คากิโกริ คลายร้อนก่อน ไม่รอแล้วนะ

ยามเมื่อฤดูร้อนใกล้เข้ามาแบบนี้ ก็คงหนีไม่พ้นการสรรหาวิธีดับกระหายคลายร้อนกันนะคะ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเครื่องปรับอาการสู้กับไอร้อน ไปเที่ยวทะเล แม้จะร้อน แต่ก็ได้เล่นน้ำ หรือการหาของกินเย็นๆ หวานๆ ชื่นใจ ที่ช่วยดับร้อนและดับหิวได้ไนเวลาเดียวกัน ไหนๆ ก็พูดถึงของหวานแล้ว วันนี้เราจะนำเสนอเมนูคลายร้อนอย่างคากิโกริค่ะ ไปค่ะทุกคน ไปหาคากิโกริมาคลายร้อนกันดีกว่า
      คากิโกริ
คากิโกริหรือน้ำแข็งไสเกล็ดหิมะ มีประวัติความเป็นมายาวนาน โดยว่ากันว่า คากิโกริมีต้นกำเนิดให้ย้อนไปถึงช่วงสมัยเฮอัน ในศตวรรษที่ 11 โดยในยุคนั้นก่อนจะเป็นน้ำแข็งไสได้ต้องผ่านกรรมวิธีไสน้ำแข็งให้ละเอียด จากนั้นนำไปใส่ถ้วยเหล็ก และรับประทานคู่กับน้ำหวานซึ่งได้จากต้นไม้และดอกไม้ที่มีน้ำหวาน และราดด้วยน้ำเชื่อมที่ทำจากทอง สำหรับยุคนั้นแล้วคากิโกริไม่ใช่ของหวานสำหรับสามัญชนทั่วไปนะคะ หากแต่ชนชั้นสูงสมัยเฮอันเท่านั้นที่จะสามารถรับประทานคากิโกริได้ เพราะน้ำแข็งที่นำมาไสต้องเป็นน้ำแข็งที่ได้มาจากธรรมชาติในช่วงฤดูหนาวของญี่ปุ่นเท่านั้น จากนั้นเมื่อได้น้ำแข็งมาแล้วให้นำไปเก็บในห้องแช่เย็นเพื่อไม่ให้ละลาย และพร้อมรับประทานในช่วงฤดูร้อนนั่นเองค่ะ

คากิโกริ
ต่อมาในศตวรรษที่ 19 ในยุคสมัยเมจิ สามัญชนคนทั่วไปจึงได้มีโอกาสลิ้มลองความอร่อยของคากิโกริ เพราะน้ำแข็งที่ราคาแพงและต้องนำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้ชาวเมืองในยุคนั้นเรียกน้ำแข็งในสมัยนั้นว่า Boston Ice จำเป็นต้องใช้เวลาในการขนส่งนานถึงครึ่งปีกว่า แต่ในเวลาต่อมาเมื่อการขนส่งน้ำแข็งประสบความสำเร็จและไม่ละลายระหว่างทางแล้ว จึงมีการประดิษฐ์เครื่องทำน้ำแข็งในสมัยเมจิ พร้อมๆ กับเครื่องไสน้ำแข็งในสมัยโชวะ และมีร้านจำหน่ายน้ำแข็งเปิดขึ้นเป็นครั้งแรก ต่อจากนั้นก็มีโรงงานผลิตน้ำแข็งเกิดขึ้น ทำให้น้ำแข็งไสแพร่หลายและเป็นที่รู้จักกันค่ะ แต่เพื่อเป็นการควบคุมร้านน้ำแข็งที่เพิ่มจำนวนขึ้น จึงมีกฎหมายให้ผู้ที่ผ่านมาตรฐานสุขอนามัยต้องแขวนป้ายหรือธงโคริบาตะไว้หน้าร้านเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันความได้มาตรฐาน



คากิโกริในปัจจุบันนี้ก็ยังคงเป็นเกล็ดน้ำแข็งไส ดูนุ่ม ฟู ให้ความรู้สึกที่มองด้วยตาเปล่าแล้วคล้ายเกล็ดหิมะที่เพิ่งตกลงมาใหม่ ๆ เช่นเดิม แต่งกลิ่นและรสด้วยน้ำเชื่อม นมข้นหวานชวนกิน และเพิ่มเติมคือรสชาติที่มีมากขึ้น แต่รสชาติที่เป็นที่นิยม ก็ได้แก่ รสสตรอว์เบอร์รี เลมอน  ชาเขียว องุ่น เมลอน ฯลฯ โดยที่วิธีการทำคากิโกริแบบดั้งเดิมนั้นจะใช้เครื่องไสน้ำแข็งที่มีมือจับหมุนก้อนน้ำแข็งบนใบมีดที่ใช้สำหรับไส ถึงแม้ว่าเครื่องไสน้ำแข็งไฟฟ้าจะเป็นที่นิยมกันแล้ว แต่ก็ยังคงแพ้ทางให้กับเครื่องไสน้ำแข็งแบบเก่าที่มีกลิ่นอายความพิเศษจากอดีตนั่นเองค่ะ โดยที่เราๆ ท่านๆ จะหาคากิโกริรับประทานให้ชื่นใจได้ในช่วงฤดูร้อน เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ตามงานเทศกาลประจำฤดูร้อนในวัดหรือศาลเจ้า และร้านค้าแถวชายหาด ทว่าในกรณีที่เร็วกว่าช่วงฤดูร้อน ก็ต้องช่วงโกลเด้นวีค หรือวันหยุดยาวตอนต้นเดือนพฤษภาคมที่จะสามารถหาซื้อคากิโกริรับประทานได้แล้วค่ะ

คากิโกริ
นับว่าคากิโกริหรือน้ำแข็งไสญี่ปุ่นนี้เป็นของหวานที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,200 ปี นับตั้งแต่สมัยเฮอันจนถึง ณ ตอนนี้ ความนิยมในการรับประทานคากิโกริไม่ได้ลดน้อยลงเลยค่ะ หากแต่กลับมากขึ้น พร้อมกับความหลากหลายของเมนูที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน และบวกกับการออกไปสู่ตลาดโลกตามประเทศต่างๆ และกระแสตอบรับก็ดีมาก จึงทำให้คากิโกริเข้าไปนั่งครองใจใครหลายๆ คนเลยค่ะ  หากจะพักเหนื่อยจากอากาศร้อนและเติมความสดชื่นแล้วละก็ อย่าลืมหาคากิโกริเย็นๆ มาคลายร้อนกันนะคะ
ข้อมูลจาก https://www.inhamamatsu.com/recommend/japans-kakigori.php