนามบินฯ ยังพอมีเวลาก่อนที่รถบัสจะออก เลยเดินขึ้นไปทานอาหารเช้ากันบนชั้น 4 ในสนามบินฯ หลังจากนั้น 9 โมงกว่าๆ ก็ลงไปยืนรอขึ้นรถบัส ที่ชานชาลาหมายเลข 2 กันค่ะ บนรถที่นั่งสะดวกสบาย มี wifi ให้เชื่อมต่อด้วยค่ะ เน็ตไวและลื่นมาก เล่นมือถือจนแบตหมดก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะทุกที่นั่งมีที่เชื่อมต่อ USB สำหรับชาร์ตแบตด้วยค่าา
10:00น. ได้เวลาออกเดินทางไปเกียวโตแล้ววว ระหว่างทางมีฝนตกปรอยๆ ที่นั่งก็นั่งสบายจนหลับไม่รู้ตัวเลยค่ะ 55
12:40น. หลับไปตื่นนึงรถบัสก็จอดที่หน้าสถานีเกียวโต ทางออก Hachijoguchi บริเวณด้านหน้าโรงแรม Hotel Keihan Kyoto Grande
เราสองคนเดินทะลุผ่านสถานีข้ามไปฝั่งเกียวโตทาวเวอร์ เพื่อนำกระเป๋าเดินทางไปไว้ที่เรียวกังที่เราพักกัน แล้วเดินตัวเบาไปเดินเล่นชมเมืองเกียวโตกันค่ะ เรียวกังที่เราเข้าพักชื่อ Hifumi Ryokan ออกจากสถานีเกียวโต ทางออก A6 แล้วเดินย้อนหลังเข้าซอยไป 150 เมตรก็เจอแล้วค่ะ
ก่อนเดินเที่ยวชมเมือง ขอแวะร้านซาลาเปาเจ้าดังจากโอซาก้า ชื่อ 551 Horai ที่มาคันไซทีไรต้องไปต่อแถวซื้อทานทุกครั้ง ใครไปคันไซแนะนำให้ลองหาทานดูนะคะ สาขาสถานีเกียวโตร้านอยู่ในสถานีฝั่งทางออก Hachijoguchi ค่ะ
เนื่องจากฝนตกค่อนข้างหนัก ครึ่งวันนี้ที่เกียวโตจึงแทบไม่ได้ไปไหน เน้นหาของอร่อยรอบๆ สถานีทานค่ะ และมื้อเย็นพวกเราก็เลือกร้านโอโคโนมิยากิเก่าแก่ร้านนึงตั้งอยู่ใกล้สถานีเกียวโต ที่เปิดมานานกว่า 10 ปี ชื่อร้าน Okonomiyaki Kyo-chabana โอโคโนมิยากิของร้านนี้มีทั้งแบบดั้งเดิมสไตล์เกียวโตและสไตล์ฟิวชั่น ที่ไม่เคยทานที่ไหนมาก่อน ได้ลองครั้งแรกก็ติดใจ คิดว่าถ้ามาเกียวโตอีกต้องมาทานอีกให้ได้ค่ะ เมื่อเข้าไปในร้านพนักงานจะอธิบายเมนูแนะนำให้ฟังค่ะ สำหรับใครที่ไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่น ที่นี่เค้ามีเมนูภาษาอังกฤษนะคะ สำหรับเราเลือกเมนูแนะนำของทางร้านค่ะ
พิกัดร้าน https://goo.gl/maps/9R5aREp5fMCaVmJH9


