“ เขียนเอมะยังไงดี ? “
“ เอมะเนี่ย เอากลับบ้านได้ไหมนะ ? “
รู้หรือไม่ เรื่องแบบนี้ก็มีคนญี่ปุ่นบางคนที่ยังไม่รู้กัน ? วันนี้พวกเรา JGB จะมานำเสนอเรื่องป้ายขอพรของญี่ปุ่นหรืออีกชื่อหนึ่งที่คนไทยไม่ค่อยจะคุ้นหูกัน “เอมะ” 絵馬(Ema) ทั้งประวัติและวิธีการเขียนเลยจ้าาา
เอมะ ป้ายขอพรไว้แขวนแถวศาลเจ้า คนที่พออ่านญี่ปุ่นได้ก็คงมีขมวดคิ้วงงกันนิดหน่อยว่าทำไมต้องเป็น 絵馬 รูปภาพม้า 絵(え) รูปภาพ ผสมกับคำว่า 馬(uma) ม้า ?? … เรื่องนี้มีคำตอบจ้า !
ในอดีตกาลนั้นมีการบริจาคม้าตัวเป็นๆ แก่ศาลเจ้าจริงๆ จ้า เพราะโบราณเขาเชื่อกันว่าเทพเจ้าได้ปรากฏตัวและขี่ม้าออกมาด้วย ในพิธีกรรมชินโตจึงนำม้าที่มีชีวิต (ม้าเทพเจ้า) มาถวายเพื่อเป็นพาหนะของเทพเจ้า
จะว่าไป คนสมัยนั้นเขาก็ไม่ได้มีฐานะถึงขนาดจะซื้อม้าถวายศาลเจ้าได้ตลอดอะเน้อ เลยหันมาใช้ไม้กระดานรูปม้ากับรูปปั้นม้ากันแทนจนมาถึงทุกวันนี้นี่แหละจ้า เมื่อเวลาเปลี่ยนวัฒนธรรมก็มีเปลี่ยนไปตามกาลเวลา~ ปัจจุบันนี้ทุกคนก็ขอพรได้ง่ายๆ เพราะกระดานก็ราคาถูกแสนจะถูก ? คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักมาขอพรให้ประสบความสำเร็จด้านการค้า เรื่องครอบครัว คล้ายคนไทยเราตอนไปไหว้พระไหว้เจ้านี่แหละจ้า
และเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา “เอมะ” ได้มีการออกแบบ…ภาพที่ไม่เกี่ยวกับม้าแล้ว 55555 แถมได้รับความนิยมล้นหลามในฐานะเครื่องรางเลยล่ะ !
เวลาที่เราจะเขียนคำอธิษฐานให้เราเขียนในด้านที่ไม่ได้ทาสีไว้ ขอแนะนำว่าให้เขียนด้วยปากกาน้ำมันนะ ! เวลาฝนตกพรของเราจะได้ไม่หายไปกับสายฝน ~ หลายครั้งทางวัดก็จะมีให้เลย แต่ถ้าใครกลัวปากกาที่วัดจะหมดล่ะก็ อย่าลืมซื้อติดตัวไปด้วยน้า
ซึ่งในปัจจุบันเราอาจจะเขียนแค่ชื่อย่อก็ได้ เพราะเมื่อก่อนเขียนทั้งชื่อจริงทั้งที่อยู่จนมีปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวกันพักใหญ่เลย ท่านเทพก็ไม่น่าจะมีปัญหานะถ้าเขียนแค่ชื่อย่อ 555555
โดยป้ายนี้เดี๋ยวนี้จะเห็นกันหลายภาษาเลย ทั้งญี่ปุ่น อังกฤษ ไทย ฯลฯ เพราะมีนักท่องเที่ยวมาเขียนกันเยอะมากๆ ในแต่ละวันสำหรับในช่วงที่ยังไม่ติดโควิด
เอมะวาดรูปลงไปได้ไหม ? ข้อสงสัยของแฟนอนิเมะในไทย
ขอตอบเลยว่า วาดได้จ้า …แขวนแล้วเอากลับบ้านไม่ได้น้า 5555 แต่ถ้าถือป้ายกลับบ้านไปวาด แล้วหยิบมาแขวนใหม่ในอีกวันอันนี้โอเคจ้า
เอมะมีเป็นสินค้าจากออฟฟิเชียลของอนิเมะเรื่องนั้นๆ ก็มีหลายเรื่องที่ขายเลย รวมถึงเกมด้วย ~
“ เอมะเนี่ย เอากลับบ้านได้ไหมนะ ? “
รู้หรือไม่ เรื่องแบบนี้ก็มีคนญี่ปุ่นบางคนที่ยังไม่รู้กัน ? วันนี้พวกเรา JGB จะมานำเสนอเรื่องป้ายขอพรของญี่ปุ่นหรืออีกชื่อหนึ่งที่คนไทยไม่ค่อยจะคุ้นหูกัน “เอมะ” 絵馬(Ema) ทั้งประวัติและวิธีการเขียนเลยจ้าาา
เอมะ ป้ายขอพรไว้แขวนแถวศาลเจ้า คนที่พออ่านญี่ปุ่นได้ก็คงมีขมวดคิ้วงงกันนิดหน่อยว่าทำไมต้องเป็น 絵馬 รูปภาพม้า 絵(え) รูปภาพ ผสมกับคำว่า 馬(uma) ม้า ?? … เรื่องนี้มีคำตอบจ้า !
