การเดินทางไปเมืองอินุยะมะ (Inuyama) จากนาโกย่า(Nagoya) >> เพียงนั่งรถไฟ Meitetsu-Limited Express มาจากสถานีนาโกย่า ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ชมวิวเพลินๆตลอดทางก็ถึงแล้วค่ะ สำหรับตัวเมืองอินุยะมะนี้ เงียบสงบและมีเสน่ห์ไม่เหมือนใครมากๆ และที่สำคัญ คือ นักท่องเที่ยวน้อยจนน่าแปลกใจ ทั้งๆที่เราไปในช่วงหยุดคริสต์มาส แต่เอาล่ะค่ะ เรามาเริ่มจากสถานที่แรกกันก่อนเลยนั่นคือ เมจิมูระ (Meijimura) ค่ะ
เราสามารถนั่งรถบัสจากสถานีมาถึงพิพิธภัณฑ์เมจิมูระ Meijimura 「明治村,Meijimura」ได้โดยตรงเลย นั่งสุดสายไปประมาณ 1 ชั่วโมง หรือแม้กระทั่งนั่งมาจากตัวเมืองนาโกย่าก็ได้ค่ะ ราคาโดยรวมไม่ต่างกันมากแต่ใช้เวลานานกว่ามากเลยค่ะ ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมถึงใช้เวลานาน เพราะเรากำลังนั่งรถขึ้นเขาค่ะ และด้วยความที่มันตั้งอยู่ในหุบเขาจึงไม่ยากเลยที่จะทำให้เรารู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในอีกโลกนึงจริงๆ
ง้านเรามาทำความรู้จักยุคเมจิ 「明治時代」กันดีกว่า มันถือเป็นยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรมและเข้าสู่ยุคใหม่ของญี่ปุ่น สถาปัตยกรรมส่วนใหญ่ของที่นี่จะได้รับอิทธิพลมาจากชาติตะวันตก สิ่งก่อสร้างที่นี่ส่วนใหญ่เป็นชิ้นส่วนของตึกเก่าๆในสมัยนั้นที่ถูกรื้อถอนและส่งมาจากหลายที่ทั่วประเทศ คนญี่ปุ่นบางคนก็มาถ่าย pre-wedding กันที่นี่นะ ยิ่งช่วงดอกซากุระบานนี่สวยมากๆเลย ส่วนการเดินทางข้างในหมู่บ้านนี้สามารถนั่งรถรางหรือรถไฟได้ แต่ต้องเสียเงินเพิ่มต่อรอบหรือจ่ายเหมาก็ได้แต่ก็ไม่ได้ไปถึงทุกที่หรอกนะ เราเลยเลือกเดินซึ่งอาจจะเหนื่อยนิดหน่อยเพราะต้องเดินขึ้นเขาหลายรอบเลย
ตึกแรกเป็นโรงเรียน ก็จะมีจำลองห้องเรียน ตำราเรียน วิถีชีวิตของนักเรียนในยุคนั้น เราเห็นลุงป้าชาวญี่ปุ่นสนใจกันมากเลยนะ เพราะหนังสือที่โชว์ก็คล้ายๆกับตำราเรียนเล่มแรกๆของประเทศแหละค่ะ
ภายในตึกและอีกหลายที่ในนี้จะมีเจ้าเครื่องนี้ตั้งอยู่ สิ่งที่เราต้องทำก็คือหยอดเหรียญไป 400 เยน และเลือกวัน เดือน ปี เกิดของเรา (ปีที่ใส่ต้องนับช่วงแบบญี่ปุ่นนะ เราเทียบเองในเน็ตได้) และก็กดปริ้น เราจะได้หนังสือพิมพ์ฉบับที่ออกในวันเกิดของเรา อันนี้เราอยากให้มีทำที่ไทยบ้างอ่ะ
แต่ถ้าใครชอบความญี่ปุ่นโบราณถึงขั้นบ้านไม้ชั้นเดียวแบบนี้ก็ คงจะใช้เวลาอยู่ที่โซนนี้นานหน่อย ทั้งจุดถ่ายรูป คาเฟ่ย้อนยุค นิทรรศการเล็กๆแทรกอยู่เกือบทุกหลังเลย
ถัดมาเป็นสถาบันทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ ต้องถอดรองเท้าเปลี่ยนก่อนเข้าไปนะ
ตึกนี้ก็สำหรับคนที่สนใจทางด้านการแพทย์อย่างแท้จริงแหละ เพราะมีอุปกรณ์เครื่องมือสมัยก่อน ห้องผ่าตัด หรือแม้กระทั่งหุ่นจำลองเล็กๆแต่แอบหลอนแบบนี้
พูดถึงอุตสาหกรรมก็ต้องมีวิวัฒนาการของเครื่องจักรกันซะหน่อย ทั้งเครื่องทอผ้า เครื่องพิมพ์หนังสือ สำหรับคำอธิบายของที่นี่ ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับญี่ปุ่นอย่างเดียวก็จะมีแต่ภาษาญี่ปุ่น แต่ถ้าเป็นเรื่องเครื่องจักรหรือศาสนาที่มีความเกี่ยวข้องกับต่างชาติถึงจะมีคำอธิบายภาษาอังกฤษคู่ให้
อันนี้เป็นโรงละคร บางช่วงมีการแสดงจริงๆด้วยนะ
แน่นอนว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่สถานที่สวยงามเพียงอย่างเดียว ที่นี่ไม่ได้เพียงแสดงให้เราเห็นถึงชีวิตของคนในคุกเท่านั้น คุณจะลองเข้าไปแล้วปิดประตู เกาะตารางห้องขังถ่ายรูปก็ย่อมได้
อาสนวิหารฟรังซิสซาเวียร์นี่เป็นอีกหนึ่งในแลนด์มาร์คของที่นี่เลย ข้างในมีกระจกสีของจริงที่ถูกถอดเก็บไว้ด้วย
ส่วนอันนี้มองข้างหน้าอาจจะดูไม่น่าสนใจ แต่นี่คือชิ้นส่วนจริงๆจากทางเข้าและล็อบบี้โรงแรมอิมพีเรียลเลยนะ
เรานั่งรถไฟกลับมาที่สถานี Inuyama เช่นเคย และเดินต่อไปยัง Inuyama castle เดินไกลประมาณนึงเลยแหละ และส่วนใหญ่ก็ขึ้นเนินด้วย
ที่นี่เป็นอีกจุดหนึ่งที่ต้องสวยมากๆถ้าดอกซากุระบาน แต่กิ่งไม้แห้งๆแบบนี้ก็สวยไปอีกแบบ
ปราสาทนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งในญี่ปุ่นที่ยังไม่ถูกสร้างใหม่ โครงสร้างและวัสดุข้างในพิสูจน์ได้ดี บันไดสูงมากถึงขั้นต้องปีนอ่ะ ชั้นบนสุดมีราวกั้นสูงไม่ถึงเอวด้วยซ้ำ
ไม่รู้ว่าเราจะแนะนำให้ทุกคนมาเวลานี้ดีรึเปล่า มันเป็นช่วงพระอาทิตย์กำลังตกพอดีซึ่งสวยมาก แต่ปราสาทมันกำลังจะปิด เราเลยอยู่ได้แป๊บเดียวเท่านั้น
สำหรับเราพระอาทิตย์ตกก็กลับแล้วล่ะค่ะ ร้านที่นี่ส่วนใหญ่ก็ปิดกันหมดแล้ว เพื่อนๆจะกลับไปช้อปปิ้งในเมืองนาโกย่าต่อก็ได้นะคะ แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าค่า