10 จุดเช็คอิน เที่ยวหน้าร้อน ในฮอกไกโด

เมื่อพูดถึงฮอกไกโด (Hokkaido) หลายคนจะชอบนึกถึงหิมะนุ่มๆ ขาวๆ  แต่ว่าที่จริงแล้วฮอกไกโดยังเป็นสวรรค์สำหรับคนเที่ยวในฤดูร้อนอีกด้วย  ในช่วงหน้าร้อน ราวๆ เดือนกรกฎาคมไปจนถึงกันยายน  อุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่ราวๆ 17-25 องศาเซลเซียล และความชื้นไม่เยอะเท่าทางเกาะฮอนชู  ซึ่งถึงว่าชิลมากๆ สำหรับคนไทย สามารถใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นเที่ยวได้สบายๆ

แล้วฤดูร้อนของฮอกไกโด เที่ยวอะไรได้บ้าง?

วันนี้เราจะพาไปชม 10 ที่เที่ยวน่าสนใจ เที่ยวได้แม้กระทั่งหน้าร้อนกันค่ะ

1. เมืองฮาโกดาเตะ (Hokodate) ประตูสู่เกาะฮอกไกโด 


เมืองที่อาหารทะเลสดและอร่อยมากกกกกก  เมืองนี้จะมีตึกและอาคารสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปอยู่ทั่วเมือง  เพราะเป็นเมืองแรกๆ ของญี่ปุ่นที่เปิดให้มีการค้าขายกับต่างประเทศภายหลังจากที่ฟื้นฟูประเทศแล้ว  เมืองนี้จึงมีวัฒนธรรมทางตะวันตกมาผสมผสานในเมืองก่อนเมืองอื่นๆ

ถ้ามีเวลา อยากแนะนำให้ลองมาเที่ยวที่นี่เต็มที่สัก 1-2 วัน มี one day pass ที่สามารถใช้ระบบขนส่งของเมืองนี้ได้ทั้งหมด เช่นรถเมล์ รถราง .... อ๊ะ อ๊ะ.. ที่นี่มีรถรางนะจ๊ะ !! ภาพนี้ถ่ายจาก "โกดังก่ออิฐแดงคาเนโมริ" (Kanemori Red Brick Warehouse) ริมทะเล ปัจจุบันกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองฮาโกดาเตะ


2. ทะเลสาบ Toya นอนเรียวกัง ชมดอกไม้ไฟ


ทะเลสาบที่สวยแม้กระทั่งหน้าร้อน ริมทะเลสาบแห่งนี้มีโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่น หรือที่เรียกว่า "เรียวกัง" อยู่มากมาย  อยากแนะนำให้มานอนสักคืน



มุมมองนี้ ถ่ายจากหน้าต่างห้องพักในเรียวกัง  มองออกไปเห็นภูเขาไฟ Yotei  (ที่ถูกขนานนามว่าภูเขาไฟฟูจิแห่งฮอกไกโด)  และมีเกาะ Nakajima  อยู่ใจกลางทะเลสาป  สวยสดงดงามมาก



ได้ชมวิวทะเลสาบชิวๆ ทานอาหารอร่อยๆ ในมื้อเย็น เสร็จแล้วไปแช่ออนเซ็น ตกกลางคืนชมดอกไม้ไฟที่จะถูกจุดขึ้นกลางทะเลสาบ อากาศยามค่ำ ไม่ร้อนมาก ไม่หนาวมาก ใส่ชุดยูกาตะมาเดินเล่นรับลมทะเลสาบชิวม๊ากกก


3. ขึ้นกระเช้าชมภูเขาไฟอุซุ (Usu-zan) 


ที่เที่ยวใกล้ๆ ทะเลสาบโทยะ  ที่นี่เราสามารถนั่ง Ropeway ขึ้นไปชมความงามของภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ อันมีชื่อว่า Usu-zan หรือ Mount Usu หากโชคดีฟ้าเปิด จะมองเห็นวิวทะเลสาบโทยะด้วยนะ



