ทริปนาโกย่า 5 วันแบบชิลๆ (ตอน 1 )

สวัสดีค่ะทุกคน ช่วงนี้ได้ข่าวว่าตั๋วเครื่องบินไปนาโกย่ากำลังลดราคา มีใครวางแผนจะไปเที่ยวกันบ้างมั้ยเอ่ย ช่วงคริสต์มาสที่ผ่านมาเราไปนาโกย่ามาค่ะ รวมทั้งหมดเกือบ 5 วันเต็มๆ วันแรกเครื่องบินลงประมาณสิบโมง และกลับรอบเกือบหกโมง


วันที่ 1 ช้อปปิ้งใน Sakae กินข้าวหน้าปลาไหลชื่อดัง และดูการแสดงไฟที่ Nabana no sato


วันแรกเราอยู่ที่ย่าน Sakae เป็นเหมือนศูนย์กลางการช้อปปิ้งแห่งหนึ่งของเมืองนาโกย่าเลยก็ว่าได้เพราะที่นี่รวมห้างสรรพสินค้าทั้ง Parco, Takashimaya และ shop แบรนด์ดังๆ ไว้เยอะมากในระยะที่สามารถเดินได้จากสถานีรถไฟ แต่ขอตรงไปที่ชั้น 10 ของ Parco ก่อนละกัน เพราะร้านข้าวหน้าปลาไหลของเราอยู่ที่นั่นจ้า


ร้านนี้ชื่อ Hitsumabushi คิวอาจจะยาวนิดหน่อย แต่ด้วยความที่ร้านกว้างมากทำให้ไม่ต้องรอนาน เราสั่งเป็นเซ็ตแนะนำของเค้า จานใหญ่มาก ถือว่าคุ้มอยู่นะ เค้าให้เครื่องเคียงมาหลายแบบให้เราเลือกกิน เราจะเลือกกินเปล่าๆ กินกับสาหร่าย ต้นหอม วาซาบิ หรือเทน้ำซุปลงไปเป็นข้าวต้มก็ได้ แล้วแต่คนชอบเลย



ไม่ต้องสงสัยว่าหลังจากนั้นเสียเวลาให้กับอะไรจนค่ำมืดในห้างเหล่านี้นะ ตอนค่ำเราเดินทางต่อรถไฟไปยังสถานีนาโกย่า เพื่อต่อรถบัส Meitetsu ไปที่สถานที่จัดงานเลย การต่อหลายต่ออาจจะฟังดูยุ่งยาก แต่ด้วยความที่คนไปเยอะมากจริงๆ สังเกตแถวไหนมีคนเยอะผิดปกติก็คือที่เราต้องต่อนั่นแหละค่ะ ใช้เวลานั่งรถประมาณ 40 นาที สถานีที่จัดงานคือถือว่าใหญ่นะ เข้าไปแล้วก็ไม่ได้เบียดเสียดอะไร แต่ตอนซื้อบัตรนี่แหละค่ะที่เบียดกันจนแทบไม่มีอากาศหายใจเลย ข้างในงานคงไม่ต้องพูดอะไรมาก แนะนำว่าก่อนมาอย่าดูรูปที่เค้ารีวิวกันมาเยอะนะคะ เพราะความตื่นตาตื่นใจจะหายไปในทันทีเมื่อคุณรู้ว่าตัวเองจะมาดูสิ่งที่สวยแค่ไหน ถ่ายรูปออกมาแล้วเป็นยังไง 



วันที่ 2 Port of Nagoya


วันที่สองเราออกมาจุดที่เป็นท่าเรือนะคะ นั่งรถไฟมาลงที่ Nagoyako คนส่วนใหญ่ที่มาลงสถานีนี้จะมุ่งหน้าไปยังอควาเรียมแต่เราเลือกที่จะเดินตรงไปค่ะ มีเรือขนาดใหญ่เขียนชื่อว่า Fuji ทอดสมออยู่ กดซื้อบัตรเข้าชมจากตู้อัตโนมัติด้านหน้านะคะ อันนี้เราเลือกแบบเข้าชมได้ 3 ที่ คือในเรือ นิทรรศการ และจุดชมวิวด้านบน เนื่องจากเราแหวกแนวคนอื่นเดินมาชมที่นี่ก่อน เรือนี้เลยมีเราเดินชมคนเดียวเลย แอบหลอนนิดๆนะ เพราะในเรือคือมีแต่หุ่นจำลองแสดงวิถีชีวิตของลูกเรือ บอกก่อนว่าเรือ Fuji นี่ไม่ใช่เรือรบหรือเรือสินค้านะ มันคือเรือขุดเจาะน้ำแข็งที่ใช้งานในช่วงการสำรวจขั้วโลกใต้ที่ญี่ปุ่นร่วมอยู่ในทีมด้วย นอกจากนิทรรศการจะพูดถึงประวัติเรือ การใช้ชีวิตและทำงานบนเรือ ยังมีการพูดถึงขั้วโลกใต้และสัตว์ที่อาศัยอยู่ที่นั่นอีกด้วยนะ





