วันนี้เราจะพาไปยังตอนเหนือของจังหวัดเกียวโต ที่เมืองคิบูเนะ (Kibune) กันค่ะ แต่ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับเมืองคิบูเนะกันหน่อยดีกว่าค่ะ
คิบูเนะ (貴船 แปลตรงตัวว่า เรือสีเหลือง) เป็นเมืองขนาดเล็กในหุบเขาที่อุดมสมบูรณ์ทางตอนเหนือของเมืองเกียวโต (Kyoto City) เมืองแห่งนี้ก่อตัวขึ้นโดยมีศาลเจ้าคิบูเนะ (Kibune Shrine) เป็นศูนย์กลาง ตามตำนานกล่าวว่า มีเทพธิดาเดินทางด้วยเรือสีเหลืองหรือคิบูเนะ จากโอซาก้า (Osaka) ขึ้นไปตามแม่น้ำจนไปถึงหุบเขาทางตอนเหนือของเกียวโต และสิ้นสุดการเดินทางที่จุดนี้ จึงได้เกิดเป็นศาลเจ้าคิบูเนะ (Kibune Shrine)
สองฝั่งตลอดทางในเมืองคิบูเนะจะมีน้ำตกงดงามตลอดทาง
สายน้ำไหลผ่านตัวเมืองเป็นขั้นบันไดตามไหล่เขาลดหลั่นลงมา
ตลอดระยะทางจากบริเวณสถานีรถบัสของเกียวโตมายังศาลเจ้าแห่งนี้จะพบกับนักท่องเที่ยวเดินชมธรรมชาติตลอดเส้นทางพร้อมบรรยากาศของน้ำตกที่ไหลผ่านให้เราได้รับพลังงานจากธรรมชาติกันได้เต็มๆเลยทีเดียวค่ะ
แนะนำสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเงียบสงบ ดื่มด่ำกับธรรมชาติมาที่นี่ไม่มีผิดหวังแน่นอนค่ะ
สำหรับเมืองคิบูเนะนั้นมีความสวยงามแตกต่างกันไปตามแต่ละฤดูกาล เมื่อความหนาวมาเยี่ยมเยือนทุกพื้นที่จะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลนให้ความรู้สึก แตกต่างไปจากความหลากหลายของสีสันของใบไม้ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ส่วนหน้าร้อนนั้นก็เป็นที่นิยมไม่แพ้กันเพราะด้วยสภาพภูมิประเทศของเมืองที่อยู่บริเวณเทือกเขาทำให้อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี บวกกับความสดชื่นจากธารน้ำตกบริเวณรอบเมืองอีกด้วยแล้ว เรียกได้ว่าเมืองแห่งนี้มีเสน่ห์ให้ผู้คนมาเยี่ยมเยือนกันได้ในทุกฤดูเลยทีเดียวค่ะ
บ้านเรือนของที่นี่ก็ยังคงไว้ซึ่งความเป็นเอกลักษณ์ในฉบับของเมืองชลบทในญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดีค่ะ
เดินมาไม่ไกลมากนัก หรือด้วยความเพลินกับธรรมชาติระหว่างทางก็ไม่รู้นะคะ เผลอแป๊ปเดียวก็เดินทางมาถึงบริเวณทางเข้าของศาลเจ้าคิฟุเนะแล้วค่ะ
สิ่งที่โดดเด่นมากๆของที่นี่คือเสาโคมไฟสีแดงที่ตั้งเรียงรายบริเวณทางขึ้นตัดกับความเขียวขจีของป่าไม้บริเวณโดยรอบศาลเจ้า เป็นจุดที่สวยงามสะดุดตา จนนักท่องเที่ยวไม่พลาดที่จะมาเก็บภาพบรรยากาศสวยๆกันเลยทีเดียวค่ะ
บริเวณบันไดทางขึ้นไปยังศาลเจ้า
โคมไฟสีแดงตั้งเรียงรายอย่างสวยงาม
เสาแดง บันไดหินและต้นไม้ความลงตัวที่งดงาม
ดูแล้วมีความสูงในระดับพอให้เหนื่อยกันนิดหน่อยนะคะ
