อย่างที่ทราบกันดี ไม่ว่าจะเป็นออนเซ็นหรือว่าโรงอาบนํ้าสาธารณะ จะมีเหล่าผู้ที่ถูกกีดกันไม่ให้เข้าไปใช้บริการนั่นก็คือผู้ที่มีรอยสักนั่นเอง เพราะที่ญี่ปุ่นเชื่อว่าคนที่มีรอยสักนั้นจะเป็นพวกยากุซ่าซึ่งผู้คนส่วนใหญ่รังเกียจ และอาจส่งผลให้ลูกค้าไม่กล้าที่จะเข้าไปใช้บริการ (ชาวญี่ปุ่นรังเกียจยากุซ่ามากๆ ) ซึ่งอันนี้ก็น่าจะเรียกว่าเป็นโชคไม่ดีของผู้ที่มีรอยสักในร่างกาย แต่ว่าทัศนะคติของผู้คนในสมัยนี้ก็มีแนวโน้มที่เปลี่ยนไปหรือเปล่า วันนี้ก็เลยมีผลสำรวจมาให้ชมกัน



ผลสำรวจนี้ทำการสำรวจจากหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นอายุตั้งแต่ 20 - 30 ปี จำนวน 200 คน (แบ่งออกเป็นชาย 100 คน หญิง 100 คน) เกี่ยวกับทัศนคติในเรื่องของการห้ามผู้ที่มีรอยสักในการเข้าใช้บริการออนเซ็นและโรงอาบนํ้าสาธารณะ ซึ่งผลก็ออกมาดังต่อไปนี้

39.5 กล่าวว่าถ้ามีการผ่อนปรนข้อห้ามนี้บ้างก็ดี
60.5 กล่าวว่าไม่ควรผ่อนปรนข้อห้าม

ถึงแม้ว่าผู้ที่ไม่ซีเรียสเรื่องรอยสักจะมีอัตราส่วนที่ค่อนข้างเยอะเกือบจะครึ่งต่อครึ่งและมีแนวโน้มที่เริ่มจะยอมรับกันได้แล้ว แต่ทว่าเสียงส่วนใหญ่ก็ยังคงไม่ยอมรับในการที่จะผ่อนปรนให้ผู้ที่มีรอยสักเข้ามาใช้บริการร่วมกันอยู่ดี ซึ่งตัวเลขนี้ก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าชาวญี่ปุ่นรังเกียจยากุซ่าขนาดไหน ก็เข้าใจแหละว่ามันเป็นความฝังใจจริงๆ ดังนั้นใครที่มีรอยสักแต่อยากไปออนเซ็นที่ญี่ปุ่นก็มักจะอดเข้าไปใช้บริการ ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นคนไม่ดีเลย (แต่บางคนที่รอยสักเล็ก เขาก็ไม่ซีเรียสอะไรนะ หรือบางคนโชคดีก็รอด แต่ถ้ามาแบบจัดเต็มหลังอันนั้นไม่ต้องลุ้นเลย อดแน่นอน)



แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่นก็ได้มีการริเริ่มแนวคิดที่จะผลักดันให้ผู้ให้บริการออนเซ็นและโรงอาบนํ้าผ่อนปรนเรื่องการให้ผู้ที่มีรอยสักมาใช้บริการโดยเริ่มทำการสำรวจจากผู้ให้บริการหลายๆ แห่ง เนื่องจากในปี 2020 ประเทศญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิก ซึ่งในจุดนี้จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาในญี่ปุ่นได้มากเลยทีเดียว และชาวต่างชาติเป็นจำนวนมากก็อยากมาสัมผัสกับออนเซ็นและโรงอาบนํ้าในประเทศญี่ปุ่น แต่ว่าก็มีหลายคนที่มีรอยสักตามร่างกาย งานก็ต้องมาติดตามกันต่อไปว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงกันหรือไม่

 

ข้อมูลและภาพจาก

http://news.nicovideo.jp/watch/nw1789085

http://matome.naver.jp/

http://www.japan-talk.com/