ใต้ท้องเรือมีครบทุกอย่างเลย ทั้งร้านทำผม ห้องผ่าตัด คลินิกทำฟัน ห้องทำงาน ห้องพักของลูกเรือ



มีตัวอย่างความแตกต่างของน้ำแข็งจากขั้วโลกใต้กับของญี่ปุ่นด้วย




เราสามารถขึ้นห้องกัปตันได้ด้วยนะ สำหรับเรือนี้เราให้คะแนนภาษาอังกฤษอยู่ที่ 80% นะ ข้อมูลเกือบครบเลย


อีกส่วนของการจัดแสดงอยู่บนตึกที่เห็นข้างหลังนั้นค่ะ นิทรรศการอยู่ชั้นสาม จุดชมวิวอยู่ชั้นเจ็ด แต่คือระยะห่างจะหกไปเจ็ดนี่สูงใช้ได้ ลิฟต์แก้วอีกต่างห่างนะ



พอขึ้นมาชั้น 3 ก็จะเปลี่ยนไปเรื่องอุตสาหกรรม การขนส่งทางทะเลของนาโกย่าโดยเฉพาะจากท่าเรือที่เราอยู่ตรงนี้



คะแนนภาษาอังกฤษของที่นี่ประมาณ 65% บางอันคำอธิบายหายไปเลยจ้า อีกอย่างหนี่งที่น่าสนใจคือที่นี่มีเกมให้เราลองบังคับเรือหรือเครนยกของด้วยนะ อุปสรรคอย่างลม ฝน พายุ แบบของจริงก็มาด้วย


ชั้นบนสุดก็จะสูงประมาณนี้ สามารถมองเห็นท่าเรือ อควาเรียมและสวนสนุกข้างๆ ด้วย



เราอยากจะบอกทุกคนว่าอควาเรียมก็คืออควาเรียมแหละค่ะ จะต่างกันตรงสัตว์บางชนิดเยอะหรือน้อยก็เท่านั้นเอง แต่ท่าทางจุดขายของที่นี่จะเป็นนกเพนกวินจากขั้วโลกใต้ จุดเชื่อมต่อเล็กๆ กับเรือขุดเจาะน้ำแข็งลำข้างๆ นั่นแหละ ไม่ใช่ทุกที่จะมีนะคะอันนี้



วันที่ 3 พิพิธภัณฑ์รถไฟ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์


ฟังแล้วอาจจะดูแปลกๆ ว่าทำไมสองอันนี้ถึงต้องไปวันเดียวกันทั้งๆ ที่ดูจะมีสาระมากเกินไปและไม่ได้อยู่ใกล้กันเลย เราต้องนั่งรถไฟไปไกลมากกว่าจะถึง จริงๆมันอยู่แถวๆท่าเรือนั่นแหละค่ะ แต่สายรถไฟที่วิ่งมาที่นี่ไม่ได้เชื่อมกับฝั่งอควาเรียมเมื่อวานขนาดนั้นเราเลยไปต่อไม่ทัน เมื่อวานเราก็ได้รับความรู้เกี่ยวกับเรือเดินสมุทรกับการค้าจากพิพิธภัณฑ์มาเยอะอ่ะนะ วันนี้ก็มาได้เห็นเรือบรรทุกรถกับตาเลย คือมันเยอะมากจริงๆ อ่ะที่เค้ากำลังจะนำขึ้นเรือ สมแล้วที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองอุตสาหกรรม



