Yokoi Udon รสชาติอุด้งแห่งประวัติศาตร์กับความอร่อยยาวนานกว่า 130 ปี

หนึ่งในเมนูเส้นๆ จากญี่ปุ่นที่ได้ชื่อว่าอร่อยและดีต่อสุขภาพก็คือ อุด้ง เมนูเส้นสีขาวอวบอ้วน เจ้าของความเหนียวนุ่มหนึบหนับที่ใครๆ ก็หลงรักกับรสชาติดั้งเดิมที่หาทานง่ายในซอยสุขุมวิท 39 จะเป็นที่ไหนไม่ได้เลยนอกจาก Yokoi Udon !!


img_7547


Yokoi Udon เป็นร้านอุด้งเจ้าแรกในเมืองไทยที่ให้บริการแบบ Self-Service เส้นอุด้งของที่นี่เป็นที่ร่ำลือเรื่องของความสดใหม่ เหนียวนุ่มไม่เหมือนที่ไหน ด้วยรสชาติความอร่อยถูกปากและสูตรเด็ดเคล็ดลับที่สืบทอดต่อกันมาตั้งแต่เริ่มเปิดกิจการครั้งแรกเมื่อปี 1877 ที่เมืองคุวานะ จังหวัดมิเอะ จากรุ่นสู่รุ่นยาวนานกว่า 130 ปี และจนถึงทุกวันนี้ก็ยังคงคุณภาพของเส้นอุด้งที่ปรุงสดใหม่ทุกเช้า ผสมรวมกับน้ำซุปดาชิที่ผ่านการเคี่ยวอย่างพิถีพิถัน จนออกมาเป็นอุด้งที่มีเอกลักษณ์และเป็นรสชาติที่ทุกคนประทับใจเสมอ


img_7545


บรรยากาศภายในร้าน

บรรยากาศภายในร้านค่อนข้างกว้างขวาง ตกแต่งด้วยกระจกบานใหญ่ทำให้ดูโล่งโปร่งสบาย เน้นความเรียบง่ายแต่ดูทันสมัย ที่นั่งภายในร้านมีให้เลือกหลายโซนค่ะ มีทั้งแบบโต๊ะปกติและแบบโต๊ะหลุมที่ให้กลิ่นอายแบบญี่ปุ่น แต่ละโซนแบ่งเป็นสัดส่วนดีทีเดียว ไม่ว่าจะมาเดี่ยวๆ มากับกลุ่มเพื่อน หรือมากับครอบครัวก็ไม่รู้สึกอึดอัด แม้จะเป็นร้านแบบ Self-Service แต่ก็มีพนักงานคอยดูแลต้อนรับตลอด ตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านจนออกจากร้านเลย


img_1982

เมนูแนะนำ

จุดเด่นของร้าน Yokoi Udon นอกจากมีอุด้งเส้นสดเหนียวนุ่มและรสชาติไม่เหมือนที่ไหนแล้ว ที่นี่ยังแตกต่างจากอุด้งร้านอื่นตรงที่เป็นร้านแบบ Self-Service หรือแบบบริการตัวเอง เดินเข้าไปในร้านปุ๊บ เราก็จะเห็นเคาน์เตอร์ยาวอยู่ทางขวามือ พร้อมป้ายเมนูต่างๆ


img_2005


เลือกได้แล้วก็เดินเข้าไปสั่งกับเชฟตรงเคาน์เตอร์ หยิบถาดพร้อมตะเกียบมาเตรียมพร้อมไว้เลยค่ะ ส่วนใหญ่พอรับออเดอร์ปุ๊บ เชฟก็จะทำให้เลย แต่สำหรับบางเมนูที่ต้องใช้เวลาหน่อย จะมีพนักงานนำไปเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ


ถัดจากครัวอุด้ง ถ้าใครอยากจะเพิ่มท็อปปิ้งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเทมปุระ ทาโกะยากิ ของทอด หรือโอนิกิริ สามารถคีบใส่จานได้เลยนะคะ เท่าไหร่ก็ได้แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน เสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วก็เดินไปคิดเงิน จากนั้นก็เตรียมตัวไปอร่อยกันที่โต๊ะได้เลย


img_2001

มาดูเมนูกันดีกว่า เมนูของที่ร้านมี 2 ไซส์ คือ M กับ L โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะเอาแบบเย็นหรือร้อน เราสั่งเป็น Nikuoroshi Udon อุด้งหมูชาบูกับหัวไชเท้า แบบเย็นไป พร้อมกุ้งเทมปุระ 2 ตัว และอินาริ 1 ชิ้น


