1 Day เที่ยวคนเดียวที่ Kyoto พร้อมพาชมใบไม้เปลี่ยนสี

Posted by :

วันนี้มิวจะพาทุกคนไปเที่ยวเกียวโตกันนะคะ เกียวโตเป็นเมืองที่ค่อนข้างจะมีเสน่ห์มากๆ และก็เป็นเมืองที่มีความเป็นเอกลักษณ์ เกียวโตตั้งอยู่ในภูมิภาคคันไซ เกียวโตเป็นเมืองที่ค่อนเก่าจึงไม่แปลกที่จะมีวัดเก่าๆ มากมายและยังถือว่าเป็นมรดกของญี่ปุ่นด้วย

โอกาสดีในเดือนพฤศจิกายนกำลังเข้าสู่ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี เราเลยจะไปดูใบไม้เปลี่ยนสีในเกียวโตกัน ซึ่งมิวได้เลือกมา 3 สถานที่

วัดแรก Fushimi-Inari หรือ วัดเสาแดง ศาลเจ้าเทพอินารินั้นเป็นสถานที่สำคัญประจำเมืองเกียวโตที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาเพื่อดูประตูเสาแดงโทริอิรับหลายหมื่นต้นที่เป็นทางเดินทอดยาวไปทั่วทั้งภูเขาอินาริ นับจากตีนเขาไปถึงยอดเขาสูงถึง 233 เมตรและผู้คนเชื่อกันว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธ์ โดยมีเทพอินาริสถิตย์อยู่ ซึ่งเทพองค์นี้ก็เป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ การเก็บเกี่ยวข้าวและพืชผลไร้นาต่างๆ เทพอินารินั้นมีจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กาย บางตำนานก็ว่าร่างแปลงของท่านก็คือจิ้งจอก เพราะเราจะพบเห็นรูปปั้นจิ้งจอกมากมายที่ศาลเจ้าแห่งนี้ด้วย

เมื่อเดินเข้ามาด้านในจะเห็นรูปปั้นสุนัขจิ้งจอกอยู่ด้านข้างที่เป็นศาลเจ้า
ตรงด้านนี้เดินเข้าไปจะมีเชือกที่ผูกกับระฆังไว้ เราก็ไปขอพรแล้วโยกเชือกให้ระฆังดัง

เสาโทริอิที่มีความสูงถึง 223 เมตร สีแดงสะดุดตา
เขียนคำอธิษฐานไว้ด้านหลังสุนัขจิ้งจอกแล้วเอาไปแขวน
ตรงนี้คือที่ขอพรแล้วยกหินขึ้น (หินหนักมากจริงๆ)

จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีซึ่งเป็นทางออก ใบไม้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงบ้างนิดหน่อยสวยมากจริงๆ
ทาโกะยากิต้องกินที่ญี่ปุ่นถึงจะอร่อย 6 ลูก 500 เยน

?การเดินทาง จากสถานีเกียวโตใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที นั่ง JR nara line ตรงหมายเลข 8-10 โดยสาร 2 ป้าย ลงสถานี Inari Station

วัดที่สอง Kiyomizu Temple หรือเรียกกันว่า “วัดน้ำใส” เป็นวัดชื่อดังหนึ่งในสมบัติของชาติของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในฝั่งตะวันตกของเมืองเกียวโต (Kyoto) วัดแห่งนี้มีประวัติศาสตร์มากกว่า 1,200 ปี แต่อาคารที่เราเห็นในปัจจุบันนี้เป็นอาคารที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณ 380 กว่าปีก่อน จุดเด่นของวัดคิโยมิสึก็คืออาคารไม้หลังใหญ่และระเบียงที่สูง 13 เมตร มีตำนานในสมัยเอโดะ ในส่วนของชื่อวัดคำว่า Kiyomizu นั้นหมายถึง น้ำบริสุทธิ์ ภาษาไทยเรียกกันว่าวัดน้ำใส และนอกจากนี้ “น้ำใสบริสุทธิ์” ยังเป็นอีกหนึ่งความเชื่อในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ที่วัดคิโยมิสึแห่งนี้ ซึ่งก็คือน้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall) น้ำตก 3 สายที่ไหลลงสู่บ่อน้ำ ซึ่งมีความหมายคือ สุขภาพ ความรัก และการเรียน