ศาลเจ้าคิบูเนะถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นการสักการะเทพเจ้าแห่งน้ำและสายฝน และยังเชื่อกันว่าเทพองค์นี้เป็นผู้พิทักษ์ชาวเรือที่เดินทางในท้องทะเลอีกด้วย
บริเวณศาลเจ้า สถานที่ไหว้ขอพรจากเทพเจ้าแห่งน้ำ
ไม่ว่าจะไปศาลเจ้า หรือวัดไหนที่ประเทศญี่ปุ่นก็ต้องมีบริเวณชำระล้างก่อนทำการไหว้เทพเจ้าค่ะ
บริเวณวัดเราจะพบกับม้าสีดำและสีขาว ซึ่งม้าทั้งสองตัวนี้มีความสำคัญเชื่อมโยงกับเทพเจ้าแห่งน้ำ Takaokami ค่ะ กล่าวคือม้าสีดำจะใช้ขอฝนในปีที่ฝนแล้ง ส่วนม้าสีขาวนั้นจะใช้ในการไล่ฝนในปีที่มีฝนตกมากเกินไปค่ะ ม้าทั้งสองตัวจึงถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการบูชาเทพเจ้าแห่งน้ำก็ว่าได้ค่ะ
และเนื่องด้วยการที่เป็นศาลเจ้าแห่งเทพเจ้าแห่งน้ำจึงเป็นที่มาของใบเซียมซีแบบพิเศษที่เรียกว่าโอมิคุจิ (omikuji) ซึ่งเราจะต้องนำใบเซียมซีที่มีหน้าตาเป็นกระดาษปล่าวๆ ไปจุ่มในน้ำหลังจากนั้นตัวหนังสือก็ปรากฏขึ้นมาให้เราได้อ่านคำทำนายกันค่ะ สำหรับชาวต่างชาติไม่ต้องกลัวในเรื่องของการแปลภาษาการอ่านคำทำนายค่ะ เพราะที่นี่เค้ามีการทำ QR Code ไว้ให้ชาวต่างชาติที่ไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นอย่างเรา สามารถอ่านคำทำนายได้ค่ะ
วิธีการอ่านคำทำนาย
- นำใบเซียมซีวางลงบนน้ำ เมื่อตัวหนังสือปรากฏจะมี QR Code ปรากฏเช่นกัน
- QR Code ที่ได้ในมือถือของเรา
- เลือกภาษาที่เราต้องการ ก็จะปรากฏลิงค์คำนายขึ้นมาค่ะ
- อ่านคำทำนายได้เลยค่ะ
สำหรับโอมิคุจิของญี่ปุ่นนั้น เมื่ออ่านเสร็จแล้วไม่ว่าคำทำนายนั้นจะดีหรือไม่ เราจะต้องนำกระดาษคำทำนายนี้ไปผูกไว้ในบริเวณที่ทางศาลเจ้าเตรียมไว้ให้ค่ะ ไม่ต้องนำกลับมาบ้านนะคะ
เส้นทางบริเวณศาลเจ้าที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันสวยงาม
น้ำตกจะมีให้เห็นในทุกอนูของเมืองก็ว่าได้ค่ะ
น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลากันเลยทีเดียวค่ะ
เมื่อดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบๆศาลเจ้าคิฟุเนะกันเสร็จแล้ว เราก็เดินเท้าไปอีกไม่กี่ร้อยเมตรก็จะเจอกับศาลเจ้าเล็กๆที่มีชื่อว่า ศาลเจ้ายูอิโนะ ยาชิโระ (Yuino Yashiro Shrine) ศาลเจ้านี้มีประวัติความเป็นมาอันเลื่องชื่อในด้านของเรื่องความรัก ความสัมพันธ์ โดยมีการกล่าวว่า มีกวีหญิงชาวญี่ปุ่นในสมัยเฮอันนางหนึ่งมาไหว้ขอพรที่ศาลเจ้าแห่งนี้ด้วยความโกรธเคืองสามีของเธอที่เปลี่ยนไป แต่หลังจากที่เธอมาไหว้สักการะที่ศาลแห่งนี้ได้ไม่นาน สามีและเธอก็กลับได้มีชีวิตการแต่งงานที่มีความสุขขึ้น แบบ Happy Ending กันเลยทีเดียว ศาลเจ้าแห่งนี้จึงเป็นที่มาของความเลื่องชื่อในด้านการขอพรเรื่องความรักความสัมพันธ์ในหมู่ชาวญี่ปุ่นค่ะ นอกจากเรื่องความรักชาวญี่ปุ่นเองก็นิยมมาขอพรในเรื่องของงานและการสอบต่างๆอีกด้วยค่ะ