img_1974

นอกจากขิงดอง วาซาบิ และเครื่องเคียงอื่นๆ ที่ให้ตักเติมได้ไม่อั้นแล้ว ที่นี่ยังมีเศษแป้งทอดกรอบๆ ไว้ให้บริการด้วย แน่นอนว่าคนรักของทอดอย่างเราก็ใส่มาแบบเต็มที่เลย อิอิ


img_1996

น้ำชาก็มีนะคะ ทั้งแบบร้อนและเย็น สามารถเดินมาเติมได้เรื่อยๆ


img_1999

ส่วนซอสต่างๆ อย่างโชยุ วูสเตอร์ซอส และพริกป่นญี่ปุ่นมีให้บริการที่โต๊ะแล้วค่ะ


img_1981

ว่ากันเรื่องรสชาติบ้าง เรายังจำวินาทีที่คีบเส้นอุด้งเข้าปากได้อยู่เลยค่ะ รสสัมผัสมันเหนียวนุ่ม หนึบหนับ แบบที่เขาร่ำลือเปี๊ยบ แถมเข้ากันดีสุดๆ กับน้ำซุปดาชิแบบเย็นที่เราเลือก ทานแล้วชื่นใจมาก หมูชาบูก็นุ่ม ติดมันหน่อยๆ ละลายในปากได้อีก


img_7551

Nikuoroshi Udon ไซส์ L ราคา 159 บาท


img_1975

ถ้าอยากเพิ่มความฟิน แนะนำให้โรยเศษแป้งทอดลงไปด้วย เป็นความอร่อยแบบลงตัวที่ดีงาม


img_1977

ทางฟากท็อปปิ้งก็ไม่เบาเหมือนกัน สั่งมา 2 แบบค่ะ กุ้งเทมปุระ กับ อินาริซูชิ


img_7552


เราเลือกทีเด็ด กุ้งเทมปุระ ของทางร้านมาเลย ตัวโตพอสมควร ทอดกรอบใช้ได้ เนื้อกุ้งสดก็หวานกรุบๆ กำลังดี


img_1986

กุ้งเทมปุระ ราคาตัวละ 39 บาท 


img_1994

ส่วนเมนูนี้เรียกว่า อินาริ ซูชิ หรือ ซูชิฟองเต้าหู้ ลักษณะเป็นข้าวปรุงรสแล้วห่อด้วยฟองเต้าหู้ทอด อร่อยดีเหมือนกันนะคะ ตัวข้าวรสชาติออกเปรี้ยวๆ หน่อยเหมือนข้าวที่ใช้ทำซูชิปกติ ส่วนฟองเต้าหู้ด้านนอกจะออกหวานๆ ชิ้นใหญ่พอสมควร ส่วนตัวคิดว่าชิ้นเดียวพอแล้วค่ะ เดี๋ยวจะเลี่ยนไป5555


img_1983

อินาริ ซูชิ ราคาชิ้นละ 25 บาท


อ้อ เมื่ออิ่มอร่อยกันเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมเก็บจานชามที่ใช้แล้วเข้าที่ให้เรียบร้อยด้วยนะคะ เป็นอันเสร็จภารกิจการบริการตัวเองอย่างสมบูรณ์


ตอนที่เรามาเป็นช่วงพักกลางวันพอดี จะมีหนุ่มสาวออฟฟิศทั้งชาวไทยและชาวญี่ปุ่นมาทานกันค่อนข้างแน่นร้าน ถ้าอยากมาอร่อยแบบสบายหน่อย แนะนำเป็นช่วงตั้งแต่บ่ายโมงไปจนถึงเวลาพักของร้าน หรือไม่ก็ช่วงเย็นๆ ไปเลยกำลังดี นั่งได้ยาวๆ ไม่ต้องรีบลุกไปไหน


ที่ตั้งร้านอาจจะอยู่ลึกและเดินทางมาลำบากสักหน่อย แต่สำหรับใครที่เป็นสาวกอุด้งเส้นสดเนื้อหนึบหนับตำรับญี่ปุ่นแท้ๆ เราขอรับประกันความอร่อยของร้านนี้จากใจเลยค่ะ ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่ลองแวะไปกันดูนะคะ บอกเลยว่าไม่ควรพลาดจริงๆ