Usu-zan แห่งนี้เคยเกิดภูเขาไฟระเบอดมาหลายครั้งแล้ว  ในระหว่างที่กำลังรอขึ้นโรปเวย์นั้น  ก็จะมีภาพถ่ายการปะทุของภูเขาไฟในอดีตให้ได้ชมด้วยค่ะ  นอกจากนี้ภูเขาแห่งนี้ยังมีฟาร์มหมีสีน้ำตาลอีกด้วยค่ะ (แต่ไม่ได้ไปชม)



ดอกไฮเดรนเยีย ที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า "อะจิไซ" (Achisai)  พบมากในช่วงฤดูร้อนนี่แหละ  พบตามทางเดินที่ขึ้นไปยังจุดชมวิวยอดเขา (เหนื่อยมากกกก555)


4. ชมทุ่งลาเวนเดอร์ ที่ฟาร์มโทมิตะ (Tomita) เมืองฟูราโน่ (Furano) 


ที่ฟาร์มโทมิตะแห่งนี้มีทุ่งดอกไม้สวยงามและมีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งในเมืองฟูราโน่ (Furano)  ใครอยากชม ทุ่งดอกลาเวนเดอร์ ห้ามพลาดช่วงกลาง - ปลายเดือนกรกฎาคมค่ะ









มุมมหาชนทุ่งดอกไม้หลากสี หากใครมาไม่ทันลาเวนเดอร์ ก็สามารถชมดอกไม้ชนิดอื่นๆ ได้ค่ะ




5. เทศกาลสะดือ (Heso Matsuri) เทศกาลสุดแปลกที่หาได้ที่เดียวในญี่ปุ่น


เมืองฟูราโน่ นอกจากจะมีทุ่งดอกไม้สวยๆ แล้ว ยังมีงานเทศกาลช่วงฤดูร้อนคือ Heso Matsuri ที่จะมีชาวบ้านมาแท็กทีมตั้งขบวน เปิดพุง วาดหน้าตาใส่ลงที่พุง แล้วก็ถือหมวกใหญ่ๆ ส่วนสาวๆ จะแต่งชุดยูกาตะ ออกมาเดินเล่น ตอนชมขบวนจะมีเพลงญี่ปุ่นเก่าๆ แล้วทุกคนจะเต้นสเต็ปเดียวกัน (ฟีลเหมือนรำวง) น่ารักมากกกก





ก่อนที่จะมีรำวงโชว์สะดือ  จะมีการแห่ศาลเจ้ากันก่อนในช่วงบ่ายๆ  และมีร้านค้าแผงลอยออกมาตั้งอยู่ริมถนนหลายร้าน  ส่วนสาเหตุที่ตั้งชื่อว่าเทศกาลสะดือนั้น เนื่องจากอำเภอฟุระโนะนั้น  หากดูในแผนที่แล้ว เมืองนี้จะตั้งตรงกลางของจังหวัดฮอกไกโดอันกว้างใหญ่ เปรียบเหมือน "สะดือ" นั่นเอง  จัดเฉพาะในช่วงหน้าร้อน  ปีละ 2 วันเท่านั้นค่ะ ห้ามพลาดเลย




6. เดินชมตลาดปลานิโจ (Nijo Fish Market) ยามเช้า


เมื่อกลับมายังตัวเมืองซัปโปโร อีกสิ่งที่พลาดไม่ได้เลย คือการไปชมตลาดปลานิโจ  ลองกิน "อูนิ" ซาชิมิไข่หอยเม่นสดๆ  หอยปีกนก  ปู และยังมีอาหารทะเลสดๆ อีกมากมาย รอคุณอยู่ที่นี่




7. ตึกที่ทำการรัฐบาลซัปโปโรเก่า (Farmer Hokkaido Governing Office Building)