ภายในบริเวณศาลเจ้าเล็กๆแห่งนี้ค่ะ
ใบสีเขียวนี้จะเป็นใบสำหรับการเขียนขอพรในด้านความรัก หรือการงานและความสำเร็จค่ะ แต่อย่างที่บอกศาลเจ้าที่นี่เค้าขึ้นชื่อในเรื่องขอเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพราะฉะนั้น ใครอยากมีคู่ หรือ อยากให้ความรักของคุณยืนยาวและราบรื่นก็สามารถเขียนคำอธิษฐานลงไปในกระดาษสีเขียวนี้ได้เลยค่ะ ว่าแต่เทพเจ้าจะอ่านภาษาไทยออกไหมนะ
หลังจากที่เขียนคำอธิษฐานเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็พับกระดาษขอพรนี้แล้วนำไปผูกในบริเวณที่ทางศาลเจ้าจัดเตรียมไว้ให้เช่นกันค่ะ เดี๋ยวพรของเราก็จะถูกส่งต่อไปยังเทพเจ้า ส่วนเราก็ยิ้มรอได้เลยค่ะ
สำหรับการสถานที่แห่งนี้แนะนำให้ใช้เวลาในการดื่มด่ำรวมถึงการเดินทางประมาณครึ่งวัน หรือใครอาจจะใช้เวลาทั้งวันเลยก็ได้นะคะเพราะเมืองคิบูเนะยังมีสถานที่อื่นๆที่นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมได้อีกเยอะเลยค่ะ
การเดินทางจากเกียวโต
วิธีการเดินทางจากสถานีเกียวโต (Kyoto Station) ไปยังสถานีเดมาชิ-ยานากิ (Demachi-Yanagi Station) ที่รวดเร็วที่สุด คือการโดยสารรถไฟสาย JR นารา (JR Nara Line) ไปยังสถานีโทฟุคุจิ (Tofukuji Station) ใช้เวลา 2 นาที ค่าโดยสาร 140 เยน จากนั้นคุณสามารถเปลี่ยนไปขึ้นรถสายหลักเคฮัน (Keihan Main Line) เพื่อไปยังสถานีเดมาชิ-ยานากิ ใช้เวลา 10 นาที ค่าโดยสาร 270 เยน
หลังจากนี้ให้คุณเดินทางบนเส้นทางไอเซ็น คุรามะ (Eizan Kurama Line) จากสถานีเดมาชิ-ยานากิ (Demachi-Yanagi Station) ไปยังสถานีคิบูเนะ-กูชิ (Kibune-guchi Station) มีค่าใช้จ่าย 420 เยน
จากสถานีคิบูเนะ-กูชิ จะต้องนั่งรถประจำทางต่อไปอีก โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 นาที ค่าโดยสารเที่ยวละ 160 เยน โดยเวลารถออกจะสอดคล้องกับเวลาเดินรถไฟ หรือคุณสามารถเลือกวิธีการเดินเท้าตามถนนเพื่อไปยังศาลเจ้าคิบูเนะ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที
รายละเอียดทั่วไป:
ศาลเจ้าคิฟุเนะ จินจะ (Kifune Jinja Shrine)
ที่ตั้ง: 180 Kurama Kibune-cho, Sakyo-ku, Kyoto-shi, Kyoto
เวลาทำการ:
・1 พ.ค. – 30 พ.ย. เปิด 6:00 – 20:00 น.
・1 ธ.ค.- 30 เม.ย. เปิด 6:00 – 18:00 น. (※1 – 3 ม.ค. ปิด 20:00 น.)
・สำนักงานวัดและบริเวณขายเครื่องราง เปิด 9:00 – 16:30 น.
วันหยุด: ไม่มีวันหยุด
ค่าใช้จ่าย: เข้าชมฟรี
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น): http://kifunejinja.jp/
Comment here
You must be logged in to post a comment.