ที่น่าตกใจกว่าอาจจะเป็นซากเศษเหล็กที่เค้าทิ้งกองกันไว้เป็นภูเขา ดูเป็นภาพที่ไม่ได้คุ้นตาพวกเราเท่าไหร่เนอะ ยิ่งเวลานึกถึงญี่ปุ่นแล้ว



เราไม่ได้รู้เรื่องรถไฟมากหรอก แต่รู้ว่าที่นี่มีรถไฟจัดแสดงเยอะมาก มีจัดเกมจำลองให้ลองขับรถไฟ Shinkansen หรือลองนั่งรถไฟที่เร็วที่สุดของเค้าด้วย นอกจากนั้นยังมีมุมให้เราได้ลองพิมพ์ตั๋วรถไฟของเราเองด้วยนะ ถ้าใครที่ชอบรถไฟมากๆ ก็ห้ามพลาดเลยล่ะ



แต่สำหรับเรา สิ่งที่ชอบที่สุดคือโมเดลเมืองต่างๆ ของญี่ปุ่นที่มาในแบบพาโนรามา ไล่ตั้งแต่เมืองโอซาก้า เกียวโต นาโกย่า โตเกียว ในแบบที่เก็บแลนด์มาร์คครบทุกที่ ที่สำคัญคือรายละเอียดดีมาก แน่นอนว่าจุดสำคัญของเขาคือสายรถไฟที่เชื่อมต่อทุกๆ ที่เอาไว้ เก็บรายละเอียดทั้งรูปแบบรถไฟ ความเร็วในการวิ่ง และเวลาการเดินรถว่าคันไหนเริ่มเช้าหรือสายยังไง และยังมีกล่องกระจกข้างใต้ให้เราเห็นรถไฟใต้ดินด้วยนะ น่ารักมาก รถหรือเรือในโมเดลก็วิ่งได้นะ น่ารักเชียว



เท่านั้นยังไม่พอ การแสดงแต่ละรอบนี้รวมถึงเทศกาลต่างๆ ของแต่ละเมืองด้วย ทั้งงานดอกไม้ไฟในโอซาก้าหรือคอนเสิร์ตในนาโกย่า



หลังจากนั้นเราก็นั่งรถไฟกลับมาที่สถานีนาโกย่าและต่อรถใต้ดินไปที่สถานี Fushima เพื่อไปพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ช่วงที่เราไปนิทรรศการพิเศษของเค้าคือ Teamlab จ้า คนเยอะมาก มากเกินไปอ่ะ อาจเพราะราคาเข้าไม่แพงมั้งราคานักศึกษารวมสองอันแค่ 800¥ ข้างในมีการทดลองให้เล่นเยอะมาก มากกว่าทุกที่ที่เคยไปมา แต่ที่นี่ไม่ได้เน้นอะไรยากหรือซับซ้อนมากแต่เหมือนเน้นให้เด็กลงมือทำเอง แต่ปัญหาคืออะไรรู้มั้ยคะ คำอธิบายภาษาอังกฤษที่นี่มีเพียง 20% ค่ะ ต้องใช้ความรู้เก่ามากที่เดียวล่ะ



วันสุดท้าย ครึ่งวันที่ปราสาทนาโกย่า


วันนี้เริ่มต้นสถานีนาโกย่าเหมือนเดิม ลงสถานี Shiyakusho หรือ City hall บอกตามตรงว่าไม่มีอะไรจะพูดมากค่ะ เพราะช่วงนี้เค้าปิดซ่อมตัวปราสาท ทำให้ไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ เราชมการแสดงนินจาสักพักนึงแล้วก็กลับมาเดินเล่นที่สถานีนาโกย่า สุดท้ายก็นั่งรถไฟตรงไปสนามบินเลย



Flight of dream เราไม่ได้ตั้งใจจะมาที่นี่ในตอนแรกแต่เพราะเวลาเหลือก็เลยเดินไป เด็กๆ หรือคนที่ชื่นชอบในเครื่องบินจะต้องชอบแน่ๆ ที่นี่เหมือนเป็นโรงจอดเครื่องบิน Boeing 787 ลำใหญ่มากๆ เป็นการฆ่าเวลาที่สนามบินแบบไม่เลวเลย




หมดไปแล้วกับ 4 วันของเราที่นี่นะ ส่วนอีกหนึ่งวันที่เหลือเราจะพาไปเยือนเมืองเล็กๆ ที่ชื่อ Inuyama กัน อย่าลืมติดตามกันนะคะ