วันที่ 28 สิงหาคม

หลังอาหารเช้าเราสองคนขึ้นรถไฟที่สถานีเกียวโต ไปอาราชิยาม่ากันค่ะ จากสถานีเกียวโต ไปลงที่สถานี Saga-Arashiyama (JR San-in Line 240 เยน) ประมาณ 20 นาทีค่ะ จากนั้นนั่ง Taxi ต่อไปที่ร้านเช่าชุด Rikawafuku (ค่าtaxi 740 เยน)
Rikawafuku Kimono Rental เป็นร้านกิโมโน-ยูกาตะที่มี 3 สาขาค่ะ ในตัวเมืองเกียวโต 2 สาขา และที่อาราชิยาม่าอีก 1 สาขาค่ะ ในช่วงฤดูร้อนจะเปลี่ยนจากกิโมโนเป็นยูกาตะแทน เนื้อผ้าจะบางกว่า แต่ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะบางไปนะคะ เพราะทางร้านจะเตรียมชุดคลุมชั้นในสีขาวเตรียมให้เราใส่ชั้นนึงก่อนค่ะ หากทำการจองล่วงหน้าในหน้าเวปไซต์ก่อน จะมีส่วนลดให้ (โปรโมชั่น Summer ตอนนี้ เช่ายูกาตะเพียง 1,000 เยนเท่านั้นค่าาาา) https://ewha-yifu.com/shops/kyoto-area/arashiyama/
เข้าไปในร้านพนักงานจะถามชื่อที่จอง จากนั้นจะให้เราเลือกลายยูกาตะที่ชอบ เลือกกระเป๋าถือ และก็จะให้เราถือถุงสำหรับใส่สัมภาระที่มีหลายเลขติดอยู่
แล้วเดินขึ้นไปชั้น3 เพื่อแต่งตัวค่ะ ด้านบนจะมีพนักงานสองคน คนนึงมีหน้าที่แต่งตัว อีกคนนึงทำผมค่ะ (สำหรับคนที่อยากทำผมแบบสาวญี่ปุ่น เค้าจะมีทรงผมและเครื่องประดับผมให้เลือกค่ะ ราคา 2,000 เยนต่อคน) เสร็จแล้วก็นำเสื้อผ้าและสิ่งของที่ไม่อยากเอาติดตัวไป ใส่ถุงสัมภาระติดหมายเลขที่เค้าเตรียมไว้ให้ได้เลยค่ะ
พิกัดร้าน https://g.page/rikawafuku?share
แต่งตัวเสร็จลงมาด้านล่าง พนักงานจะคิดเงิน บวกค่ามัดจำชุดเพิ่ม 500 เยน (ได้คืนตอนคืนชุด) และแจ้งเวลาที่ต้องเอาชุดมาคืน คือ 17:30น. จากนั้นเราก็เลือกรองเท้า ใส่ออกไปเดินเล่นอาราชิยาม่ากันเลยค่าา
วันที่ไปมีฝนตกปรอยๆ ตลอดทั้งวัน แต่คนก็เยอะมากๆ ค่ะ วันฝนพรำแบบนี้อากาศจะเย็นสบายไม่ร้อน แต่บรรยากาศก็ดีไปอีกแบบค่ะ

หลังจากคืนชุดยูกาตะ เราก็นั่งรถไฟกลับสถานีเกียวโต เพื่อรอรถบัสกลับสนามบินนาโกย่าค่ะ ระหว่างรอเวลารถบัสมีเวลาเหลือเกือบสองชั่วโมง
ก่อนขึ้นรถรอบ 20:20น. เราสองคนแวะขึ้นไปชมไฟประดับและวิวบนดาดฟ้าของสถานีเกียวโต แบบฟรีๆ
และแวะชอปปิ้งสินค้าปลอดภาษี (สำหรับนักท่องเที่ยว) ที่ดองกี้โฮเต้ ซึ่งอยู่ด้านหลังบริเวณชานชาลาจอดรถบัสเลยค่ะ สามารถแวะชอปปิ้งก่อนเวลารถบัสออกค่ะ


จบทริปวันฝนพรำแบบชุ่มฉ่ำ…เกียวโตและอาราชิยาม่าในฤดูร้อน ก็ไม่ได้อบอ้าวและเหงื่อตกอย่างที่คิด คงเป็นเพราะฝนโปรยปรายที่ช่วยคลายร้อน
23:00 น. ถึงสนามบินจูบุ เซ็นแทรร์ หากใครมีไฟล์ทบินกลับไทยตอนเช้า ที่สนามบินฯมีทั้งออนเซ็น โรงแรม หรือแม้แต่แคปซูลที่พักแบบนับจำนวนชั่วโมงราคาไม่แพงด้วยนะคะ สามารถเข้าไปดูราคาได้ตามนี้เลยค่ะ https://tubesq.jp/en/
ปล.ใครที่จะมาเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงฤดูร้อน โดยเฉพาะเดือนสิงหาคม(เดือนที่ร้อนที่สุดในญี่ปุ่น) อย่าลืมพกร่มมาด้วยนะคะ เพราะไม่ว่าแดดจะร้อนหรือฝนจะตกยังไงร่มก็ได้ใช้แน่นอนค่าา
Comment here
You must be logged in to post a comment.