เจดีย์สีแดงที่ 3 ชั้น ที่เห็นเด่นชัดแต่ไกล

ใบไม้ที่เปลี่ยนสีมองแล้วดูสบายตามาก แดงสลับเขียวกับอากาศที่เย็นนิดๆ รู้สึกสดชื่นจริงๆ
ตรงนี้ คือ จุดที่ขอพรและดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ 3 สาย ขั้นตอนการดื่มน้ำจะใช้กระบวยรองน้ำ เทน้ำใส่ฝ่ามือ แล้วดื่มน้ำจากมือคะ แล้วให้เราอธิษฐาน ในช่วงเวลาที่เราดื่มน้ำเข้าไป ซึ่งเราก็ขอให้เรื่องการงาน

ค่าเข้าชม 400 เยน

?การเดินทาง จากสถานีเกียวโต นั่งรถบัสสาย 206 หรือ 100 ปาะมาณ 30 นาที มาลงที่ป้าย Gojozaka หรือ Kiyomizu-mich เดินต่ออีกประมาณ 10 นาที (600 เมตร)

วัดสุดท้าย Kinkaku-ji Temple หรือ วัดทอง คนส่วนใหญ่เรียกว่าวัดทอง เพราะว่าอาคารหลักของวัดนี้มีสีทองเหลืองอร่ามตั้งเด่นเป็นสง่าท่ามกลางน้ำ เวลามองภาพสะท้อนสวยงามมาก เรียกได้ว่าดังขนาดกลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์หนึ่งของสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเกียวโตเลยแหละ แต่ถ้าใครได้ดูอิคิวซังต้องรู้จักวัดนี้เป็นอย่างดีแน่นอน

บรรยากาศในวัดค่อนข้างเงียบสงบมาก ใบไม้มีสีแดงประปรายแล้ว มิวมาถึงเวลาค่อนข้างจะเย็นแล้วเลยใช้เวลาไม่มากในการเดินชมวัด

ค่าเข้าชม 400 เยน 

?การเดินทาง ขึ้นรถบัสที่ป้าย Kiyomizu-michi สาย 206 แล้วไปลงที่ป้าย Rakuhoku koko-mae เพื่อเปลี่ยนไปต่อรถบัสสาย204, 205 ประมาณ 1 ชม.( ถ้าไม่หลง) แล้วไปลงที่ป้าย Kinkakuji-michi

มิวใช้เวลานานนิดหน่อยกับการหาวิธีการเดินทางเพื่อไปแต่ละสถานที่ เพราะอย่างวัดคินคะคุจิ ไม่มีรถไฟไปถึงจึงต้องต่อรถเมล์ แต่ก็ถือว่าสนุกไปอีกแบบ

ครั้งนี้มิวมาเกียวโตครั้งที่ 2 แล้ว แล้วมาในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีเพราะตอนที่มาครั้งแรกคือหน้าร้อน ร้อนไปหมดจนไม่อยากทำอะไรเลย แต่ครั้งนี้ถือว่าได้เปิดตาให้เห็นเมืองเกียวโตมากขึ้น เดินทางคนเดียวหลงบ้าง งงบ้าง แต่มันสนุกมากๆ

ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านโพสนี้นะคะ หวังว่าจะมีประโยชน์ต่อใครหลายๆ คน ????

สุดท้ายเราฝากคลิปไว้ในคอมเม้นนี้ด้วยน๊าา ลองเข้าไปดูบรรยากาศกันได้

Comment here