เนื้อม้า “Basashi” หรือ เนื้อซากุระเพราะเนื้อมีสีชมพูเหมือนดอกซากุระนั่นเองค่ะการกินเนื้อม้าเพิ่งเริ่มหลังจากการปฎิวัติในสมัยเมจิ ช่วงนั้นข้าวยากหมากแพง อาหารก็หายากเลยมาจบที่ม้าค่ะ (ซวยไป)
จังหวัดคุมาโมโต้เป็นเจ้าแรกที่เริ่มต้นการทานเนื้อม้าและยังเป็นแหล่งผลิตเนื้อม้าชั้นเลิศอีกด้วย
จังหวัดคุมาโมโต้กับจังหวัดนากาโน่เป็น 2 จังหวัดที่บริโภคเนื้อม้ามากที่สุดในญี่ปุ่นเลยล่ะค่ะ
จังหวัดคุมาโมโต้มีนักท่องเที่ยวมาช่วยกินเลยได้แชมป์ไปส่วนของนากาโน่บริโภคกันเองในครัวเรือนเลยได้ที่ 2
เนื้อม้าอุดมไปด้วยโปรตีน ธาตุเหล็ก โอเมก้า3 วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ มีไขมันน้อยกว่าเนื้อวัวและหมูแถมยังสุกกง่ายกว่าด้วยค่ะ
นอกจากจะทานแบบดิบๆเป็นซูชิ ซาชิมิแล้ว จะทานแบบปิ้งย่างหรือสเต็กก็ได้ไม่ว่ากันหรือถ้าวันไหนอากาศหนาวๆก็มีชาบูเนื้อม้าให้ทานค่ะ แก้หนาวได้ดีเนื้อม้าจะนุ่มกว่าเนื้อวัวและเนื้อหมู มีรสหวานเล็กน้อยชวนให้นึกถึงการรวมตัวกันของเนื้อวัวและเนื้อกวาง
วิธีการทานเนื้อม้าให้อร่อยล้ำก็ไม่มีวิธีการอะไรมากมายแค่จิ้มโชยุสักหน่อยก็อร่อยแล้ว
หลังซัดของคาวไปแล้วก็ต้องมีของหวานปิดทายล้างปากสักนิดนึงด้วยไอศกรีมรสเนื้อม้าค่ะ (เคยกินแล้วมันออกขมๆประหลาดๆ)
ม้ามีหลายสายพันธุ์ก็จริงแต่ก็ใช่ว่าจะนำมากินได้ทุกพันธุ์นะคะ พันธ์ที่เหมาะกนำมากินมากที่สุดมีอยู่ 3 สายพันธุ์ซึ่งเป็นม้าพันธุ์ใหญ่ทั้งหมด
Breton มีต้นกำเนิดมาจากฝรั่งเศส
Belgian draft horse มีต้นกำเนิดมาจากเบลเยียม
Percheron มีต้นกำเนิดมาจากฝรั่งเศส