ตึกที่ทำการรัฐบาลซัปโปโรเก่า หรือที่คนไทยชอบเรียกว่า "ตึกแดง"  ถูกใช้เป็นที่ว่าการถึง 80 ปี  ก่อนจะย้ายไปใช้ตึกที่ทำการใหม่ที่ใช้กันในปัจจุบันนี้  ก่อสร้างด้วยอิฐสีแดงในสไตล์นีโอบาร็อคอเมริกัน ในปี 1888  ปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์สวยๆ ที่ทำให้เข้าใจประวัติศาสตร์ของฮอกไกโด  ด้านนอกในช่วงฤดูร้อนจะมีจัดสวนดอกไม้สวยงามมากค่ะ


8. เที่ยวชมหอนาฬิกา (Sapporo Clock Tower)


อีกหนึ่งสัญลักษณ์หนึ่งของเมืองซัปโปโร  สามารถเดินต่อมาจากตึกแดงได้  เพราะระยะทางไม่ไกลนัก  หอนาฬิกานี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1878  ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของวิทยาลัยเกษตรซัปโปโร  ตัวเรือนนาฬิกาซื้อมาจากกรุงบอสตัน  ปัจจุบันปรับปรุงจนกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้


9. ซัปโปโร ทีวี ทาวเวอร์ (Sapporo TV Tower) ชมวิวสวนโอโดริ


และก็เป็นอีกจุดเช็คอินห้ามพลาดเมื่อมาซัปโปโร ฮอกไกโด  ซัปโปโร ทีวี ทาวเวอร์ (Sapporo TV Tower)  ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของสวนสาธารณะโอโดริ (Odori Park) ใจกลางเมืองซัปโปโร  หอคอยแห่งนี้สูง 150 เมตร  นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปยังจุดชมวิวด้านบนได้  ซึ่งจุดชมวิวจะอยู่ที่ความสูง 90 เมตร  จากด้านบนนั้นสามารถมองลงมาเห็นความสวยงามของสวนสาธารณะโอโดริและเมืองโดยรอบแบบ 360 องศงเลยนะคะ  แนะนำให้มาช่วงพลบค่ำถึงกลางคืนเพราะจะได้ชมแสงไฟจากเมืองระยิบระยับสวยงาม


10.  คลองโอตารุ (Otaru Canal) ในหน้าร้อนก็สวยงามไม่แพ้หน้าหนาว


สถานที่สุดท้ายที่ห้ามพลาดเลยจริงๆ ก็คือการไปเที่ยวคลองโอโตรุ  (Otaru)  เมืองเล็กๆ ที่ไม่ไกลจากซัปโปโร  ในอดีตเคยเป็นท่าเรือขนส่งสินค้าที่สำคัญ  ตึกรางบ้านช่องในเมืองนี้ส่วนใหญ่จึงเป็นโกดังเก่า  ปัจจุบันได้นำมาดัดแปลงทำเป็นร้านค้า พิพิธภัณฑ์ ต่างๆ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว

เราหลงรักเมืองนี้มาก  เพราะตึกรางบ้านช่องมันน่ารัก  และไฮไลท์คือบริเวณสะพาน  ซึ่งจะเป็นมุมมหาชนสำหรับการถ่ายภาพ  ซึ่งวิวนี้สวยทุกฤดูจริงๆ  ถ้ามาหน้าหนาวจะเป็นกองหิมะทับถมฟูๆ สวยงาม  แต่ถ้ามาหน้าร้อน จะดูเขียวๆ สดชื่นๆ เมื่อถ่ายภาพยามเย็นเสร็จก็อย่าลืมเข้าร้านซูชิ ไปกินซูชิสดๆ โอ้ว สวรรค์เลย ^^



เป็นอย่างไรกันบ้างคะ  กับความสวยงามของธรรมชาติและเมืองของฮอกไกโดในหน้าร้อน  ขอบอกเลยว่าไปเที่ยวแล้วประทับใจไม่แพ้การไปเที่ยวในฤดูอื่นๆ เลย  ก็อยากแนะนำให้เพื่อนๆ ลองไปเที่ยวกันดูนะคะ

สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่บทความหน้าค่าาาา じゃあ また会いましょう~