เที่ยวโตเกียวคนเดียว 3 วัน 2 คืน กับเงิน 30,000 เยน

เมืองโตเกียวสำหรับคนไทยคงเป็นเมืองแรกๆที่เราคิดจะมาท่องเที่ยวกันใช่มั้ยล่ะคะ ไม่ว่าจะกับเพื่อน ครอบครัว หรือแม้แต่มาคนเดียว แต่สำหรับใครที่บังเอิญมีธุระงานต้องมาติดต่อที่นี่คงจะกังวลนิดหน่อยใช่มั้ยล่ะคะ ว่ามันจะเป็นยังไงขอบอกเลยว่าถ้าเราไม่ได้ไปแหล่งท่องเที่ยวล่ะก็ โตเกียวอาจเป็นเมืองที่คุณไม่เคยรู้จักเลยก็ได้นะคะ


เอาล่ะ...พูดถึงเรื่องการเตรียมตัวก่อน ครั้งนี้เรามาโตเกียวทั้งหมด 3 วัน 2 คืน เรามาถึงตอนเย็นของวันศุกร์แล้วก็กลับเที่ยงวันอาทิตย์ เอาเงินไปทั้งหมด 30,000 เยน จ้า



สำหรับการเดินทางมาเรานั่งเครื่องบินมาลงที่ สนามบินนาริตะ แล้วนั่งรถไฟ skyliner Ueno มาลงที่สถานี Keisei Ueno ราคาประมาณ 2,300 เยน ใช้เวลาประมาณ 40 นาที รถไฟเป็นแบบจองที่นั่งทั้งหมดเพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าคนจะอัดกันจนไม่ได้ขึ้นแน่นอน



พอมาถึงก็ได้เวลาอาหารเย็นกันแล้ว มาถึง Ueno ทั้งทีก็คงไม่พลาดร้านซูชิหน้าล้นอ่ะนะ เพราะเดินข้ามถนนจากสถานีแล้วก็เดินต่อไม่ถึง 5 นาทีก็เจอร้านแล้ว แต่รอคิวอีกกี่นาทีนี่ไม่แน่ใจนะคะ อาจจะ 20 นาทีก็ได้



อยากจะขอโทษทุกคนจริงๆที่ซูชิหน้า chu toro หน้าล้นที่เราเคยเห็นกันไม่ใช่แนวที่เราชอบกินเลยอ่า เพราะฉะนั้นทุกคนเลยจะเห็นแค่ salmon, unagi แบบธรรมดาๆ อ่ะนะ แต่เรื่องรสชาตินี่ขอบอกเลยว่าอร่อยมาก เรากินไป 4 จาน ราคาประมาณ 1,500 เยน น่าจะแพงคุณปลาไหลนี่แหละ



มาถึงที่พัก เรานอนที่ Centurion Ladies Hostel Ueno เราเลือกแบบถูกที่สุดเลยจ้า สองคืน 9,000 เยน คือ นอนสไตล์แบบแคปซูล และมีล็อกเกอร์ให้เก็บกระเป๋าแยก เอาจริงๆเราประทับใจที่นี่มากเลยนะ ที่พักสะอาด ห้องน้ำใช้รวมกันแต่มีห้องอาบน้ำแยกเป็นห้องๆ  และที่สำคัญคือทุกคนอยู่กันแบบเงียบมาก แทบไม่มีใครส่งเสียงรบกวนใครเลย รักษามารยาทกันดีสุดๆ


ในเรื่องของการเดินทางเราใช้บัตร IC Card หรือบัตรเดิมเงินที่สามารถใช้ได้กับทุกที่ ไม่ว่าจะเป็น JR, subway, bus หรือจ่ายค่าอาหารในบางร้านก็ได้นะ แต่อันนี้เราเติมเงินไว้ 1,000¥ เพื่อการเดินทางอย่างเดียว สะดวกมากๆเลยเพราะเวลาเราขึ้นรถไฟ เราจะเสียเวลาให้กับการกดตั๋วให้ถูกและเข้าสถานีให้ถูกใช้มั้ยล่ะ ถ้าเราใช้บัตรนี้ก็แตะได้เหมือนคนญี่ปุ่นที่นู่นเลย


ภารกิจของเราวันนี้ อยู่ที่มหาวิทยาลัย waseda วิทยาเขต waseda เราเลยไปศาลเจ้าใกล้ๆมหาวิทยาลัยซักหน่อย บอกเลยว่าเมื่อมาถึงย่านนี้แล้วขอให้ลืมความเป็นโตเกียวเมืองใหญ่ไปเลยนะ เพราะมันคือย่านมหาวิทยาลัยที่เงียบสงบร่มรื่นมากๆ ไร้ซึ่งความวุ่นวายของโตเกียวที่เราเคยเห็น ถือเป็นอีกมุมของโตเกียวที่เราไม่ค่อยคุ้นนัก



อันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยวาเซดะนี้เลยนะ บรรยากาศในมหาวิทยาลัยร่มรื่นมาก  มีทั้งความคลาสสิคของตึกเรียนและร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่




เราเสร็จธุระประมาณบ่ายสองโมง เลยตัดสินใจนั่งรถไฟไป Harajuku ต่อ คนเยอะมากในระดับที่แทบจะไหลไปกับฝูงชน นอกจากร้านขายเสื้อผ้าของใช้น่ารักๆแล้ว สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างนึงคือ แฟชั่นการแต่งตัวของคนที่นั่น ไม่เฉพาะคนญี่ปุ่นนะ มันเหมือนเป็นที่ๆคนต่างชาติที่ชื่นชอบในแฟชั่นแบบนี้ได้แสดงออกมาด้วย แต่หากใครไม่ได้ชื่นชอบสไตล์นี้อาจใช้เวลาอยู่ที่นั่นไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ได้ค่ะ



การมาโตเกียวครั้งนี้ของเราไม่ได้ทีเป้าหมายจะซื้อของหรือช้อปปิ้งอะไรเลย แต่ละที่คือไปเดินเล่น เอาบรรยากาศ หาอะไรทาน อาจจะฟังดูแปลกๆแต่มันก็ชิลไปอีกแบบนะ ฟังแล้วอาจจะตกใจ แต่หลังจากนั้นเราไป Shinjuku,  Ikebukuro และ Shibuya ต่อด้วย







อันนี้เช้าวันกลับจ้า ระหว่างรอขึ้นรถไฟเราไปเดินเล่นที่ Ueno รอ ด้วยความที่ไม่อยากไปไกลจากสถานีมากเลยไปแค่ศาลเจ้ากับวัด




แถมนิดนึง ขนมเค้กชื่อดังในนาม Tokyo banana ออกขนมรุ่น limited fall and winter ชื่อ Mont blanc cake from Ginza ข้างในเป็นคัสตาร์ตรสคาราเมลกับเกาลัดแยกกันเป็นชั้น กลิ่นหอมใช้ได้เลย ใครเป็นสาวกขนมยี่ห้อนี้ หรือชื่นชอบเกาลัดกับคาราเมลอย่างเราล่ะก็ ห้ามพลาดเลยจ้า


สรุปทริปนี้ จริงๆถ้าไม่ซื้อขนมตอนจบคือเราใช้เงินไปประมาณ 22,000 เยน ไปเที่ยวแบบไม่ช้อบปิ้งมันก็สนุกไปอีกแบบนะเงินไม่เสียแต่ได้ประสบการณ์กับบรรยากาศเต็มเปี่ยมเลย