ในอดีตกาลนั้นมีการบริจาคม้าตัวเป็นๆ แก่ศาลเจ้าจริงๆ จ้า เพราะโบราณเขาเชื่อกันว่าเทพเจ้าได้ปรากฏตัวและขี่ม้าออกมาด้วย ในพิธีกรรมชินโตจึงนำม้าที่มีชีวิต (ม้าเทพเจ้า) มาถวายเพื่อเป็นพาหนะของเทพเจ้า
จะว่าไป คนสมัยนั้นเขาก็ไม่ได้มีฐานะถึงขนาดจะซื้อม้าถวายศาลเจ้าได้ตลอดอะเน้อ เลยหันมาใช้ไม้กระดานรูปม้ากับรูปปั้นม้ากันแทนจนมาถึงทุกวันนี้นี่แหละจ้า เมื่อเวลาเปลี่ยนวัฒนธรรมก็มีเปลี่ยนไปตามกาลเวลา~ ปัจจุบันนี้ทุกคนก็ขอพรได้ง่ายๆ เพราะกระดานก็ราคาถูกแสนจะถูก ? คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักมาขอพรให้ประสบความสำเร็จด้านการค้า เรื่องครอบครัว คล้ายคนไทยเราตอนไปไหว้พระไหว้เจ้านี่แหละจ้า
และเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา “เอมะ” ได้มีการออกแบบ…ภาพที่ไม่เกี่ยวกับม้าแล้ว 55555 แถมได้รับความนิยมล้นหลามในฐานะเครื่องรางเลยล่ะ !
วิธีการเขียนเอมะ
เวลาที่เราจะเขียนคำอธิษฐานให้เราเขียนในด้านที่ไม่ได้ทาสีไว้ ขอแนะนำว่าให้เขียนด้วยปากกาน้ำมันนะ ! เวลาฝนตกพรของเราจะได้ไม่หายไปกับสายฝน ~ หลายครั้งทางวัดก็จะมีให้เลย แต่ถ้าใครกลัวปากกาที่วัดจะหมดล่ะก็ อย่าลืมซื้อติดตัวไปด้วยน้า
ซึ่งในปัจจุบันเราอาจจะเขียนแค่ชื่อย่อก็ได้ เพราะเมื่อก่อนเขียนทั้งชื่อจริงทั้งที่อยู่จนมีปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวกันพักใหญ่เลย ท่านเทพก็ไม่น่าจะมีปัญหานะถ้าเขียนแค่ชื่อย่อ 555555
โดยป้ายนี้เดี๋ยวนี้จะเห็นกันหลายภาษาเลย ทั้งญี่ปุ่น อังกฤษ ไทย ฯลฯ เพราะมีนักท่องเที่ยวมาเขียนกันเยอะมากๆ ในแต่ละวันสำหรับในช่วงที่ยังไม่ติดโควิด
เอมะวาดรูปลงไปได้ไหม ? ข้อสงสัยของแฟนอนิเมะในไทย
ขอตอบเลยว่า วาดได้จ้า …แขวนแล้วเอากลับบ้านไม่ได้น้า 5555 แต่ถ้าถือป้ายกลับบ้านไปวาด แล้วหยิบมาแขวนใหม่ในอีกวันอันนี้โอเคจ้า
เอมะมีเป็นสินค้าจากออฟฟิเชียลของอนิเมะเรื่องนั้นๆ ก็มีหลายเรื่องที่ขายเลย รวมถึงเกมด้วย ~
ส่วนอันนี้เป็นแฟนอาร์ตที่เจ้าของป้ายวาดเองแล้วนำมาแขวนจ้า น่ารักมากๆ เลย
ขอบคุณที่มา pacalla , hotokami , unsplash
